ถึงแม้จะหลอกรวมเศษหยกทั้งสองชิ้นเข้าด้วยกันแล้ว แต่หยกชิ้นนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ มีลายเส้นเล็ก ๆ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ บนหยก มีความลึกลับและมหัศจรรย์ที่ลึกซึ้งถึงขีดสุดแฝงซ่อนอยู่
หลัวซิวดูความลึกลับและมหัศจรรย์ในนี้ไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำ หาต้นสายปลายเหตุไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่เขาเตรียมพร้อมที่จะเก็บเศษหยกเช่นนี้กลับเข้าไปในแหวนเก็บของอยู่นั้น พลังแห่งการต่อต้านและคัดค้านกลับถ่ายทอดออกมาจากตัวหยก ถัดจากนั้นก็มีพลังที่ลึกลับพรั่งพรูออกมา เศษหยกหลุดพ้นออกมาจากกำมือของหลัวซิว เสียงดังชิ่วและมันก็กลายเป็นสายรุ้งยาว บินไปยังทิศทางที่ไกลออกไป
หลัวซิวหรี่ตาลง ก่อนจะรีบโคจรกฎปริภูมิไล่ตามไปโดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เศษหยกก็หยุดอยู่ตรงสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้หลัวซิวเคยมาสถานที่แห่งนี้แล้ว ทว่าเขา ณ เวลานั้นกลับไม่ค้นพบอะไร ๆ เลย
“หรือว่าอยู่ด้านล่างโครงกระดูกนี่?”หลัวซิวรู้สึกตื่นเต้น นึกความเป็นไปได้นี้ขึ้นมาได้
เขาเคลื่อนย้ายโครงกระดูกแต่ละชิ้นออกแล้วค้นพบอย่างตะลึง โครงกระดูกที่อยู่ด้านล่างมีเยอะมาก ๆ กองกันจนเป็นชั้นหนา ๆ
กระทั่งเขาเก็บกวาดโครงกระดูกบริเวณรอบ ๆ ทิ้ง หลัวซิวก็ค้นพบศิลาจารึกหนึ่งแท่น
ศิลาจารึกดังกล่าวสูงประมาณห้าสิบกว่าเมตร แต่กลับไม่มีฐานแท่น เหมือนดั่งเศษหยก ต่างไม่สมบูรณ์
อย่างไรก็ตามหลัวซิวกลับค้นพบอย่างตะลึงว่าศิลาจารึกแท่นนี้ ดูเหมือนจะสามารถประกอบกับศิลาจารึกที่ไม่สมบูรณ์ในหุบเขาผนึกปีศาจนั่นพอดี
เมื่อครั้นนั้นเขาไม่เชื่อหยูจือโจว ดังนั้นจึงไม่ได้ไปตามหาโชคและโอกาสหน้าศิลาจารึกที่ไม่สมบูรณ์ในหุบเขาผนึกปีศาจ ทว่าเวลานั้นเขาได้มองโดยที่ยืนห่างกันไกล ๆ รอบหนึ่ง จำรูปร่างลักษณะของศิลาจารึกที่ไม่สมบูรณ์นั่นเอาไว้
หากเชื่อมต่อศิลาจารึกที่ค้นพบ ณ บัดนี้ กับศิลาจารึกในหุบเขาผนึกปีศาจเข้าด้วยกัน หลัวซิวแทบจะสามารถยืนยันได้เลยว่ามันต้องประกอบเป็นศิลาจารึกที่สมบูรณ์แบบหนึ่งแท่นได้แน่นอน
หลัวซิวจึงรีบยื่นมือออกไป เตรียมพร้อมที่จะเก็บศิลาจารึกแท่นนี้เข้าไปในแหวนเก็บของ
ทว่าในเวลานี้เอง ก็มีพลังออร่าที่น่าสยดสยองอย่างไร้ขอบเขตพรั่งพรูออกมาจากศิลาจารึก มีฝ่ามือที่ขาวผ่องดุจหยกยื่นออกมาจากศิลาจารึก
เสี้ยววินาทีที่มือหยกข้างนี้ปรากฏ อำนาจบารมีที่มากล้นฟ้าก็แผ่กระจายออกมา ทำให้ร่างกายของหลัวซิวนิ่งอยู่กับที่ ไม่สามรถขยับไปที่ใดได้เลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกผนึก ร่างกายสูญเสียการควบคุม และสูญเสียกระแสสัมผัสในกฎทั้งปวง
นี่จึงทำให้จิตใจของหลัวซิวหวาดกลัวถึงขีดสุด!
มือหยกยื่นมา ยื่นนิ้วที่ดาวดุจหยกออกมาหนึ่งนิ้ว เคลื่อนไหวนิ้วมือเบา ๆ หลัวซิวก็รู้สึกเจ็บจี๊ดตรงหว่างคิ้ว จากนั้นหว่างคิ้วเขาก็ถูกกรีดจนเกิดเป็นรอยแตก
ถัดจากนั้นวินาทีต่อไปมือหยกได้ฉีกรอยแตกตรงหว่างคิ้วเขา และเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของเขาโดยตรง
ตัวหยั่งรู้ของหลัวซิวกลายเป็นห้วงดาราหนึ่ง ซึ่งภายในห้วงดารามีเงาสะท้อนของดาราทั้ง 72 ดวงปรากฏ แวววาวจับตาถึงขีดสุด
ญาณเทวร่างมนุษย์ของเขานั่งอยู่ตรงกลางตัวหยั่งรู้ และมีตำหนักวัฏสงสารลอยอยู่เหนือศีรษะ
อำนาจที่น่าเกรงขามของมือหยกที่ออกมาจากศิลาจารึกยากที่จะต้านทาน ภายใต้การกดอัดจากพลังออร่านี้ ญาณเทวร่างมนุษย์ของหลัวซิวก็ราวกับถูกผนึกเช่นกัน ไม่สามารถต่อต้านใด ๆ ได้ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งถึงบัดนี้ มือหยกข้างนี้กลับไม่ได้สังหารหลัวซิว ในทางตรงกันข้ามมันกลับคว้าจับไปทางตำหนักวัฏสงสารที่ลอยอยู่เหนือศีรษะญาณเทวร่างมนุษย์
เวิ่ง!
ตำหนักวัฏสงสารก็สัมผัสได้ถึงวิกฤตการณ์ ตัวมรณา เทพแห่งวัฏจักรชีวิตที่อยู่ในสถานะนอนหลับใหลมาเป็นเวลานานก็ฟื้นตื่นขึ้นมาในวินาทีนี้
“เจ้ายุทธจักรดาบ! คือมันเองหรือ? มึงยังมีชีวิตอยู่หรือ? ……”
หลัวซิวได้ยินเสียงอุทานของตัวมรณา ถัดจากนั้นตำหนักวัฏสงสารก็ลอยขึ้น พุ่งชนเข้ากับมือหยกนั่น
ตู้ม!
แรงสั่นสะเทือนที่น่ากลัวระเบิดในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว ญาณเทวร่างมนุษย์ที่ถูกอำนาจบารมีกดอัดจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าวิญญาณดั้งเดิมของตนราวกับกำลังจะถูกฉีกกระชาก ก่อนจะหมดสติไปภายในพริบตา