มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2111

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2111

สัญชาตญาณของสตรีนั้นสุดยอดมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นจีเสี่ยวจื่อหรือฉียู่หรงและหนิงหานยู่ ต่างก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนตัวเขา

และสาเหตุที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้นั้น กลับเป็นเพราะหลัวซิวใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจเข้าไปภายในลูกแก้วความทรงจำลูกนั้น มองเห็นชาติปางก่อนของตนเอง

ข่าวคราวภายในลูกแก้วความทรงจำไม่สมบูรณ์แต่อย่าง เป็นเพียงการบรรยายของคนชุดเขียวต่อไท่ซ่างฉิง แต่ทว่าพวกภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏในสมองเขากลับเหมือนตัวโน้มนำ กระตุ้นความทรงจำบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดในวิญญาณเขา

ความทรงจำที่ถูกปลุกตื่นมากมายมหาศาลดั่งน้ำหลาก ภายในเวลาชั่วขณะทำให้เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย ยิ่งกว่านั้นคือเขาเริ่มไม่ค่อยชัดเจนแล้วว่าตนเองคือไท่ซ่างฉิงหรือหลัวซิวกันแน่

และเขาก็ทราบแล้วเช่นกันว่าหลัวซิวในภพชาติปัจจุบัน คือเสี้ยวหนึ่งของวิญญาไท่ซ่างฉิงณที่กลับชาติมาเกิด

และตัวมรณาที่เขาคิดว่าเป็นเทพแห่งวัฏจักรชีวิตโบราณมาโดยตลอดในก่อนหน้านี้ แท้จริงแล้วคือเมิ่งเชียนชางที่มีความทะเยอทะยานมากเมื่อหลายแสนล้านปีก่อน

การปรากฏของความทรงจำจำนวนมาก ทำให้หลัวซิวตกสู่สภาวะที่แทบจะหลงผิด ดังนั้นเมื่อครู่เขาถึงได้นิ่งเงียบไม่พูดอะไร ทำให้สตรีทั้งสามนางรู้สึกเหมือนเขาเป็นคนที่เย็นชาเข้าหายาก

จากการที่ความทรงจำถูกหลอมรวมกันยิ่งอยู่ยิ่งมาก สิ่งที่หลัวซิวเข้าใจก็ยิ่งมากเช่นกัน เขาเข้าใจแล้วว่าเมื่อหลายแสนล้านปีที่ผ่านมา ขณะที่เขาและจี้หวูชวงร่วมกันทลายกงล้อวัฏจักรธรรม ไท่ซ่างฉิงที่เป็นตนเองในอดีตได้วางแผนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ออกจากเรือรบ หลัวซิวมาถึงดาวเคราะห์ที่รกร้างเงียบเหงาดวงหนึ่ง เขาเบิ่งมองห้วงดาราพลางพูดพึมพำคนเดียว “มันคุ้มค่าหรือ? วางแผนเรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้เพื่อทุกสรรพสิ่งในจักรภพ หรือแสวงหาธรรมที่ยิ่งใหญ่ของตัวเอง?”

คำถามนี้ เป็นคำถามที่ตัวตนหลัวซิวในภพชาติปัจจุบันซักถามไท่ซ่างฉิงในอดีต

“คำถามนี้มันสำคัญหรือ? ไม่ว่าจะทำเพื่อทุกสรรพสิ่งในจักรภพ หรือทำเพื่อแสวงหาธรรมที่ยิ่งใหญ่ก็ช่าง ข้าก็ทำทั้งหมดนี้สำเร็จแล้ว”

ท่านใดนั้นเอง หลัวซิวก็เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกหนึ่งตัวตน และพึมพำสนทนากับตัวเองเหมือนเคย

ดูเหมือนมีคนเดียว ทว่าหลัวซิวกลับกำลังสนทนากับไท่ซ่างฉิงอยู่

เขานั่งท่าขัดสมาธิอยู่บนดาวเคราะห์ที่เงียบเหงาดวงนี้อย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่

เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความสับสนก็หายไปแล้ว และสิ่งที่เข้ามาแทนที่ก็คือความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างหนึ่ง

“ไท่ซ่างฉิงคืออดีต ข้านั้นเป็นเพียงหลัวซิว! ชาตินี้จะสำเร็จก็ดี ล้มเหลวก็ช่าง ข้าคือหลัวซิว ข้าจักไม่หมกมุ่นอยู่แต่กับการแสวงหาวิถี แล้วมองข้ามเหล่าผู้คนที่อยู่รอบกาย!”

บริเวณรอบ ๆ เงียบเหงาวังเวง มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่กำลังพูดเองเออเอง

โครมคราม……

ทันใดนั้นเอง พลังออร่าอันแข็งแกร่งที่มากมายมหาศาลจนไม่อาจคาดเดาได้ก็ปรากฏบนนภาดาวเคราะห์ที่เงียบเหงาวังเวงดวงนี้ ออร่าชี่มรณะที่ไร้ขอบเขตบดบังเมฆบนท้องฟ้า เสียงที่เย็นยะเยือกถึงขีดสุดค่อย ๆ สะท้อนมา

“เจ้าหนู ส่งชิ้นส่วนของกงล้อวัฏจักรธรรมออกมาซะ ของล้ำค่าเช่นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถครอบครองได้”

เงาร่างของผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำปรากฏ นั่งถ้าขัดสมาธิอยู่บนโลงศพโบราณทองสัมฤทธิ์ เย็นเยือกหม่นหมอง เหมือนดั่งปีศาจร้ายที่คลานขึ้นมาจากนรก

ในขณะเดียวกัน พลังออร่าที่ยิ่งใหญ่ก็กดอัดมา ผนึกท้องฟ้าเอาไว้ ทั้งดาวเคราะห์ล้วนถูกผนึก ราวกับกลายเป็นกรง ส่วนหลัวซิวนั้นเหมือนดั่งอสูรที่หลุดพ้นจากกรงนี้ไม่ได้

“เทพมารระดับสี่”

หลัวซิวหรี่ตาลง ความทรงจำของไท่ซ่างฉิงถูกปลุกตื่นแล้ว ความรู้ความเข้าใจในแดนยุทธ์ของเขาอยู่เหนือขอบเขตของมหาโลกาพันสาม แต่เป็นการตัดสินโดยการแบ่งแดนตามยุคดึกดำบรรพ์

เทพมารระดับสี่ เมื่อเปรียบเทียบในมหาโลกาพันสามแล้ว ก็คือจ้าวมหาเทพ

ในยุคดึกดำบรรพ์อันไกลโพ้น การแบ่งแดนยุทธ์ไม่ได้ยุ่งยากหลากหลายเช่นนั้น ผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ที่แท้จริง ตัดสินกันที่ศักยภาพความสามารถ แต่ไม่ใช่คำเรียกขาน

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท