มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2005
ในขณะที่สตรีอ่อนแอรู้สึกสิ้นหวังอยู่นั้น พ่อหนุ่มที่โยนคนใช้สาวของคุณหนูออกไปกลับเอ่ยปากถามนางกะทันหัน
“โอหัง!”
คุณหนูที่เย่อหยิ่งจองหองนั่นก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีคนกล้าทำตัวกําเริบเสิบสานต่อหน้านาง ในเมืองอิมเอี๊ยง มีแต่นางที่มีสิทธิ์ทำตัวกำเริบเสิบสานต่อผู้อื่น!
ในขณะที่นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับชายหนุ่มที่ไม่รู้จักความเป็นความตายตรงหน้าอยู่นั้น กลับพบว่าแววตาของหลัวซิวกำลังจับจ้องมาบนตัวนาง จิตสังหารอันเฉียบคมเสี้ยวหนึ่งกลายเป็นความเย็นเยือก ทำให้นางต้องกลืนคำพูดทั้งหมดที่จะพูดลงท้องไป
เพียงสายตาเดียวเท่านั้น ทว่าคุณหนูท่านนี้ของคฤหัสถ์กุยห่ายกลับไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย หากฝ่ายตรงข้ามอยากสังหารนางละก็ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ภายในเสี้ยววินาทีเลย
“เจ้าสู้นางไหวหรือไม่?”หลัวซิวใช้นิ้วชี้ไปทางคุณหนูที่เย่อหยิ่งจองหอง
“ข้า……”สตรีอ่อนแอหยุดชะงักไป ใบหน้าของนางเปี่ยมล้นไปด้วยความงุนงง ไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าคนดังกล่าวคือผู้ใดกันแน่ เหตุใดจึงต้องช่วยเหลือตน หรือเขาไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคือคุณหนูที่มีเกียรติสูงศักดิ์ของคฤหัสถ์กุยห่าย ส่วนนางเป็นเพียงทาสรับใช้ชั้นต่ำ?
การที่คุณหนูของคฤหัสถ์กุยห่ายอบรมสั่งสอนทาสสาวชั้นต่ำคนหนึ่งนั้น เป็นสิ่งที่ปกติมาก ๆ ในเมืองอิมเอี๊ยง
แต่ทว่ากลับมีคนเช่นนี้ปรากฏกะทันหัน และกําเริบเสิบสานอย่างยิ่ง มองข้ามคุณหนูของคฤหัสถ์กุยห่ายเหมือนไร้ตัวตน ใช้มือข้างเดียวก็สามารถโยนคนใช้สาวของคุณหนูออกไปได้แล้ว และไม่ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
บนใบหน้าที่เรียวบางของฉินฮ่วนเปี่ยมล้นไปด้วยความเย็นเยือก ในฐานะที่เป็นคุณหนูของคฤหัสถ์กุยห่าย มาตรแม้นว่าเป็นเหล่ายอดฝีมือราชาเทพช่วงปลาย เมื่ออยู่ต่อหน้านางก็ไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสาน ไม่กล้าบุ่มบ่าม ทว่าหมอนี่ที่อยู่ตรงหน้ากลับบังอาจมีจิตที่จะสังหารนางอย่างนั้นหรือ?
จิตสังหารในแววตาอันเยือกเย็นในเมื่อครู่นี้รวดเร็วและเฉียบคมอย่างยิ่ง นี่จึงทำให้ฉินฮ่วนทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนไปก่อน เนื่องจากบนโลกใบนี้ไม่ขาดแคลนผู้ที่ไม่เกรงกลัวความตาย หากทำให้หมอนี้เดือดดาลขึ้นมาจริง ๆ หากฝ่ายตรงข้ามสังหารนางที่นี่ ต่อให้คฤหัสถ์กุยห่ายสามารถแก้แค้นเพื่อตนเองได้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรเล่า?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่สามารถคิดเช่นนี้ได้นั้น เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าฉินฮ่วนก็ไม่ใช่คุณหนูที่เย่อหยิ่งจองหองโดยสิ้นเชิงเสมอไป เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่จำเป็น นางก็รู้จักคิดและถดถอยเป็นเช่นกัน
ไม่ว่าคนดังกล่าวจะอยากเป็นพระเอกขี่ม้าขาว หรือมีความสัมพันธ์อะไรกับทาสชั้นต่ำนี้ก็ตาม ขอแค่นางเชื้อเชิญผู้แข็งแกร่งในคฤหัสถ์กุยห่ายมากำราบสองคนนี้ มันก็เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากไม่ใช่หรือ?
“ดีมาก! ทาสชั้นต่ำอย่างมึงหาที่พึ่งพาดี ๆ ได้แล้วสินะ!”
ฉินฮ่วนทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง จากนั้นดวงตาที่โฉบเฉี่ยวคู่นั้นก็จ้องมองไปทางหลัวซิวรอบหนึ่ง ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป
หลัวซิวย่างกรายลงบนวิถียุทธ์จวบจนปัจจุบัน เคยผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มามากไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ดูจากสายตาที่คุณหนูนางนั้นมองตนเองในเมื่อครู่นี้ เขาก็ทราบแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามคิดอะไรอยู่ในใจ
ทว่าสำหรับหลัวซิวแล้ว คฤหัสถ์กุยห่ายที่อยู่เบื้องหลังนางไม่ถูกเขานำไปใส่ใจด้วยซ้ำ เขาไม่ใช่หนุ่มน้อยที่ยังต้องระมัดระวังในโลกามนุษย์อีกต่อไปแล้ว
สตรีอ่อนแอนั่นตกใจหนักมาก เมื่อนางเห็นว่าฉินฮ่วนหันหลังเดินจากไป จึงอุทานคำว่าแย่แล้วในใจ จากความเข้าใจของนางที่มีต่อคุณหนูท่านนี้ นางไม่ใช่คนที่ยอมกล้ำกลืนฝืนทนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว หากนางกลับไปคราวนี้ ต้องเชิญยอดฝีมือของคฤหัสถ์กุยห่ายมาแน่นอน
“เมิ่งเหยาซาบซึ้งในบุญคุณของคุณชายอย่างมาก แต่ทว่าคุณชายรีบหนีเอาชีวิตรอดดีกว่าเจ้าค่ะ หลังจากที่คุณหนูฉินฮ่วนนั่นจากไปแล้ว ต้องไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน”สตรีอ่อนแอรีบพูดกับหลัวซิวที่อยู่ข้างกาย
นางไม่อยากทำให้ผู้มีพระคุณของตนเองเดือดร้อนไปด้วย ในส่วนของตัวนางเองนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับอิทธิพลของคฤหัสถ์กุยห่าย นางจะหนีไปที่ใดได้เล่า?
หลัวซิวไม่ได้พูดอะไร แค่มองดูใบหน้าของสตรีอ่อนแอที่ค่อนข้างขาวซีดตรงหน้า แล้วรู้สึกทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้
เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะพบเจอลู่เมิ่งเหยาที่นี่