“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“เขาคืออัจฉริยะที่มาจากโลกาชั้นฟ้า ยึดกุมเคล็ดวิชาพลังอมตะที่แข็งแกร่งอย่างมาก”
“เขาสามารถสังหารเทพปีศาจเฒ่าของตระกูลจู้ ไม่แน่ก็อาจจะมีอุบายที่สามารถสังหารกึ่งจ้าวมหาเทพคนอื่น ๆ ได้เช่นกัน”
รางวัลหมายจับกุมตัวของสำนักจักรพรรดิแห่งโลกาชั้นฟ้าหนาแน่นและน่าดึงดูดใจมากก็จริง แต่ความสยดสยองที่หลัวซิวแสดงออกมา ณ วินาทีนี้ทำให้กองกำลังทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะคำนึงถึงความหนักเบาของเรื่องนี้
มาตรแม้นว่าสามารถใช้ของแลกเปลี่ยนที่สูงมาก ๆ มากำราบหลัวซิว แต่ถ้าหากกองกำลังของตนเองได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ถึงแม้จะได้รับการถ่ายทอดสืบสานวรยุทธ์จักรพรรดิเทพที่สำนักจักรพรรดิแห่งโลกาชั้นฟ้าประทานให้ เช่นนั้นมันก็เปล่าประโยชน์ ไม่แน่ทันทีที่ได้วรยุทธ์จักรพรรดิเทพมาไม่นาน ก็อาจจะถูกกองกำลังอื่น ๆ แก่งแย่งไปแล้ว
ในโลกใบนี้คนฉลาดไม่ได้มีเพียงคนในสำนักไท่ฉือเท่านั้น ตัวเปิดอย่างตระกูลจู้ถูกสังหารไปแล้ว จึงไม่มีผู้ใดกล้าไปเป็นตัวเปิดนั่นอย่างบุ่มบ่ามอีก
เงาร่างกระพริบ ร่างกายของหลัวซิวร่วงลงบนเรือรบทองคำ เมื่อเห็นว่าเขากลับมาจากเหวญาณปีศาจอย่างปลอดภัย สภาพจิตใจที่พะวงอยู่ของจีเสี่ยวจื่อและพวกฉียู่หรงก็ผ่อนคลายลงตามกัน
หลัวซิวไม่ได้สนใจกองกำลังจากแดนต่าง ๆ ที่หลบซ่อนอยู่ในอนัตตาบริเวณรอบ ๆ จริง ๆ เขาเข้าใจขีดจำกัดของตัวเองดีมาก ๆ หากสามสำนักหกตระกูลล้วนปลุกบรรพอาจารย์ของตัวเองให้ตื่น แล้วมารุมโจมตีเขาละก็ เขาไม่สามารถต้านทานได้ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงคิดหาวิธีหลบหนี
แต่คนในสามสำนักหกตระกูลไม่มีทางร่วมแรงร่วมใจกัน เนื่องจากระหว่างพวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่แข่งขันกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงยากที่จะบรรลุความเห็นที่ตรงกัน ดังนั้นขณะที่เขาสังหารผู้แข็งแกร่งตระกูลจู้อย่างกำเริบเสิบสาน ไม่มีคนจากกองกำลังอื่น ๆ ยื่นมือออกมาช่วยเหลือเลยด้วยซ้ำ
สำหรับหลัวซิวแล้ว สถานการณ์เช่นนี้กลับเป็นเรื่องดีสำหรับเขา
ตู้ม!
เรือรบทองคำพุ่งทะยานขึ้นฟ้า บินเข้าสู่ท้องฟ้าที่ครอบพื้นปฐพี ผู้แข็งแกร่งจากกองกำลังทั้งหลายล้วนไม่ได้มาขัดขวาง
ทะลุผ่านไปมาอยู่ในห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลจนไม่อาจคาดเดาได้ ความลึกลับของเหวปีศาจเป็นปริศนาที่ไม่ได้รับคำตอบตลอดมา เนื่องจากผู้แข็งแกร่งทุกคนที่ลองเข้าไปสำรวจความลับในเหวปีศาจ ไม่มีชีวิตรอดกลับมาได้เลยสักคน
แม้แต่ตัวจีเสี่ยวจื่อเองก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย แม้นางจะไม่ใช่ผู้ที่กำเนิดในโลกะอัมพรเทว ทว่ากลับรับรู้และได้ฟังเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเหวปีศาจจนชิน ทราบว่าสถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ที่น่าสยดสยองมาก ๆ
“ซากกระดูก ซากกระดูกที่เกลื่อนพื้น……”
หลัวซิวก็ไม่ทราบเช่นกันว่าควรจะพูดอย่างไรดี เนื่องจากเขาก็ไม่ชัดเจนว่าความลับของเหวปีศาจคืออะไรกันแน่ ภายในจิตใจเขาก็เปี่ยมล้นไปด้วยความสงสัย
มือหยกลึกลับที่ยื่นออกมาจากศิลาจารึกนั่นคือผู้ใดกันแน่? แล้วเหตุใดตัวมรณาจึงหายตัวไป?
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็กลายเป็นปริศนาที่ไม่ได้รับคำตอบ กลายเป็นข้อสงสัยที่ผูกติดอยู่ในใจ
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด การหายไปของตัวมรณากลับทำให้เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ราวกับหลุดพ้นจากการพันธนาการ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเขาก็กลายเป็นผู้อิสระที่สามารถทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ
หลัวซิวไม่รู้สึกแปลกใจต่อการที่ตัวเองมีความรู้สึกเช่นนี้ แม้ตัวมรณาจะให้การช่วยเหลือเส้นทางบนวิถียุทธ์ของเขามาเยอะมาก ๆ
ทว่าก็หลัวซิวค่อย ๆ ค้นพบเช่นกันว่าตัวมรณามีเจตนาโน้มนำให้เขาเดินบนเส้นทางแห่งวิถียุทธวัฏสงสารตลอดมา ครั้งหนึ่งเรื่องนี้ทำให้จิตใจเขารู้สึกขัดแย้งและไม่ชอบมาก ๆ ยิ่งกว่านั้นคือมันทำให้เขาเกิดความคิดว่าอนาคตจะตามหาคนที่เหมาะคนหนึ่ง เพื่อถ่ายทอดลูกแก้วความเป็นตายและตำหนักวัฏสงสารให้ผู้อื่น
ปัจจุบันตัวมรณาหายไปแล้ว หลัวซิวกลับรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง จะไม่มีผู้ใดมาควบคุมความเห็นและความคิดบนวิถียุทธ์ของเขาอีกต่อไปแล้ว ทำให้เขาสามารถปรับปรุงวิถีหมื่นจักรวาลไร้รูปของตัวเองให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องปฏิเสธผู้อื่น
ยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือรบทองคำพลางไขว้มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง หลัวซิวเบิ่งมองห้วงดาราที่กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขต ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