มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2093
จักรวาลแปลกพิสดาร ใช่ว่าจะไม่สามารถแหกกฎเทียนเต้าได้เสมอไป มาตรแม้นว่ากฎเทียนเต้าจะกำหนดไว้ว่าผู้แข็งแกร่งที่มีผลการฝึกตนอยู่เหนือจ้าวมหาเทพไม่สามารถลงมายังโลกามนุษย์ แต่บางกองกำลังใหญ่ก็มีวิธีการพิเศษที่สามารถหลีกเลี่ยงจุดนี้ได้เช่นกัน
ซึ่งนี่ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด ทว่ามีข้อแม้อย่างหนึ่ง นั่นก็คือราคาที่ต้องแลกกับการลงมายังโลกามนุษย์นั้นไม่น้อย หากไม่มีผลตอบแทนที่มากพอ จะไม่มีผู้ใดยอมเสี่ยงลงมายังโลกามนุษย์
ดึงความคิดกลับมา หลัวซิวมาถึงบริเวณเหวญาณปีศาจอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ครั้งนี้เขาระมัดระวังมาก ๆ ไม่กล้าประมาทอีกเลยแม้แต่น้อย
ฮู่วว!
มีลมอำมหิตพัดขึ้นมาจากก้นเหวปีศาจอีกครั้ง ครั้งนี้หลัวซิวมีการเตรียมป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาใช้ความเร็วที่รวดเร็วที่สุดหลบออกภายในพริบตา
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็สังเกตเห็นผงกระดูกที่อยู่บริเวณขอบเหวปีศาจ ตอนแรกเริ่มเขานึกว่าเป็นเพียงฝุ่นละออง แต่เมื่อลองสังเกตดูดี ๆ แล้วถึงจะพบว่ามันคือผงกระดูกของโครงกระดูก!
นี่แสดงให้เห็นว่าอดีตผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาที่นี่ มีคนถูกลมอำมหิตนี้พัดเข้าใส่ และถูกพัดจนกลายเป็นฝุ่นผงทันที
“สยองเช่นนี้เลยหรือ?”
มาตรแม้นว่าเป็นหลัวซิวที่ไม่เกรงกลัวใด ๆ ก็รู้สึกลังเลใจเล็กน้อยแล้ว ตัวธรรมไร้ความกลัวแต่ไม่ได้หมายความว่าต้องพุ่งเข้าใส่ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าต้องตาย
ทว่าหลัวซิวกลับไม่ได้ลังเลใจนานมากนัก เขาทำการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว วางแผนที่จะลงไปฝ่าฟันดูสักตั้ง
แม้ลมอำมหิตจะน่ากลัวมาก ๆ แต่วัฏสงสารคุ้มกันร่างกลับสามารถต้านทานไหว ถึงแม้จะทำให้เขาถูกแว้งโจมตีแล้วได้รับบาดเจ็บ ทว่าเมื่ออาศัยพลังอมตะอย่างร่างอมตะ ขอเพียงไม่ถูกสังหารภายในเสี้ยววินาที เขาก็สามารถฟื้นฟูพลังจิตได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด
ตั้งแต่ที่เดินบนเส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์มา หลัวซิวก็เคยผ่านการตัดสินความเป็นความตายของตนเองมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งโอกาสและโชคในแต่ละครั้งที่เขาคว้าได้มานั้น ก็ล้วนตกอยู่ในสถานการณ์ ณ ดังเช่นบัดนี้ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจหลักการแสวงหาความมั่งคั่งในความอันตรายมาก
ยิ่งเป็นสถานที่ที่อันตรายมากเท่าไหร่ โอกาสที่มีโชคและโอกาสคงอยู่ก็จะยิ่งมากเท่านั้น แม้จะไม่ได้ถูกต้องอย่างสมบูรณ์เสมอไป แต่มีสัญชาตญาณอย่างหนึ่งบอกกับเขาว่าในเหวญาณปีศาจมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่แน่นอน
หลัวซิวไม่ใช่คนที่ลังเลใจคนหนึ่ง เมื่อมีการตัดสินใจแล้ว เขาจึงกระโดดลงไปอย่างรวดเร็ว ค่อย ๆ ร่วงลงไปในก้นเหวปีศาจ
ลมอำมหิตทั้งหมดพัดโบกร้องคำราม ยิ่งลึกลงไปมากเท่าไหร่ ความถี่ของลมอำมหิตก็สูงมากเท่านั้น ขอบเขตก็ยิ่งกว้างใหญ่มากขึ้น
ยิ่งกว่านั้นคือมีหลายครั้งที่ลมอำมหิตที่กำลังคำรามได้ปกคลุมทั้งเหวปีศาจเอา ไว้ ทำให้หลัวซิวไม่มีที่ที่สามารถหลบหลีกได้เลยด้วยซ้ำ ทำได้เพียงปล่อยให้ลมอำมหิตพัดใส่ร่าง เหมือนถูกภูเขาที่สูงใหญ่ลูกหนึ่งกดทับยังไงอย่างนั้น กระดูกและเอ็นแตกหัก หนังแตกเนื้อปริ
สถานการณ์ดำเนินการไปตามนี้ไม่รู้นานเท่าไหร่ หลัวซิวรวบรวมสมาธิให้แน่วแน่ตลอดมา และไม่แน่ชัดเช่นกันว่าตัวเองบาดเจ็บสาหัสไปกี่ครั้งแล้ว โชคดีที่มีตำหนักวัฏสงสารคุ้มกันร่าง ชีวิตอันน้อยนิดของเขาจึงยังปลอดภัยอยู่
“ฟึ่บ!”
จิตสังหารที่รวดเร็วและดุดันถึงขีดสุดระเบิดออกมา แม้แต่ระดับความเร็วอย่างหลัวซิวก็ไม่ทันตอบสนองได้เลยด้วยซ้ำ จิตสังหารเหมือนดั่งดาบกระบี่ ทำลายเกราะป้องกันของตำหนักวัฏสงสารไปภายในพริบตา
ณ เสี้ยววินาทีนี้ หลัวซิวตกใจมากจนหน้าถอดสี เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เขาประสบพบเจอกับการโจมตีที่แม้แต่ตำหนักวัฏสงสารก็ยังต้านทานไม่ได้
ในช่วงเวลาที่ไม่รู้ตัว หลัวซิวรู้สึกเหมือนมีดาบยุทธ์เล่มหนึ่งตัดสับตรงมา จิตสังหารของดาบเล่มนี้สูงเทียมฟ้า แข็งกร้าวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับไม่ว่าจะทำอย่างไร เขาก็ไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีนี้ได้
ฟึ่บ!
แสงโลหิตสาดกระเด็นอยู่ในเหวลึก ศีรษะของหลัวซิวถูกตัดลงมา เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดดั่งน้ำพุ
บาดแผลที่สาหัสเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นนักยุทธ์คนอื่น ๆ ถึงแม้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่ ทว่าร่างกายที่ไร้ศีรษะของหลัวซิวกลับยกมือขึ้นมากะทันหัน แล้วจับศีรษะที่บินลอยออกไปนั่นเอาไว้
แสงชีวีที่งดงามแย้มบานอยู่บนตัวเขา หลัวซิวนำศีรษะที่ถูกตัดลงมาวางไว้บนคออีกครั้ง เลือดเนื้อกำเนิดใหม่และฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว