มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2386
ถึงแม้จะเป็นการต่อสู้ระหว่างเขาและมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียน ก็ยังไม่ไม่มีความแน่นอนในชัยชนะ นอกเสียจากเขาสามารถฟื้นฟูผลการฝึกตนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้ เช่นนั้นการโจมตีมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนที่ไม่ได้ครอบครองกฎชั้นยอดให้แพ้พ่าย ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ปึง! ปึง! ปึง! ……
หนึ่งหมัดของหุ่นเชิดยักษ์โจมตีมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนให้ถอยออกไปได้ แต่หุ่นเชิดยักษ์ก็ยังคงได้รับแรงกระเทือนกลับมาเช่นกัน ก้าวถอยหลังไปหลายก้าวติดต่อกัน พื้นดินที่ถูกเหยียบย่ำส่งเสียงสนั่นหวั่นไหว ทั้งยังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ห่างไปหลายร้อยจั้ง มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนปาดรอยเลือดที่ปรากฏขึ้นที่มุมปาก จิตสังหารในร่างกายของเขายิ่งเยือกเย็นขึ้นเรื่อย ๆ “คาดไม่ถึงจริง ๆ สิ่งที่หลบซ่อนเอาไว้ลึกที่สุด กลับเป็นเจ้าผู้น้อยที่มีผลการฝึกตนมกุฎเทพ ถึงว่าเหตุใดจึงได้เย่อหยิ่งอวดดีเช่นนี้ ที่แท้ก็มีหุ่นเชิดตนหนึ่งที่เทียบเท่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ แต่หากแค่เพียงเท่านี้ ก็ยังไม่มีทางที่จะต่อกรกับข้าได้อยู่ดี!”
หลัวซิวยืนอยู่บนบ่าของหุ่นเชิดยักษ์ สีหน้าไม่ความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย แต่ในใจกลับรู้สึกตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย เมื่อครู่พลังรบของหุ่นเชิดยักษ์ระเบิดออกมาอย่างกระทันหัน ย่อมเป็นเพราะว่าเขากระตุ้นพลังแห่งเลือดและแก่นแท้ที่ผสานอยู่ในแกนกลางของหุ่นเชิด เขากลั่นหุ่นเชิดจักรพรรดิเทพทั้งหมดสามตน แกนกลางของหุ่นเชิดทุกตน ต่างก็ผสานพลังและเลือดของคาดิสลารลงไปหนึ่งหยด
คาดิสลารคือเทพมารระดับเจ็ด อีกทั้งยังเป็นยักษ์อัสนีที่บ่มเพาะขึ้นท่ามกลางตรีภพ พลังและเลือดหยดหนึ่งของเขา เต็มไปด้วยพลังงานอันยิ่งใหญ่มหาศาลถึงขีดสุด เกิดมาเพื่อจัดการพลังของกฎสายฟ้า
แต่พลังที่แท้จริงของมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียน มันเกินกว่าที่เขาประเมินเอาไว้ คนผู้นี้ไม่ใช่มหาจักรพรรดิยุทธ์ธรรมดา อย่างน้อยก็ต้องเป็นแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลาง
ถ้าต้องต่อสู้สุดชีวิตจริง ๆ หุ่นเชิดยักษ์ตนนี้ของเขายื้อไว้ได้ไม่นานก็จะแตกสลาย มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนผู้นี้
แน่นอนว่า ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว หลัวซิวก็ยังคงมีไพ่ตายอยู่อีก หากว่าเขาทำให้หุ่นเชิดยักษ์ระเบิดพลังที่แท้จริงของระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้วจากนั้นก็ใช้กระบี่ร่องฟ้า เช่นนั้นก็สามารถมั่นใจได้ว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะกำจัดมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนทิ้งได้!
เพียงแค่ว่า หากมันยังไม่ถึงจุดที่ไร้ทางเลือกจริง ๆ สุดท้ายเขาก็ยังไม่ต้องการที่เปิดเผยไพ่ตายทั้งหมดของเขา ถึงอย่างไรทางฝั่งนั้นก็ยังมีมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิที่จ้องจะตระครุบเหยื่ออยู่อีกตน
จิตสังหารบนร่างของมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนยิ่งน่าหวาดกลัวขึ้นเรื่อย ๆ หลัวซิวกลับไม่ได้จะล่าถอยแม้เพียงครึ่งก้าว ดวงตาทั้งสองข้างของหุ่นเชิดยักษ์ปลดปล่อยแสงสีแดงออกมา เป็นเส้นโค้งสายฟ้าบนร่างกาย หากมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนไม่ใช่คนบุ่มบ่ามที่มีความกล้าแต่ไร้ซึ่งแผนการ หลัวซิวคาดว่าเขาจะไม่ลงมือต่อเป็นครั้งที่สอง ไม่เช่นนั้นหากทั้งสองฝ่ายต่างบาดเจ็บสาหัสขึ้นมา ก็จะทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิที่นิ่งดูดายอยู่นั้นได้รับผลประโยชน์ไปอย่างง่ายดาย
เป็นดังคาด หลังจากพลังอันยิ่งใหญ่ประจันหน้ากันครู่หนึ่ง มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนก็ส่งเสียงฮึในลำคอ เก็บดาบรบเข้าไปในห้วงจักร อีกทั้งยังเก็บรังสีสังหารบนร่างไปด้วย
“ดี! ดีเหลือเกิน! ข้าคาดไม่ถึงจริงจริง ๆ ว่าจะมีวันหนึ่ง ผู้น้อยที่มีผลการฝึกตนเพียงแค่มกุฎเทพ จะสามารถทำให้ข้าเลือกที่จะประนีประนอมได้!” มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น จากนั้นก็พาเหล่าจักรพรรดิเทพที่อยู่ใต้บัญชาถอยกลับไปอีกด้านหนึ่ง
การกระทำเช่นนี้ของเขา แสดงให้เห็นว่าได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะแย่งชิงสมบัติบนแท่นศิลาแล้ว
จ้าวแห่งเผ่าจี้จ้องมองไปยังหลัวซิวอย่างพินิจพิเคราะห์ ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาเลือกที่จะเชื่อใจหลัวซิว อีกทั้งยังมอบทรัพยากรจำนวนมากให้เขาเพื่อกลั่นหุ่นเชิด แต่เมื่อได้มาเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ด้วยตาของตนเอง ภายในใจก็ยังคงเต็มไปด้วยความตกใจยิ่งใกล้ชิดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งพบว่าความลึกลับของหลัวซิวผู้นี้ลึกล้ำเกินกว่าจะคาดเดาได้ เขาเป็นใครกันแน่? แล้วเหตุใดต้องช่วยเผ่าจี้?
เขาอดไม่ได้ที่จะย้อนนึกไปถึงในตอนแรกที่หลัวซิวนำเอารังสีดาบหนึ่งของบรรพบุรุษหวูชวงส่งกลับคืนมา หรือจะบอกว่า คนผู้นี้ได้รับการสืบทอดของบรรพบุรุษหวูชวง หรือว่ามีต้นกำเนิดที่เกี่ยวพันกับบรรพบุรุษหวูชวง?
จ้าวแห่งเผ่าจี้คิดไปมากมาย แต่กลับยังไม่สามารถเข้าใจและเชื่อมโยงต้นสายปลายเหตุได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่พร้อมที่จะเข้าไปถามกับหลัวซิวโดยตรง