ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็ยกมือขึ้นมาสลักวาดลงกลางอากาศที่ว่างเปล่า ยันต์ค่ายสิบกว่ายันต์ถูกเขาวาดออกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นมันก็กลายเป็นลำแสงหลายดวง พุ่งเข้าไปในกำแพงหินที่อยู่ข้างหน้า
บนกำแพงหินนี้มีค่ายกลต้องห้ามแฝงซ่อนอยู่ หากผู้ที่ไม่เข้าใจเรื่องค่ายกลไม่มีทางมองออกแน่นอน อีกทั้งค่ายกลต้องห้ามดังกล่าวถูกสลักวาดโดยคนไม่ธรรมดา หากไม่ใช่เพราะกาลเวลาผ่านพ้นมายาวอย่างไม่รู้จบจนค่ายกลเสื่อมถอยลงไปมากแล้ว จากระดับฝีมือและผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของหลัวซิว การที่จะทลายมันนั้น เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก
โครมคราม……
หลังจากยันต์ค่ายสิบกว่ายันต์ถูกปล่อยลงกำแพงหินแล้ว ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ก็มีรอยแยกหนึ่งปรากฏกลางกำแพงหิน
มีคนจำนวนไม่น้อยก็เข้ามาในเส้นทางดังกล่าวของหุบเขาเช่นกัน เสียงการเคลื่อนไหวฝั่งหลัวซิว ได้ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมากในทันที
ดังนั้นภายใต้กระแสสัมผัสตัวสำนึกของหลัวซิว มีพลังออร่าจำนวนมากเร่งความเร็วกะทันหัน มุ่งหน้าตรงมายังทิศทางนี้
“ไปกันเถอะ เราเข้าไปก่อน”หลัวซิวไม่เก็บเอามาใส่ใจ จากผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของเขา นอกเสียจากว่าจ้าวมหาเทพจะย่างกรายมาถึงด้วยตนเอง โดยส่วนใหญ่แล้วคนอื่น ๆ แทบจะไม่สามารถข่มขู่เขาได้เลย
“ท่านพี่ช่างเก่งกาจเสียจริง ข้าถึงขั้นอยากเรียนค่ายกลแล้วเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นว่ามีรอยแตกปรากฏบนกำแพงหิน หนิงหานยู่จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแป้นพลางพูด
“ยัยหนูอย่างเจ้าน่ะช่างมันเถอะ เจ้าไม่มีพรสวรรค์ด้านค่ายกล”หลัวซิวยิ้มพลางส่ายหน้า ก่อนจะย่างเท้าเดินนำเข้าไปก่อน
หลังจากข้ามผ่านกำแพงหินมาแล้ว หลัวซิวก็เห็นแท่นหินหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล มีแสงสีทองที่แวววาวจับตาลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบแท่นหิน แล้วสัมผัสออร่ากฎธาตุทองที่เฉียบคมได้อีกด้วย
“นั่นคืออะไรน่ะ?”หนิงหานยู่ยืดคอมองไปข้างหน้าอย่างสงสัย
“เลือดมังกร”หลัวซิวยิ้มพลางตอบกลับ
“เลือดมังกร?”สตรีทั้งสามนางต่างผงะอย่างควบคุมไม่ได้
ในเผ่าพันธุ์มาร มังกรแท้เป็นเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน อีกทั้งจำนวนเผ่ามังกรแท้นั้นมีน้อยมาก ๆ มังกรแท้ที่มีศักยภาพแข็งแกร่งจึงยิ่งมีน้อยมาก ๆ
“ไม่ว่าจะเป็นพวกเจ้า หรือข้าที่อยู่ในระดับขั้นปัจจุบัน เลือดมังกรล้วนเป็นของดีต่อเรา”หลัวซิวไม่รู้สึกแปลกใจมากเท่าไหร่นัก เขาย่างเท้าเดินไปข้างหน้า เห็นว่าบนแท่นหินมีหลุมเล็ก ๆ ที่ยุบลงไป ซึ่งภายในมีเลือดสีทองกำลังรินไหล
เลือดมังกรทั้งหมดนี้มีประมาณสิบกว่าหยด สิ่งที่ทำให้หลัวซิวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยคือนี่ไม่ใช่พลังและเลือดของมังกรแต่อย่างใด แต่เป็นเลือดธรรมดาทั่วไป
แต่ทว่าถึงแม้จะเป็นเลือดธรรมดาทั่วไป แต่พลังที่แฝงซ่อนอยู่ในเลือดก็ทรงพลังมาก ๆ อย่างไรเสียมังกรทองโบราณที่เคยดับสลายสูญสิ้นอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ อย่างน้อยก็เป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับหก
หลัวซิวแบ่งเลือดมังกรออกเป็นสี่ส่วน แบ่งสามในสี่ส่วนให้สตรีทั้งสามนางแล้วพูดว่า: “ถึงแม้ลักษณะกฎของเลือดมังกรนี้จะไม่สอดคล้องกับพวกเจ้า แต่หลังจากที่กลั่นแปรดูดซับมันแล้ว สามารถชุบร่างกายพวกเจ้า อีกทั้งพลังที่แฝงซ่อนอยู่ในเลือดมังกรสามารถยกระดับผลการฝึกตน ทำให้ศักยภาพของพวกเจ้าเพิ่มขึ้นไม่น้อย”
และในเวลานี้เอง หลัวซิวทั้งสี่คนต่างก็ได้ยินเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นที่สะท้อนมาจากข้างนอก เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีคนค้นพบที่แห่งนี้ และกำลังใช้อำนาจโจมตีค่ายกลต้องห้ามบนกำแพงหินอยู่ข้างนอก
อย่างไรเสียการที่จะตามหาอาจารย์ค่ายกลระดับขั้นสูงในโลกามนุษย์นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย
ทว่าการที่คนเหล่านั้นอยากใช้อำนาจทลายค่ายกลต้องห้ามนั้น ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง หลัวซิวจึงไม่ได้ไปสนใจพวกเขา ก่อนจะพาสตรีทั้งสามนางมุ่งหน้าเดินไปข้างหน้าต่อ
เส้นทางในหุบเขาเชื่อมต่อทั่วถึงกัน แท้จริงแล้วกลับมีความลึกลับและมหัศจรรย์ของค่ายกลแฝงซ่อนอยู่ อีกทั้งขณะที่เพิ่งเข้ามาทะเลสาบมังกรทองใหม่ ๆ หลัวซิวก็ค้นพบแล้วว่าหลาย ๆ จุดของที่นี่ล้วนสอดคล้องกับความลี้ลับของค่ายกล
ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้เลยว่ามังกรทองโบราณที่เคยดับสลายสูญสิ้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ น่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกล
หลัวซิวเดินไปข้างหน้าพลางอนุมานการเปลี่ยนแปลงของค่ายกลในสมองตัวเอง แม้แดนผลการฝึกตนจะถูกจำกัด เขาสามารถจัดวางค่ายกลระดับอาจารย์เท่านั้น ทว่าเมื่อมีการหลอมรวมความทรงจำของไท่ซ่างฉิง จึงสามารถพูดได้เลยว่าค่ายกลทั้งปวงในจักรวาลฟ้าดิน มีน้อยมากที่เขาไม่สามารถอนุมานได้