มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2046
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ผู้เฒ่านภากาศก็อึ้งทึ่งไปเลย ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น ซิงเฉินก็ตกตะลึงพรึงเพริดเช่นกัน
สำนักไท่ฉือนั้นเป็นการคงอยู่ที่แข็งแกร่งมากเพียงใด? สูงตระหง่านและมั่นคงดั่งขุนเขาอยู่ในการสืบทอดของโลกะอัมพรเทวมาไม่รู้กี่หมื่นปี นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะพูดจาโอหังบอกว่าจะไปล้มล้างสำนักเขาของสำนักไท่ฉืออย่างนั้นหรือ?
“พ่อหนุ่ม ถึงแม้ข้างกายเจ้าจะมีมกุฎเทพสองท่าน แต่ภูมิฐานของสำนักไท่ฉือแน่นหนา จำนวนผู้อาวุโสมกุฎเทพมีมากถึงมากที่สุด ยิ่งกว่านั้นคือยังไม่รวมบรรพอาจารย์ที่อยู่ระดับมกุฎเทพช่วงปลายตลอดจนกึ่งจ้าวมหาเทพ!”ผู้เฒ่านภากาศพูดกระแทกเสียงต่ำ เขารู้สึกว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้จองหองพองขนมากเกินไป ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงมากเกินไปจริงๆ
“มกุฎเทพก็ดี กึ่งจ้าวมหาเทพก็ช่าง ล้วนไม่มีสิ่งใดที่ต้องพะวง”หลัวซิวไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
“เหอะ!”
ผู้เฒ่านภากาศไม่รู้ว่าควรจะประมาณค่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างไรแล้วจริง ๆ น้ำเสียงก็ดูเยือกเย็นลงแล้วพูด: “หากเจ้าจะไปรนหาที่ตายในสำนักไท่ฉือ ข้าไม่สน แต่ได้โปรดอย่าทำให้ตระกูลเทพสงครามเดือดร้อนไปด้วยเลย”
แม้ไม่อยากมีปัญหากับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ แต่เพื่อคำนึงถึงตระกูลเทพสงคราม ผู้เฒ่านภากาศจึงต้องบอกเรื่องที่ไม่ต้องการเกิดขึ้นไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
“ดูท่าผู้อาวุโสไม่เชื่อว่าผมมีศักยภาพทำเช่นนั้นได้สินะ?”หลัวซิวถาม
“ไม่ใช่ข้าไม่เชื่อ แต่นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หากสำนักไท่ฉือจัดการง่ายขนาดนั้นจริง ๆ ก็คงไม่มีทางสูงตระหง่านและมั่นคงดั่งขุนเขาอยู่ในโลกะอัมพรเทวมาได้นานหลายสิบล้านปีหรอก”ผู้เฒ่านภากาศส่ายหน้าพลางพูด
“อ้างอิงจากข่าวคราวที่ข้าได้รับมา อีกไม่ถึงสามวัน เทพธิดาของสำนักไท่ฉือก็จะมาเยือนแล้ว ตระกูลเทพสงครามจะเลือกเอาทางใดกันแน่ ซิงเฉินเจ้ากลับไปคิดพิจารณาดี ๆ ก่อนเถิด อย่าทำให้ตระกูลเทพสงครามของเจ้าต้องถึงขั้นตกอยู่ในสถานการณ์การถูกล้มล้างเลย!”
ผู้เฒ่านภากาศไม่ได้พูดคุยกับหลัวซิวต่อ ในมุมมองของเขา เขารู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้จองหองพองขนมากจนเกินจะเยียวยาแล้ว ถึงครานั้นหากรุกรานสำนักไท่ฉือแล้ว ต้องได้ตายอย่างไรข้อสงสัยแน่นอน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพูดเตือนสติซิงเฉิน ให้เขาอย่าสมคบกับชายหนุ่มคนนี้
“เหอะ ๆ สามวันหรือ? เช่นนั้นคุณชายอย่างข้าก็จักรอนางที่นี่สามวัน”หลัวซิวยิ้มอ่อน จากนั้นเขาก็หันหลังแล้วยิ้มพลางเดินไปพูดกับจีเสี่ยวจื่อที่อยู่ข้างกาย: “ช่วงนี้พวกเจ้าก็เที่ยวเล่นอยู่ในเมืองเทพสงครามนี้ดี ๆ ก่อนเถอะ”
“ไปกันเลย!”จีเสี่ยวจื่อรีบจูงมือหนิงหานยู่แล้วหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที ในส่วนของฉียู่หรงนั้น นางยังคงสุขุมเรียบนิ่งเหมือนเก่า คอยติดตามอยู่ข้างกายหลัวซิว
สตรีทั้งสามนางมั่นใจในศักยภาพของหลัวซิวอย่างเต็มเปี่ยม นอกจากมีผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพปรากฏ มิเช่นนั้นในโลกามนุษย์ แทบจะไม่มีผู้ใดที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาเลย ต้องท้าวความก่อนว่ากระทั่งถึงบัดนี้ พวกนางยังไม่สามารถลืมภาพเหตุการณ์ครั้นเมื่อเขาข้ามผ่านทัณฑ์เลย
เขม็งมองเงาหลังของพวกหลัวซิวค่อย ๆ จากไป ผู้เฒ่านภากาศถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ซิงเฉิน เจ้าต้องพิจารณาความเป็นความตายของตระกูลเทพสงครามให้มาก ๆ อย่าทำให้คนทั้งตระกูลต้องมอดไหม้เพราะคนนอกคนหนึ่งเลย”
“สำหรับเรื่องดังกล่าว สิ่งที่ข้าสามารถช่วยเหลือเจ้าได้นั้นก็มีไม่มากเช่นกัน ขอให้เจ้าดูแลตัวเองให้ดีเถิด”ผู้เฒ่านภากาศไม่พูดอะไรมาก ลอยตัวขึ้นฟ้า ผันร่างเป็นแสงกลแล้วหายไปจากขอบฟ้า
แม้ผู้เฒ่านภากาศจะเคยคุ้มครองตระกูลเทพสงครามมาหลายครั้งมาก ทว่าจะไม่คำนึงถึงชีวิตของตนเองและครอบครัวไม่ได้เช่นกัน สำนักที่มีอำนาจยิ่งใหญ่อย่างสำนักไท่ฉือ ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถรุกรานได้
สำหรับนักยุทธ์แล้ว ระยะเวลาสามวันผ่านไปเร็วดั่งภายในพริบตาเลย
ซิงเฉินไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่จริงใจของผู้เฒ่านภากาศ เนื่องจากไม่ว่าอย่างไรเขาก็ขัดต่อคำพร่ำสอนของบรรพบุรุษไม่ได้ มาตรแม้นว่าตระกูลเทพสงครามต้องล่มสลายเพราะเหตุนี้ เขาก็จำเป็นต้องกล่าวคำสาบานว่าจะปกป้องของสิ่งนั้น
ในส่วนของหลัวซิวนั้น ซิงเฉินก็คอยระแวดระวังเขาอย่างมากเช่นกัน แม้เขาจะเป็นผู้ส่งซากกระดูกของท่านพ่อกลับมา ทว่าที่คนดังกล่าวอยู่ที่นี่ต่อนั้น ใช่ว่าเขาจะไม่เห็นแก่ของสิ่งนั้นที่บรรพบุรุษตระกูลเทพสงครามทิ้งไว้เสมอไป