ขอแค่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ มาตรแม้นว่าเป็นบรรพอาจารย์ระดับกึ่งจ้าวมหาเทพของกองกำลังเหล่านี้ที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ปรากฏตัว หลัวซิวก็ไม่ใส่ใจแต่อย่างใด ถึงแม้จะสู้ไม่ไหว เขาก็มีความมั่นใจในการถอยโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ
อนัตตาบริเวณรอบ ๆ เงียบสงบ แต่หลัวซิวกลับเข้าใจดีมาก ๆ ว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งที่กำลังอำพรางตัวอยู่ไม่ได้จากไป แต่ล้วนอยู่ในสถานะเฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลง
ไม่มีผู้ใดอยากเป็นผู้เปิดประเด็น ล้วนอยากให้ผู้อื่นไปทดสอบหยั่งเชิงหลัวซิวก่อน ส่วนตัวเองนั้นจะรอบฉวยโอกาสอยู่ด้านหลัง
เรียกได้เลยว่าความล้มเหลวของตระกูลจู้เป็นอุทาหรณ์ที่ทำให้จิตใจทุกคนล้วนหวาดกลัวและตะลึงงัน
ทันใดนั้นเอง รูม่านของเหล่าผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่อำพรางอยู่ในอนัตตาก็หดลง เนื่องจากพวกเขาเห็นว่าหลัวซิวกำลังมุ่งหน้าเดินตรงไปยังทิศทางของเหวญาณปีศาจอย่างนั้นหรือ!
“มันกำลังจะไปเหวญาณปีศาจหรือ?”
“นี่มันกำลังรนหาที่ตายอยู่ชัด ๆ! เหวญาณปีศาจนั้นน่าสยดสยองมากเพียงใด กึ่งจ้าวมหาเทพบุกเข้าไปแล้วก็ไม่เคยออกมาได้อีกเลย!”
“มิน่าล่ะหลังจากที่มันเข้ามาในดาราอัมพรเทวแล้ว ก็มุ่งหน้าเดินทางมาที่นี่โดยตรงเลย ที่แท้ก็มาเพื่อเหวญาณปีศาจนี่เอง!”
“……”
ทุกคนกำลังจ้องมองกิริยาท่าทางของหลัวซิวอย่างตื่นเต้น ในขณะเดียวกันก็รู้สึกลังเลใจเล็กน้อยด้วย เนื่องจากพวกเขาต่างทราบหมายจับกุมตัวของสำนักจักรพรรดิแห่งโลกาชั้นฟ้า หากสามารถจับกุมตัวคนดังกล่าวได้ ก็สามารถขอรางวัลตอบแทนจากสำนักจักรพรรดิแห่งโลกาชั้นฟ้า ได้รับการถ่ายทอดสืบสานที่เป็นวรยุทธ์ระดับจักรพรรดิเทพ
และถ้าหากคนดังกล่าวเข้าไปในเหวญาณปีศาจแล้วดับสลายสูญสิ้นอยู่ภายใน เช่นนั้นก็จะไม่มีผู้ใดได้รับของรางวัลชิ้นนี้เลย
“หยุดยั้งมันไว้!”
ในที่สุดก็มีคนอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เพื่อให้ได้รับการถ่ายทอดสืบสานวรยุทธ์จักรพรรดิเทพที่สำนักจักรพรรดิแห่งโลกาชั้นฟ้าจะประทานให้ พวกเขาไม่อยากให้หลัวซิวไปตาย
อนัตตาสั่นสะเทือน ถึงกับมีผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพ 18 คนบุกฆ่าออกมา ทุกคนล้วนเป็นผู้อาวุโสที่มาจากสามสำนักหกตระกูล
เมื่อจีเสี่ยวจื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว จึงจะรีบควบคุมเรือรบทองคำเพื่อต้านทานการโจมตี ทว่ากลับเห็นหลัวซิวปัดมือไปมาพลางพูด: “เป็นแค่พวกรนหาที่ตายเท่านั้นเอง ปล่อยให้พวกมันมาเถิด”
สำหรับคำพูดของหลัวซิวนั้น จีเสี่ยวจื่อจะไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย ภายในเวลาชั่วลมหายใจเดียว มกุฎเทพทั้ง 18 คนก็พุ่งเข้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พลังออร่าที่แข็งแกร่งมากมายมหาศาลจนไม่อาจคาดเดาได้ ตัวสำนึกทั้งหลายต่างผนึกไปที่หลัวซิว
“โครมคราม……”
และในเวลานี้เอง จู่ ๆ หลัวซิวก็เรียกเตากลั่นยาออกมา “ตู้ม!”เตากลั่นยาดังสะเทือนเลื่อนลั่นแล้วระเบิดแตก เพลิงอัคคีที่น่ากลัวซัดกระหน่ำออกมาแผ่คลุมทั้งท้องฟ้า
ทั้งหมดนี้เป็นการผนึกรวมผลการฝึกตนของจู้เทียนฉงรวมไปถึงผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพสิบกว่าคนของตระกูลจู้เชียวนะ วินาทีนี้หลัวซิวได้ทำการระเบิดพวกมันในครั้งเดียว อานุภาพที่น่าสยดสยองนี้ เพียงพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจ้าวมหาเทพยังหวาดหวั่นพรั่นพรึง!
ในขณะเดียวกัน โครงกระดูกแต่ละร่างก็ร่วงหล่นลงมาจากเตากลั่นยา ซากกระดูกทุกร่างสูญเสียความเป็นเทพไปหมดแล้ว ไม่ต่างอะไรจากกระดูกของมนุษย์ธรรมดาทั่วไป
อ๊ากก! ……
เสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาดังก้องอยู่ในท้องฟ้า กองไฟที่น่าสยดสยองได้ทำการแผ่คลุมมกุฎเทพทั้ง 18 คนจนจมหายไป เสียงกรีดร้องที่แหลมและน่าเวทนาทำให้คนฟังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ อนัตตาถูกแผดเผาจนทรุดลงเป็นวงกว้าง กลายเป็นสุญญากาศ มีเพียงตรีภพที่หม่นหมองกำลังกลิ้งไหลไปมา
มกุฎเทพทั้ง 18 คนถูกกลืนกินและไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ยิ่งกว่านั้นคืออาวุธของขลังราชันย์ที่พวกเขาควบคุมก็ล้วนถูกเผาจนกลายเป็นฝุ่นผง
นี่จึงทำให้ร่างกายของผู้แข็งแกร่งคนอื่น ๆ ที่ยังหลบซ่อนอยู่สั่นสะดุ้งอย่างควบคุมไม่ได้ ภาพเหตุการณ์เช่นนี้มันน่าช็อกและน่าสยดสยองมากเกินไปแล้วจริง ๆ
วินาทีนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกหลัวซิวชายหนุ่มผู้มาจากโลกาชั้นฟ้าคนนี้อีกแล้ว วิธีการของชายหนุ่มคนนี้น่ากลัวมากเกินไป ตั้งแต่ที่เขามาถึงดาราอัมพรเทวเป็นต้นมา ผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพที่ดับสลายสูญสิ้นอยู่ในเงื้อมมือเขามี 30 กว่าคนแล้ว!
“รู้สึกเสียดายยาเซียนเตานี้ของข้าจัง เดิมทีวางแผนที่กลั่นโอสถเซียนภูตอัคคีหนึ่งเม็ด”
สีหน้าอารมณ์ของหลัวซิวดูเรียบนิ่งมาก ราวกับว่าสำหรับเขาแล้ว การสังหารมกุฎเทพ 30 กว่าคนนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยด้วยซ้ำ