มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2035
ยกตัวอย่างเช่นแก่นสารสำคัญของคัมภีร์โอสถ นั่นก็คือวิถียุทธ์ดุจกลั่นยา กลั่นยาดุจกลั่นวิญญาณ
ซึ่งภายในฎีกาค่ายฉบับไม่สมบูรณ์ครบถ้วนก็มีการพูดถึงเค้าโครงทั่วไปเช่นกัน ใช้ค่ายกลสุดยอดปลุกเสกร่างตน เปลี่ยนแปลงฟ้าดิน ยึดกุมสรรพวิถี!
การสลักค่ายกลปลุกเสกร่างตนมีสามประเภท สลักร่างเนื้อ สลักตัวหยั่งรู้และสลักจุดตันเถียน
ฎีกาค่ายไม่สมบูรณ์ครบถ้วน มีเพียงวิชาจักรวาลชีพบูรณ์ และหลัวซิวก็ตระหนักรู้ในวิชาแห่งการสลักร่างเนื้อได้โดยบังเอิญด้วย
ในส่วนของค่ายกลสลักตัวหยั่งรู้และสลักจุดตันเถียนนั้น เขากลับไม่เคยใคร่ครวญได้เลย
เมื่อดูจากความหมายบางอย่าง ความลึกลับและมหัศจรรย์ของคัมภีร์โอสถกับฎีกาค่ายอยู่เหนือพลังจุติมรณะอยู่
ยิ่งกว่านั้นคือในบรรดาสรรพวิชาทั้งหมดที่หลัวซิวฝึกในปัจจุบัน พลังจุติมรณะก็ถือว่าไม่สมบูรณ์ครบถ้วนเช่นกัน เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวรยุทธ์วัฏสงสารโบราณแบบสมบูรณ์ เมื่อฝึกจนถึงขีดสุด สามารถฝึกกฎความตายถึงขั้น 10 บริบูรณ์ใหญ่ หรือว่าแดนเทพมารระดับ 6 นั่นเอง
……
แดนศักดิ์สิทธิ์เป็นแหล่งรวมตัวของผู้แข็งแกร่งมาตั้งแต่อดีตแล้ว เนื่องจากที่นี่มีค่ายวาร์ฟล่องหนค่ายหนึ่ง ซึ่งเชื่อมต่อกับโลกาชั้นฟ้า
บางครั้งกองกำลังในโลกาชั้นฟ้าก็จะส่งเทพมารที่แข็งแกร่งลงมายังโลกามนุษย์เช่นกัน ลงมาในฐานะโฆษกของโลกแสงดาว ยึดกุมสถานภาพในโลกหล้า
นอกแดนศักดิ์สิทธิ์ จู่ ๆ ฮู๋ชิงชิงก็หยุดฝีเท้าลง มองเห็นเงาดำร่างหนึ่งตรงหน้า
“พี่ชิงชิง”
เงาร่างตรงหน้าค่อย ๆ หันหลังกลับมา ซึ่งนางก็คือลู่เมิ่งเหยานั่นเอง
“เมิ่งเหยา?”สีหน้าของฮู๋ชิงชิงดูประหลาดใจ ตลอดช่วงเวลาสองร้อยกว่าปีที่หลัวซิวจากไป เนื่องจากมูลเหตุของหลัวซิวทำให้พวกนางทั้งสองกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
“พี่ชิงชิงจะไปโลกเสวียนเทียนหรือ?”ลู่เมิ่งเหยาถาม
เมื่อก่อนฮู๋ชิงชิงก็เคยบอกความปรารถนาของตนให้นางฟังแล้ว นั่นก็คือสักวันจะไล่ตามรอยเท้าที่หลัวซิวเคยเดิน
ปัจจุบันเมื่อหลัวซิวกลับมาเยือนโลกแสงดาวอีกครั้ง ลู่เมิ่งเหยาก็รู้แล้วว่านางน่าจะเดินลงบนเส้นทางนี้จริง ๆ แล้ว ดังนั้นจึงมารออยู่นอกแดนศักดิ์สิทธิ์
“ใช่ พี่จะไปแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชั่วชีวิตนี้พวกเราพี่น้องจะได้พบหน้ากันอีกไหม”ฮู๋ชิงชิงยิ้มพลางพูดอย่างไร้กังวล
“พี่ชิงชิง ข้าจักไปพร้อมท่าน”
สตรีทั้งสองสบตากัน ราวกับเวลาได้หยุดนิ่งลง ณ เสี้ยววินาทีนั้น ฝ่ายตรงข้ามกำลังนึกคิดอะไรอยู่ในใจ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงจะไม่ทราบได้อย่างไร?
แต่ทว่าเส้นทางนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะยากลำบากมาก บางทีจนกระทั่งพวกนางแก่ชราและล่วงลับไปอย่างโดดเดี่ยวแล้ว ก็ใช่ว่าจะเดินตามรอยเท้าและไล่ตามหลัวซิวที่เดินนำอยู่ข้างหน้าสำเร็จเสมอไป
“ข้าเคยเสียใจทีหลังมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงข้าก็จะทำให้ตัวเองเสียใจทีหลังอีกไม่ได้ ชั่วชีวิตนี้ของคนเรา สิ่งที่ต้องการก็คือไร้ซึ่งความเสียดายมิใช่หรือ?”แววตาของลู่เมิ่งเหยาแน่วแน่มาก ๆ ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ นางผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มาเยอะมาก ๆ แล้ว นางไม่อยากรอให้ตนเองแก่ชราและล่วงลับพร้อมกับความเสียดาย
“เช่นนั้นก็ไปพร้อมกันเถิด”ฮู๋ชิงชิงไม่ได้ตอบปฏิเสธแต่อย่างใด แม้นางจะชอบหลัวซิวมาก ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่อนุญาตให้ผู้อื่นชอบเขา
สตรีทั้งสองเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ และหลังจากที่เงาร่างของพวกนางทั้งสองค่อย ๆ ห่างไกลออกไปแล้ว มีเงาดำอีกร่างหนึ่งปรากฏกลางนภาสูงโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง
ซึ่งเจ้าของเงาดำดังกล่าวก็คือสำนักหนานเหมินเป็นผู้ที่หลัวซิวส่งมาคุ้มกันเส้นทางการเดินของฮู๋ชิงชิง!
หลัวซิวทราบอยู่ว่าฮู๋ชิงชิงกำลังจะเดินบนเส้นทางของตัวเองแล้ว หลัวซิวรู้สึกชื่นชมอุปนิสัยและการตัดสินใจเช่นนี้ของนางมาก มีสำนักหนานเหมินที่มีผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้น 6 คอยคุ้มกันบนเส้นทางการเดินของนาง เพียงพอที่จะทำให้นางเดินได้ไกลมากยิ่งขึ้นแล้ว
หลังจากจัดการปัญหาหลุมดำจักรวาลเสร็จสรรพ หลัวซิวก็มาถึงบ้านหลังคาฟางในหมู่บ้านชิงเมี่ยวใหม่อีกครั้ง เขายืนอยู่หน้าประตู เบิ่งมองอนัตตาและสัมผัสได้ถึงคลื่นปริภูมิ มีคนใช้ค่ายวาร์ฟล่องหนเปิดเส้นทางที่มุ่งหน้าตรงไปยังโลกเสวียนเทียน