มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2374
“เรื่องนี้ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวลขอรับ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เผ่าจี้ก็น่าจะมีเหล็กเซียนวัตถุดิบเซียนระดับห้าเก็บสะสมไว้อยู่ใช่ไหมขอรับ? ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะสามารถจัดสรรให้ข้าส่วนหนึ่ง ยิ่งเยอะยิ่งดีเลย หากมีเหล็กเศษณ์ทองเซียนระดับหกก็จะยิ่งดีเลยขอรับ!”หลัวซิวเอ่ยปากพูด
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นายแห่งเผ่าจี้จึงผงะอย่างอดไม่ได้ “เจ้าต้องการวัตถุดิบชั้นยอดเหล่านี้ไปทำกระไรหรือ?”
จากคำบอกเล่าของผู้อาวุโสจี้หยวนฉง ภายในเผ่าจี้ต่างทราบอยู่ว่าหลัวซิวได้รับทรัพย์สินของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพสามคนครั้นเมื่ออยู่บนโบราณสถานแท่นบูชาเทพมาร หนึ่งในนั้นยิ่งมีคนหนึ่งที่เป็นเจ้าหอยอดอัมพรยุคปัจจุบัน ผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพขั้นสูง
ในแหวนเก็บของของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพสามคน ไม่ขาดแคลนวัตถุดิบชั้นยอดต่าง ๆ ถึงแม้ทองเซียนวัตถุดิบเซียนระดับห้าเป็นต้นไปจะหายากมาก ๆ แต่จากภูมิฐานของจักรพรรดิเทพแล้ว ก็มีเก็บสะสมไว้อยู่บ้าง
ทรัพย์สินที่จักรพรรดิเทพสามคนเก็บสะสมมายังไม่เพียงพอเลย เจ้าหมอนี่ยังต้องการมากกว่านี้อีก เขาจะทำอะไรกันแน่? จุดนี้ทำให้นายแห่งเผ่าจี้รู้สึกสงสัยมาก ๆ
หลัวซิวก็ไม่มีความคิดที่จะปิดบังเรื่องนี้ต่อเผ่าจี้เช่นกัน ดังนั้นจึงตอบกลับตรง ๆ ว่า: “ข้าวางแผนที่จะกลั่นหุ่นเชิดสามตัวภายในเวลาสิบปีนี้”
“หุ่นเชิด?”นายแห่งเผ่าจี้และเหล่าผู้อาวุโสต่างขมวดคิ้ว จากผลการฝึกตนของหลัวซิว ระดับของหุ่นเชิดที่เขากลั่นออกมาได้นั้นจะสูงเพียงใดกัน?
หลัวซิวไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด เขาแค่ยกมือโบกทีหนึ่ง หุ่นเชิดจำนวนมากที่เขาเก็บไว้ในโลการ่างในจึงปรากฏทันที จำนวนหุ่นเชิดเหล่านี้มีเป็นพันเป็นหมื่น และมีออร่าระดับมกุฎเทพแผ่กระจายออกมาจากหุ่นเชิดทุกตัว
“สำหรับผู้อาวุโสทุกท่านแล้ว หุ่นเชิดมกุฎเทพนับหมื่นตัวนี้อาจจะไม่มีค่าอะไร แต่หุ่นเชิดเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ข้ากลั่นได้ครั้นเมื่อผลการฝึกตนยังเป็นราชาเทพ”
หลัวซิวอมยิ้มพลางพูด: “แม้นว่าบัดนี้ผลการฝึกตนของข้าอยู่เพียงแดนมกุฎเทพ ทว่าข้ายังคงมีวิธีการสามารถกลั่นหุ่นเชิดระดับจักรพรรดิเทพออกมาได้ แล้วก็ข้ายังมีวิธีการอื่น ๆ ที่สามารถทำให้หุ่นเชิดระดับจักรพรรดิเทพ มีศักยภาพในการต่อกรกับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์์ได้ด้วย!”
วินาทีนี้ หลัวซิวได้บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของตนเองออกมา
“ว่าอย่างไรนะ?”
