มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2026
ในขณะที่ใจลอย หลัวซิวรู้สึกว่าดูเหมือนยังมีเรื่องราวอีกหลายอย่างที่ตนต้องไปจัดการ ทว่าท้ายที่สุดแล้วเขากลับเป็นตัวคนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถแยกร่างออกเป็นหลายร่างเพื่อไปจัดการปัญหาต่าง ๆ พร้อมกัน
“ในแดนศักดิ์สิทธิ์ มีค่ายวาร์ฟล่องหนที่มุ่งหน้าไปสู่โลกเสวียนเทียน จากผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของเจ้า เพียงพอที่จะไปฝ่าฟันในโลกเสวียนเทียนได้แล้ว”
หลัวซิวไม่ได้แนะนำให้ฮู๋ชิงชิงล้มเลิกความคิดในการเดินตามเส้นทางในอดีตของตนแต่อย่างใด เนื่องจากทุกคนล้วนมีการตัดสินใจของตัวเอง เขาจำเป็นต้องเคารพการตัดสินใจของฮู๋ชิงชิง
ขณะที่แยกจากกัน ฮู๋ชิงชิงมองดูเงาหลังของเขาค่อย ๆ ห่างไกลออกไป ภายในดวงตาที่งดงามคู่นั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความแน่วแน่
นางกำแหวนเก็บของไว้ในมือหนึ่งวง ซึ่งภายในแหวนเก็บของดังกล่าวมีค่ายกลฮู้ที่หลัวซิวกลั่นขึ้นมาด้วยตนเอง
เมื่อมีสิ่งของเหล่านี้คอยคุ้มกันวิถีของนาง บางทีสักวันระหว่างเขาและนางอาจจะได้พบหน้ากันในมหาโลกาพันสามอีก
“ควรออกเดินทางแล้ว……”
ไม่รู้ว่าฮู๋ชิงชิงยืนอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ เงาร่างของหลัวซิวหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือมีหิมะร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
หิมะพัดโบก เงียบเหงาดุจหิมะ มีเพียงเงาร่างเดียว เงาหลังเดียว รอยยิ้มเดียว ได้ประทับไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
ฮู๋ชิงชิงจากไปแล้ว นางมุ่งหน้าไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ นางจะเดินตามรอยเท้าของหลัวซิวเมื่อครั้นนั้น ทลายอนัตตา มุ่งหน้าตรงไปยังโลกเสวียนเทียน
นางจะไล่ตามรอยเท้าที่หลัวซิวเคยเดิน จนกระทั่งถึงวันที่ทั้งสองได้พบหน้ากันอีกครั้ง
“หิมะตกแล้ว”
เดินเล่นอยู่ในทุ่งราบที่รกร้างว่างเปล่า จู่ ๆ หลัวซิวก็หยุดฝีเท้าลง บนแผ่นดินใหญ่นับหมื่นไมล์ ทิวทัศน์หิมะขาวโพลนงดงามแบบอธิบายไม่ถูก ทว่ากลับมีความเงียบเหงาวังเวงอย่างอธิบายไม่ถูกเช่นกัน
ทันใดนั้นเองก็มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจเขา ก่อนจะแหงนหน้ามองอนัตตาที่ไร้ขอบเขต
ราวกับดวงตาทั้งสองข้างของเขามองทะลุผ่านอนัตตา เขม็งมองห้วงดารานอกโลก มองเห็นประตูระลอกคลื่นหลุมดำที่ลอยอยู่ในส่วนลึกของจักรวาล
โครมคราม……
ณ บัดนี้วินาทีนี้ มีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นสะท้อนออกมาจากระลอกคลื่นหลุมดำอย่างไม่หยุดหย่อน และวิชาห้ามค่ายกลที่หลัวซิวร่ายไว้ตรงทางเข้าระลอกคลื่นหลุมดำเมื่อปีนั้นก็สะเทือนอย่างรุนแรงเช่นกัน ราวกับสามารถพังทลายได้ตลอดเวลา
สำหรับเรื่องนี้ หลัวซิวไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด ครั้นนั้นเขาให้ทุกคนในสมาคมเฟยหยางถอนกำลังออกในนามสำนักหนานเหมินหลังจากคนเหล่านั้นกลับไปแล้ว พวกเขาก็ต้องรู้สึกสงสัยอย่างแน่นอน
ถึงครานั้นหากสำนักอิมเอี๊ยงที่อยู่เบื้องหลังสมาคมเฟยหยางไต่ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาก็ต้องค้นพบความผิดปกติของสำนักหนานเหมินอย่างแน่นอน
และทันทีที่ค้นพบความผิดปกติบนตัวสำนักหนานเหมินเช่นนั้นผู้แข็งแกร่งของสมาคมเฟยหยางและสำนักอิมเอี๊ยงก็ต้องคิดหาทุกวิถีทางเพื่อทะลุผ่านระลอกคลื่นหลุมดำ ย่างกรายมาที่นี่อย่างแน่นอน
อย่างไรเสียผู้ที่สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพกลายเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่งได้นั้น ต้องเป็นบุคคลที่ทำให้คนใหญ่คนโตในสำนักอิมเอี๊ยงไม่สบายใจได้แน่นอน
“คุณชาย มีเรื่องอันใดหรือ?”ฉียู่หรงพบว่าหลัวซิวกำลังแหงนหน้าเบิ่งมองอนัตตา จึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย
อดีตนางเคยเรียกหลัวซิวว่าศิษย์พี่และเคยเรียกว่าท่านพี่เช่นกัน แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้นางกลับชอบเรียกเขาว่าคุณชาย
ตลอดช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา เขาเดินทางไปมาอยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ หวนรำลึกถึงเรื่องราวในวันวาน เหมือนดั่งคุณชายโดดเดี่ยวที่ไปเยือนทุกแห่งหนของโลกมนุษย์ หากบอกว่าผู้มีความฉลาดเป็นเลิศในจักรวาลฟ้าดินมีมากจนนับไม่ถ้วน เช่นนั้นผู้ที่มีคุณสมบัติถูกเรียกว่าคุณชายได้นั้น มีเพียงเขาที่อยู่ตรงหน้านี้เท่านั้น
“สุดท้ายแล้วช่วงเวลาที่เงียบสงบก็ไม่มีวันยืนยาว ถึงคราที่เลือดจะย้อมเต็มห้วงดาราแล้ว”หลัวซิวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
ในระหว่างที่พูดคุยกัน หลัวซิวก็หกระเหินเดินฟ้า มุ่งหน้าตรงไปยังห้วงดารานอกโลกแสงดาว
ในขณะเดียวกัน ร่างแท้ของหลัวซิวที่อยู่ในหมู่บ้านชิงเมี่ยวก็เปิดประตูบ้านหลังคาฟางออก ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกมา
“ท่านพี่ ข้ามีธุระต้องออกไปครู่หนึ่ง”หลัวซิวพูดกับหลัวซิ่วเอ๋อร์คำหนึ่ง พ่อแม่ผู้อาวุโสได้นอนหลับในห้องนอนแล้ว