“เจ้าบอกว่าผู้ใดคือมดตัวจ้อย?”
และในเวลานี้เอง จู่ ๆ หลัวซิวกลับก้าวเท้าเดินออกมา จ้องมองไปทางอูห้าวฉงด้วยสายด้วยสายตาที่เย็นชา
“ทำไม? มึงไม่พอใจหรือ? ผลการฝึกตนราชาเทพขั้นปฐมภูมิกระจอก ๆ ไม่ใช่มดตัวจ้อยแล้วคืออะไร? หรือว่ามึงคือลูกน้องสมรสของเซียวอันกับสตรีชั้นต่ำคนหนึ่ง ดังนั้นมันถึงได้พามึงออกมาเปิดหูเปิดตาที่นี่?”อูห้าวฉงหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง
“อูห้าวฉง มึงมันรนหาที่ตาย!”เซียวอันโกรธเกรี้ยวอย่างมาก เตรียมพร้อมที่จะลงมือโจมตี
“มึงบอกว่าผู้ใดรนหาที่ตาย?”
เสียงที่เย็นชาสะท้อนมา ถัดจากนั้นเซียวอันก็สัมผัสได้ว่ามีพลังออร่าที่รวดเร็วและดุดันพลังหนึ่งผนึกร่างตัวเองเอาไว้ เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหาร
ผู้พูดคือชายวัยกลางคนที่สีหน้าอารมณ์เย็นชาคนหนึ่ง ออร่าบนตัวรวดเร็วดุดันและแข็งกร้าว ให้ความรู้สึกคนเหมือนเป็นผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่
“อูห้าวเย๋!”
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเซียวอันก็รู้จักคนดังกล่าวเช่นกัน ฟังจากชื่อก็รู้แล้วว่าคนดังกล่าวมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาต่ออูห้าวฉง
ผลการฝึกตนของอูห้าวฉงคือมกุฎเทพขั้น 7 ส่วนอูห้าวเย๋คนนี้กลับเป็นมกุฎเทพขั้นสูง ซึ่งเป็นอริเก่าของเซียวอัน
เซียวอันใช้ตัวสำนึกส่งเสียง อธิบายสาเหตุของเรื่องราวนี้ให้หลัวซิวฟัง อูห้าวฉงและอูห้าวเย๋คือสองพี่น้อง มาจากหนึ่งในกองกำลังใหญ่ของโลกะดาราคุนหลุน
มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่แก่งแย่งช่วงชิงสมบัติ เซียวอันได้ผูกแค้นกับพวกเขา ต่อมาระหว่างพวกเขาทั้งสองฝ่ายก็เคยขัดแย้งกันไม่น้อยเช่นกัน
ทว่าครั้งนี้อูห้าวเย๋หาที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ซึ่งคนคนนั้นก็คือกึ่งจ้าวมหาเทพเพียงคนเดียวที่อยู่ในที่เกิดเหตุนั่นเอง
เล่ากันว่าอูห้าวเย๋ได้รับภาพปริศนาภาพหนึ่ง ซึ่งบนภาพปริศนาได้บอกตำแหน่งโอกาสสมบัติที่มังกรทองโบราณทิ้งไว้ในทะเลสาบมังกรทอง และเขาก็อาศัยภาพปริศนาดังกล่าว เชื้อเชิญผู้แข็งแกร่งจากแดนต่าง ๆ และยิ่งเชิญบรรพอาจารย์เทียนคุนของงานประมูลคุนหลุนมา หรือผู้แข็งแกร่งกึ่งจ้าวมหาเทพคนนั้นนั่นเอง
เมื่อมีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้คอยเป็นที่พึ่ง อูห้าวเย๋และอูห้าวฉงสองพี่น้องจึงกำเริบสืบสานเป็นธรรมดาอยู่แล้ว อีกทั้งเลือดมังกรของเซียวอันก็ถูกกึ่งจ้าวมหาเทพคนนั้นแย่งไปเช่นกัน
สิ่งที่โชคดีคือบรรพอาจารย์เทียนคุนนั่นค่อนข้างสงบเสงี่ยม ไม่ได้ลงมือสังหารเซียวอันแต่อย่างใด อย่างไรเสียตัวตนของเซียวอันก็ไม่ธรรมดา กองกำลังในแดนดาราจันทราสลายที่อยู่เบื้องหลังเขาก็มีบรรพอาจารย์ระดับกึ่งจ้าวมหาเทพเช่นกัน อีกทั้งได้รับความสำคัญอย่างลึกซึ้ง
“อูห้าวเย๋ ที่ข้ามาที่นี่นั้น ไม่ได้มาเพื่อสะสางบุญคุณความแค้นส่วนตัวของเจ้า หากเจ้ายังคิดที่จะอาศัยอิทธิพลของข้า ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจต่อเจ้าก็แล้วกัน”
บรรพอาจารย์เทียนคุนหลับตาทั้งสองข้างมาโดยตลอด วินาทีนี้เขาลืมตาขึ้นมากะทันหัน กวาดมองมาทางสองพี่น้องอูห้าวเย๋ด้วยความไม่พอใจ
คนอย่างบรรพอาจารย์เทียนคุนเป็นผู้แข็งแกร่งที่ชาญฉลาดมาตั้งนานแล้ว จะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าสองพี่น้องอูห้าวเย๋อาศัยว่ามีเขาเป็นที่พึ่ง อยากกระตุ้นพวกเซียวอันให้กราดเกรี้ยว จากนั้นค่อยถือโอกาสกำจัดพวกเขาทิ้ง
แม้สำหรับบรรพอาจารย์เทียนคุนแล้ว พวกเซียวอันจะไม่มีค่าอะไรเลย แต่ในฐานะที่เขาเป็นบรรพอาจารย์ระดับกึ่งจ้าวมหาเทพ จะปล่อยให้ถูกผู้อื่นหลอกใช้ได้อย่างไร?
เมื่อมีคำเตือนจากบรรพอาจารย์เทียนคุน สองพี่น้องอูห้าวเย๋จึงสงบเสงี่ยมลงไปเยอะมาก ๆ หลังจากทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่งแล้ว จึงกลับไปด้านหลังบรรพอาจารย์เทียนคุน
“สหายหลัวขอโทษทีนะ เป้าหมายของสองพี่น้องอูห้าวเย๋นั่นคือข้า ไม่นึกเลยว่าจะทำให้เจ้าเดือดร้อนไปด้วย”เซียวอันพูดกับหลัวซิวด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย
“สหายเซียวพูดเกินไปแล้ว แค่ตัวตลกกระจอก ๆ คนสอง ข้ายังไม่ได้นำพวกมันมาไว้ในสายตา”หลัวซิวตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง
แท้จริงแล้วหากไม่ใช่เพราะบรรพอาจารย์เทียนคุนนั่นเอ่ยปาก ขืนสองพี่น้องอูห้าวเย๋ยังจองหองปากดีอีก หลัวซิวก็อาจจะลงมือแล้ว และทันทีที่เขาลงมือ สองพี่น้องนั้นต้องได้ตายอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน ถึงแม้บรรพอาจารย์เทียนคุนนั่นจะลงมือก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
เมื่อได้ยินหลัวซิวพูดเช่นนี้ เซียวอันจึงอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี แม้เขาจะรู้อยู่ว่าหลัวซิวเป็นคนที่ไม่ธรรมดา แต่สองพี่น้องอูห้าวเย๋ก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปเช่นกัน ทว่าพวกเขาที่อยู่ในสายตาเขากลับเหมือนดั่งมดตัวจ้อย คำพูดเช่นนี้มันอาจจะดูอวดดีไปหน่อย