“เจ้าพูดจริงหรือ?”
เมื่อนายแห่งเผ่าจี้และเหล่าผู้อาวุโสได้ยินคำพูดดังกล่าว สีหน้าจึงเปลี่ยนแปลงไปภายในพริบตา
หุ่นเชิดที่สามารถเทียบทัดต่อกรกับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์์ นั่นเป็นสิ่งที่นักค่ายเทพที่อยู่เหนือระดับมหาปรมาจารย์ถึงจะสามารถกลั่นออกมาได้ และในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมหาโลกาพันสาม นักค่ายเทพที่มีระดับสูงที่สุดก็แค่มหาปรมาจารย์เท่านั้น ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเคยมีผู้ที่อยู่เหนือมหาปรมาจารย์บังเกิดขึ้น
ผลการฝึกตนของหลัวซิวนี่เพิ่งมกุฎเทพ เขาไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดถึงบอกว่าตนเองสามารถกลั่นหุ่นเชิดเช่นนี้ออกมาได้?
“ผู้อาวุโสทุกท่านคิดว่าหลัวซิวข้าคือผู้ที่ชอบพูดจาบาตรใหญ่หรือ?”หลัวซิวยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ในเมื่อข้าบอกว่าทำได้ เช่นนั้นก็ต้องทำได้อย่างแน่นอน แต่ข้อแม้ก็คือต้องมีวัตถุดิบระดับสูงที่เพียงพอ และวัตถุดิบในมือข้ายังไม่เพียงพอ!”
เดิมทีการกลั่นหุ่นเชิดระดับจักรพรรดิเทพตัวหนึ่งก็ต้องการวัตถุดิบมากกว่าการกลั่นของขลังอาวุธสงครามจักรพรรดิเทพชิ้นหนึ่งอยู่แล้ว และการที่จะทำให้หุ่นเชิดจักรพรรดิเทพตัวหนึ่งระเบิดพลังที่เทียบเท่ามหาจักรพรรดิยุทธ์์ออกมาได้นั้น เงื่อนไขคุณภาพและจำนวนของวัตถุดิบจึงต้องสูงกว่าอยู่แล้ว
แววตาของนายแห่งเผ่าจี้เป็นประกายพลางพูดกระแทกเสียงต่ำ: “เผ่าจี้ของข้าจะจัดสรรเรื่องวัตถุดิบเอง ผู้น้อยทำทุกอย่างเต็มที่เลย!”
พวกเขาต่างทราบอยู่ว่าบนตัวหลัวซิวมีความลับ แต่บนตัวเขามีความลับแบบใดซ่อนอยู่กันแน่นั้น เผ่าจี้ไม่เคยสืบเสาะตีวัวกระทบคราดหรือทดสอบหยั่งเชิงมาก่อนเลย เนื่องจากเขามีพระคุณต่อเผ่าจี้ เป็นสหายของเผ่าจี้ ดังนั้นเผ่าจี้จึงเลือกที่จะเชื่อใจเขาอย่างหมดเปลือก
ในขณะเดียวกันหลัวซิวก็คิดเฉกเช่นเดียวกัน เรื่องความเชื่อใจนั้นเป็นสิ่งที่ต้องมอบให้กันและกัน ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ต้องพูดอะไร เลือกที่จะหลีกเลี่ยงคำถามนี้อย่างลุ่มลึก
สาเหตุที่เขาเลือกที่จะอยู่ในเผ่าจี้และช่วยเหลือเผ่าจี้นั้น ด้านหนึ่งเป็นเพราะจี้หวูชวง ด้านหนึ่งก็เป็นเพราะเขาอยากช่วยให้เผ่าจี้และตระกูลเทพสงครามที่เสื่อมถอยลงเพราะการต่อต้านสวรรค์ต่อสู้กับชะตาชีวิตให้กลับมาเรืองรองใหม่อีกครั้ง กลับมามีเกียรติและเรืองรองอย่างอดีตอีกครั้ง