มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2089
สองแขนพันมังกร ซึ่งนี่คือเอกลักษณ์ที่ปรากฏในวรยุทธ์ของตระกูลจู้เท่านั้น!
เรียกได้เลยว่ากฎเพลิงอัคคีของตระกูลจู้นั้น มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกะดาราอัมพรเทวมาก ๆ ผันพลังแห่งกฎให้กลายเป็นมังกรคู่พันรอบแขน ซึ่งสามารถเพิ่มเสริมกำลังรบ และไม่อ่อนกว่าชี่รบระดับสี่ของตระกูลจ้าวเลย
จากผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้นสูงของจู้เทียนฉง พลานุภาพของมังกรอัคคีทั้งสองตัวที่ผนึกรวมจากแขนทั้งสองข้างของเขา สามารถเทียบทัดพลานุภาพของของขลังราชันย์ชั้นสูง
“ตู้ม!”
หลัวซิวหกระเหินเดินฟ้า อัคคีเทพซิวหลัวลุกโชนครอบท้องฟ้าและปฐพี ม้วนซัดท้องฟ้า
“โง่เง่า มาเล่นไฟต่อหน้าข้า มึงยังอ่อนไปมาก!”
จู้เทียนฉงแสยะยิ้มอย่างดูถูก มังกรอัคคีที่พันอยู่รอบแขนทั้งสองข้างอ้าปากขึ้น ราวกับปลาวาฬเขมือบเหยื่อ ดูดกลืนอัคคีเทพซิวหลัวที่ลุกลามเต็มท้องฟ้า ทลายพลังการโจมตีของหลัวซิวไปได้อย่างง่ายดาย
“ฮ่าฮ่า ช่างสะใจยิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าผู้น้อยกระจอก ๆ อย่างมึงจะสามารถควบคุมพลังแห่งเพลิงอัคคีขั้น 7 อย่างนั้นหรือ”
หลังจากกลืนกินอัคคีเทพซิวหลัวของหลัวซิวไปแล้ว พลังออร่าบนร่างกายจู้เทียนฉงก็ฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น ดาบเทพเล่มหนึ่งปรากฏในมือ ในช่วงเวลาที่ฟาดฟันดาบออกมา ไฟที่ร้อนและรุนแรงแผดเผา ทลายอนัตตา
โคจรกฎห้วงเวลา การโจมตีของจู้เทียนฉงสร้างความเสียหายให้กับหลัวซิวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ส่วนหลัวซิวนั้นก็กระตุ้นอัคคีเทพซิวหลัวอย่างไม่หยุดหย่อน ถูกมังกรอัคคีที่พันอยู่รอบแขนทั้งสองข้างของหลัวซิวดูดกลืนอย่างต่อเนื่อง
“ผู้น้อย มึงไม่รู้หรือว่าวรยุทธ์ของตระกูลจู้สามารถกลืนกินอัคคีอื่น ๆ? วิธีการเช่นนี้ของมึงน่ะมันโง่เง่าสิ้นดี!”จู้เทียนฉงหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างเยือกเย็น ในขณะเดียวกันจิตใจเขาก็คอยระแวงระวังอยู่ด้วย เนื่องจากเขารู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามน่าจะไม่ถึงขั้นโง่เง่าเช่นนี้ สูญเสียพลังแห่งเพลิงอัคคีเพื่อให้เขาดูดกลืนโดยเสียเปล่า?
อย่างไรก็ตามหลัวซิวกลับไม่พูดเลยแม้แต่คำเดียว แค่กระตุ้นอัคคีเทพซิวหลัวอย่างไม่หยุดหย่อน ปล่อยให้จู้เทียนฉงดูดกลืนกลั่นแปรตามใจ
“ผู้น้อย! หากมีปัญญาจริงก็ออกมาสู้กันสักตั้ง หดหัวอยู่แต่ในกระดองนับเป็นวีรบุรุษประสาอะไรวะ?”
