มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2369
ณ ตำหนักใหญ่เผ่าจี้ สีหน้าของนายแห่งเผ่าจี้และผู้อาวุโสอีกสามคนต่างดูตึงเครียดเล็กน้อย ส่วนฝั่งตรงข้ามของพวกเขามีคนนั่งอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งผู้ที่เป็นผู้นำคือมหาจักรพรรดิยุทธ์์สองคน คนหนึ่งคือชายวัยกำลังคนที่ร่างกายกำยำ อยู่ในชุดสงครามสีขาว สีหน้าเรียบนิ่ง ซึ่งเขาก็คือมหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านเทียนนั่นเอง
ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นถูกปกคลุมอยู่ภายใต้ชุดคลุมยาวดำ มองไม่เห็นใบหน้า ทำให้ผู้อื่นสัมผัสได้ถึงชี่มรณะที่มืดทึมน่ากลัว และคนดังกล่าวก็ต้องเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิอยู่แล้ว
ส่วนด้านหลังของมหาจักรพรรดิยุทธ์์ทั้งสองคนก็มีคนนั่งอยู่กลุ่มหนึ่ง ทุกคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพ ต่างเป็นผู้ติดตามของมหาจักรพรรดิยุทธ์์ทั้งสองคน
“หัวหน้าเผ่าจี้ ขอแค่เจ้ายินดีส่งตัวหลัวซิวออกมา ก็จะถือว่าข้านั้นเป็นหนี้บุญคุณเผ่าจี้ของเจ้าครั้งหนึ่ง”เสียงที่แหบแห้งของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิค่อย ๆ สะท้อนมา มีความเย็นยะเยือกมืดทึมน่ากลัวที่ทำให้จิตใจคนสั่นคลอนปนอยู่
สีหน้าของเผ่าจี้เย็นชา ขมวดคิ้วพลางตอบกลับ: “หลัวซิวคือสหายของเผ่าจี้ข้า มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิให้เผ่าจี้ของข้าส่งตัวสหายไป ทำเช่นนี้แล้วจะให้เผ่าจี้ของข้าเอาหน้าไปไว้ที่ใด?”
“หึ เผ่าจี้ของพวกเจ้าอย่าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลย การที่มหาจักรพรรดิยุทธ์์เดินทางมาขอตัวเขาที่เผ่าจี้ของพวกเจ้าด้วยตนเองนั้น ก็ถือเป็นการไว้หน้าเผ่าจี้ของพวกเจ้าแล้ว หากทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์์โกรธเกรี้ยวขึ้นมา มันไม่ใช่สิ่งที่เผ่าจี้ของพวกเจ้าสามารถแบกรับได้!”ด้านหลังของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ มีผู้อาวุโสจักรพรรดิเทพคนหนึ่งจากสำนักจักรพรรดิมรณะพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“ช่างโอหังยิ่งนัก แม้นมอบความกล้าให้มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิอีกสิบเท่า มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิกล้าแตะต้องเผ่าจี้หรือ?”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหัวเราะที่เยือกเย็นดังขึ้น ถัดจากนั้นสายตาของทุกคนล้วนพากันจ้องมองไป เห็นว่ามีเงาดำสองร่างกำลังเดินเข้ามาจากประตูตำหนักใหญ่เผ่าจี้
จี้ชิวเหลียนและหลัวซิวเดินเข้ามาพร้อมกัน เมื่อได้ยินคำพูดในเมื่อครู่นี้ของหลัวซิว สีหน้าของนางจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มองเขาด้วยสายตาที่แปลกใจรอบหนึ่ง ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไรอีก
แม้เผ่าจี้จะเคยมีอดีตที่เรืองรองอย่างยิ่ง ทว่าอย่างไรเสียเผ่าจี้ก็เสื่อมถอยมาหลายปีแล้ว หัวหน้าเผ่าก็อยู่แค่แดนจักรพรรดิเทพขั้น 9 ยังไม่สามารถเทียบเคียงกับมหาจักรพรรดิยุทธ์์ได้ หากทำให้ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์์คนหนึ่งโกรธเกรี้ยวแล้วสู้กับเผ่าจี้อย่างดุเดือดจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับกองกำลังที่เพิ่งมีการพัฒนาอย่างเผ่าจี้แน่นอน
มิหนำซ้ำวันนี้ผู้ที่มาเยือนเผ่าจี้ไม่ได้มีเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิผู้เดียวเท่านั้น ยังมีมหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านเทียนอีกคนหนึ่ง!
ตั้งแต่โบราณกาลมา มหาโลกาพันสามแทบจะไม่เคยมีมหาจักรพรรดิยุทธ์์สองคนคงอยู่ในยุคสมัยเดียวกันมาก่อน มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดถึงจะมีสิทธิ์ถูกเรียกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์์ แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิคนนี้ดันอยู่ในกรณีพิเศษ
“ไอ้ชาติชั่ว! มึงใหญ่โตมาจากที่ใด บังอาจลบหลู่มหาจักรพรรดิยุทธ์์หรือ?”ผู้อาวุโสคนนั้นจากสำนักจักรพรรดิมรณะลุกพรวดขึ้นมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง ออร่าจักรพรรดิเทพตลบฟุ้งออกมา ท่าทีเหมือนกำลังจะลงมืออบรมสั่งสอนหลัวซิว
สำหรับสำนักจักรพรรดิมรณะแล้ว มหาจักรพรรดิยุทธ์์เป็นผู้ที่สูงส่งอย่างยิ่ง หากไม่มีมหาจักรพรรดิยุทธ์์ในอดีต ก็จะไม่มีวันมีสำนักจักรพรรดิมรณะในปัจจุบัน สำหรับคนในสำนักจักรพรรดิมรณะแล้ว สามารถพูดได้เลยว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิคือความเลื่อมใสในใจพวกเขา ผู้ซึ่งไม่อาจสบประมาทได้!
ผลการฝึกตนของผู้อาวุโสจากสำนักจักรพรรดิมรณะนี่คือจักรพรรดิเทพขั้นปฐมภูมิ อีกทั้งคือจักรพรรดิเทพขั้น 1 ในจักรพรรดิเทพนั้นถือว่าค่อนข้างอ่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิเทพที่อ่อนเพียงใด แต่นั่นก็อยู่ในแดนจักรพรรดิเทพเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่มกุฎเทพคนหนึ่งสามารถต่อกรได้
ถึงแม้จะมีข่าวลือเล่าว่าหลัวซิวเคยสังหารจักรพรรดิเทพบนแท่นบูชาเทพมาร แต่จี้ชิวเหลียนก็ก้าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ช่วยหลัวซิวทลายออร่าอำนาจของผู้อาวุโสสำนักจักรพรรดิมรณะนั่น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ทุกคนล้วนคาดไม่ถึงคือ หลัวซิวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ไม่เกรงกลัวอำนาจออร่าของฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “แล้วมึงล่ะใหญ่โตมาจากที่ใด บังอาจมาพาลเกเรในตำหนักใหญ่เผ่าจี้หรือ?”
“น่าขำชะมัด! อี้ซิวเชิงข้านั้นคือผู้อาวุโสแดนจักรพรรดิเทพของสำนักจักรพรรดิมรณะ ผู้น้อยอย่างมึงไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กูจำเป็นต้องช่วยเผ่าจี้อบรมสั่งสอนมึงดี ๆ หน่อยแล้วล่ะ!”ผู้อาวุโสสำนักจักรพรรดิมรณะนั่นแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด