มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2382
สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา จักรพรรดิเทพสองคนที่ถูกมฤตยูมหากาพย์พัดผ่านจนสลายเป็นเถ้าธุลี ต่างเป็นผู้แข็งแกร่งจากสำนักจักรพรรดิจ้านเทียน ซึ่งมันทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนมีสีหน้าที่ไม่ดีเอาเสียเลย
ไม่ว่าอย่างไร ทุกคนก็ยังไม่ได้เข้าไปด้านในวังเทียนหมิงเลย เพียงแค่ประตูใหญ่ของพระราชวังแห่งนี้เปิดออกก็สูญเสียจักรพรรดิเทพไปแล้วสองคน ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ว่าเมื่อเข้าไปแล้วจะยังมีอันตรายใดที่มากกว่านี้อีกหรือไม่?
ทันใดนั้น สายตาของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็ตกลงบนร่างของหลัวซิว พูดเสียงเย็น “ผู้น้อยซิวหลัว หากว่าข้าไม่ได้มองผิดไป เจ้าคือคนแรกที่ถอยออกมา ทั้งยังหนีอย่างเร็วที่สุดอีกด้วย ไม่ใช่ว่าเจ้ารู้อยู่ก่อนแล้วหรือว่าที่นี่มีอันตรายเช่นนี้ แต่กลับไม่บอกกล่าวพวกเราล่วงหน้าด้วยเหตุใดกัน?”
มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเอ่ยออกมาเช่นนี้ ทำให้สายตาของมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนและคนอื่น ๆ มารวมกันอยู่ที่หลัวซิวอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าใครที่ได้ยินต่างก็ฟังออก คำพูดนี้ของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ คือกำลังชี้ว่าหลัวซิวแอบซ่อนจุดประสงค์ไม่ดีเอาไว้!
หลัวซิวขมวดคิ้ว เขาคาดไม่ถึงว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิจะโจมตีเขาในเวลาเช่นนี้ อยู่ดี ๆ ก็หันปลายหอกมาทางตน
แต่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิพูดมาก็เป็นเรื่องจริง เขาเป็นคนแรกที่ถอยทัพหนีออกมา เพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงออร่าของลมหนาว ก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือมฤตยูมหากาพย์ หากเขาไม่หนี จะให้ยืนรอความตายหรืออย่างไร?
สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากมายนัก หลัวซิวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ นี่หมายความว่าอย่างไรกัน? หากข้ารู้มาก่อนจริง ๆ ว่าที่แห่งนี้มีอันตราย ต่อให้ไม่ได้บอกกล่าวกับพวกเจ้า แม้แต่เผ่าจี้ข้าก็จะไม่บอกด้วยอย่างนั้นหรือ? อีกอย่างเมื่อครู่มหาจักรพรรดิยุทธ์ก็ไม่ได้หนีช้าเลยนี่ ข้ายังไม่สงสัยในการกระทำของเจ้าเลย แต่เจ้ากลับมาสงสัยในตัวข้าเสียนี่”
“สามหาว! เจ้าเป็นแค่ผู้น้อยคนหนึ่ง กลับกล้าเสียมารยาทกับมหาจักรพรรดิยุทธ์เช่นนี้? สงสัยในพลังอำนาจของมหาจักรพรรดิยุทธ์หรือ?” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งของสำนักจักรพรรดิมรณะคำรามกร่นด่าด้วยเสียงเยือกเย็น คนผู้นี้มีผลการฝึกตนที่สูงกว่าอี้ซิวเชิงอย่างมาก เป็นจักรพรรดิเทพขั้นห้า
ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสจักรพรรดิเทพอีกหลายท่านของสำนักจักรพรรดิมรณะก็มีสีหน้าไม่พอใจเช่นเดียวกัน รอบกายแผ่กระจายไปด้วยรังสีสังหาร ของขลังทหารจักรวรรดิที่มีพลังอำนาจแข็งแกร่งมากมายถูกนำออกมา ตรึงไว้ที่ร่างของหลัวซิว
ราวกับว่าเพียงแค่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิออกคำสั่งเพียงคำเดียว พวกเขาเหล่าจักรพรรดิเทพก็จะลงมือสังหารหลัวซิวโดยไม่ลังเล
“สำนักจักรพรรดิมรณะ ดูหมิ่นพวกข้าเผ่าจี้ไร้กำลังหรือ?” ผู้อาวุโสทั้งห้าของเผ่าจี้ก้าวเท้าเข้ามาด้านหน้า ในเวลาเช่นนี้ พวกเขาย่อมต้องออกมายืนเสริมกำลังให้หลัวซิวอยู่แล้ว
มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนเมื่อเห็นสำนักจักรพรรดิมรณะและเผ่าจี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็หันอาวุธเข้าหากัน ถึงจะบอกว่าหากเผ่าจี้กับสำนักจักรพรรดิมรณะทำสงครามใหญ่กันขึ้น เกิดความเสียหายกันทั้งคู่ ถือนั้นเป็นภาพที่น่าดูชมของเขาก็ตามที แต่ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าด้านในของวังเทียนหมิงนั้นจะมีอันตรายใดอยู่อีกหรือไม่ หากในเวลานี้เกิดการวิวาทเข่นฆ่ากันขึ้นมา ดูท่าว่าคงจะไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่
ดังนั้นมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนจึงได้เอ่ยปากออกมา “ลมหนาวอันน่าหวาดเกรงนั้นได้หายไปแล้ว ภารกิจสำคัญในเวลานี้ คือพวกเราทั้งสามฝ่ายควรร่วมมือร่วมใจกันเข้าไปด้านในวังเทียนหมิงแห่งนี้เพื่อค้นหาโอกาสและโชคลาภ ทุกท่านเห็นเป็นเช่นไร?”
“เฮอะ ๆ มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนพูดมาก็มีเหตุผล บางทีข้าอาจจะเข้าใจผู้น้อยซิวหลัวผิดไปเอง” มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา ไม่ได้จ้องเล่นงานหลัวซิวต่อ
สายตาของทุกคนพากันมองไปยังประตูใหญ่ที่เปิดกว้างอยู่ของวังเทียนหมิง เมื่อมฤตยูมหากาพย์สลายไป ประตูใหญ่ของพระราชวังถึงแม้จะเปิดออกมาแล้ว แต่ด้านในกลับมีแต่ความดำมืด ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้เลย ถึงแม้ว่าเหล่าจักรพรรดิเทพจะใช้ตัวสำนึกเข้าไปสำรวจ แต่ราวกับว่าถูกกลืนกินจนหมด ไม่สามารถค้นพบสิ่งได้เลย
วังเทียนหมิงแห่งนี้ต่างก็เผยให้เห็นความแปลกประหลาดออกมาทุกหนแห่ง ผู้แข็งแกร่งมากมายที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดกล้ากระทำการผลีผลาม
ทันใดนั้น ร่างของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็กระพริบครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นก็พลันพุ่งตัวเข้าไปในวังเทียนหมิง ผู้อาวุโสสำนักจักรพรรดิมรณะมากมายที่ติดตามมากับเขาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พุ่งตัวตามเข้าไปด้านในโดยไร้ซึ่งความลังเล