จู้เทียนฉงโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง ถึงแม้การดูดกลืนอัคคีเทพไปเป็นจำนวนมากจะทำให้พลังออร่าของเขายิ่งอยู่ยิ่งฮึกเหิม แต่ไม่ว่าเขาจะลงมือโจมตีอย่างไร ทว่าก็แตะต้องแม้แต่ปลายเล็บของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ด้วยซ้ำ นี่จึงทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกคนอื่นปั่นหัวเล่น
“จริงหรือ? หากเจ้าอยากสู้ เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เจ้าสมความปรารถนาเอง”
อยู่เหนือการคาดหมายของจู้เทียนฉง ครั้งนี้หลัวซิวไม่ได้เลือกที่จะนิ่งเงียบต่อไป แต่เป็นการตอบโต้
ทันใดนั้นเอง เงาร่างของเขาก็ปรากฏตรงหน้าจู้เทียนฉงโดยตรง ภายใต้การวิวัฒนาการหมื่นจักรวาลไร้รูป ปล่อยหมัดออกไปจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น!
หมัดที่ปล่อยออกไปของเขากลายเป็นวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิด ในขณะที่วัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดกำลังหมุนไปรอบ ๆ ก็ทำให้ทุกสรรพสิ่งถูกกดอัดทำลายล้าง
“ไปตายซะเถอะ!”
จู้เทียนฉงตะคอกเสียงดังลั่น อัคคีเทพที่กำลังลุกโชนรวมกันบนดาบเทพที่อยู่บนมือเขา เขาได้ดูดกลืนพลังแห่งเพลิงอัคคีจำนวนมากมาจากตัวหลัวซิว จึงไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
แต่ในเวลานี้เอง เพลิงอัคคีที่ลุกโชนออกมาจากตัวจู้เทียนฉงกลับสูญเสียการควบคุมไปกะทันหัน เพลิงอัคคีทั้งหมดม้วนซัดกลับมา ทำให้เขาจมหายไปในเพลิงอัคคีภายในพริบตา
ในขณะเดียวกัน วัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดที่หลัวซิวปล่อยออกไปนั้นก็แปรเปลี่ยนไปตามกัน กลายเป็นเตากลั่นยาหนึ่งเตา เสียงกวงดังขึ้น จู้เทียนฉงพร้อมกับเพลิงอัคคีบนตัวเขาถูกผนึกเข้าไปภายในเตากลั่นยา
“มึงคิดว่าตัวเองสามารถดูดกลืนดูดซับอัคคีเทพชีวีของกูง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? หรือมึงไม่รู้ว่าหากพูดถึงเรื่องอุบายในการเล่นไฟแล้ว ตระกูลจู้ของพวกมึงจะสามารถเทียบเคียงกับนักยาเซียนได้อย่างไรเล่า?”
หลัวซิวกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น ผลการฝึกตนศักยภาพของจู้เทียนฉงนี่ไม่อ่อนก็จริง แต่ทว่าการคิดไปเองว่าตัวเองถูกต้อง ดูดซับกลั่นแปรอัคคีเทพชีวีของเขานั้น มันเป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ
วิถีกลั่นยาของเขามีบ่อเกิดมาจากคัมภีร์โอส ในคัมภีร์โอสนอกจากจะมีการบรรยายวรยุทธ์กลั่นวิญญาณอย่างเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณแล้ว สิ่งที่บรรยายอีกก็คือวิชาควบคุมไฟและวิชากลั่นยาของนักยาเซียน
โดยเฉพาะนักยาเซียนคนหนึ่งที่ฝึกอัคคีเทพชีวีออกมาได้แล้ว วิชาควบคุมไฟของคนดังกล่าวเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ยิ่งเป็นนักยาเซียนที่ปราดเปรื่องมากเท่าไหร่ วิชาควบคุมไฟก็จะยิ่งยอดเยี่ยมมากเท่านั้น