ค้นห่วงนิทรา ค้นห่วงนิทรา นั่นคือค้นหาเขาในห้วงนิทรา……
แสงกระบี่ส่องประกายระยิบระยับฟาดฟันออกไป ราวกับมีร่างเงาของหญิงสาวที่มีท่วงท่าอ่อนโยนปรากฏขึ้น ในมือกระบี่เทพ ฟาดฟันตัดฟ้าดิน
มฤตยูมหากาพย์ที่ท่วมท้นอยู่ที่หนแห่ง ถูกฟันแยกเป็นเส้นทางหนึ่ง หลัวซิวใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดพุ่งตัวออกไปสุดชีวิต
แต่ในเวลานี้เอง มือใหญ่สีดำขนาดมหึมามือหนึ่ง ก็ยื่นออกมาจากตัวอักษรคำว่าภูตสวรรค์ทมิฬที่สลักเอาไว้บนศิลา มือใหญ่สีดำขนาดมหึมาราวกับเป็นรูปธรรม ทะลุผ่านปริภูมิที่กั้นขวางอยู่แต่ละชั้น ตรงเข้ามาหมายคว้าตัวหลัวซิว
“ไสหัวกลับไป!”
หลัวซิวคำรามขึ้นมาเสียงดัง หอกรบสีแดงดังโลหิตเล่มหนึ่งหลอมรวมปรากกฎขึ้นในมือในของเขา ออกแรงขว้างออกไป กลายเป็นแสงโลหิตที่ส่งประกายระยิบระยับถึงขีดสุด
“หอกโลหิตสวรรค์ปราบ? ไอ้ระยำ! เจ้าคือกบฏแห่งวิถีมาร!” เสียงคำรามด้วยความโมโหโกรธาพุ่งออกมาจากในศิลา ดูเหมือนว่าจะรู้ถึงที่มาของพลังอมตะวิชานี้ที่หลัวซิวใช้
ผุ!
หอกโลหิตสวรรค์ปราบคือพลังอมตะที่หลัวซิวเรียนรู้ด้วยภาพปราบสวรรค์ซึ่งได้มาจากแท่นบูชาเทพมารเก้าผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
ในยุคสมัยบรรพกาลอันไกลโพ้น เก้าผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ก็อาศัยพลังอมตะนี้ ใช้หอกโลหิตสวรรค์ปราบ หลอมร่างและเลือดเนื้อเป็นโลงศพ ใช้มันฌาปนนภาสวรรค์!
ถึงแม้ว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวจะไม่แข็งแกร่ง แต่สำหรับพลังอมตะวิชานี้ กลับเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งภูตสวรรค์ของสวรรค์ปราบ รอบด้านของหอกโลหิต ปรากฏรูปร่างกำยำของเก้าผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานขึ้น
เหมือนกับที่ดาราหลักยอดอัมพร ในวินาทีที่หลัวซิวสำแดงหอกโลหิตสวรรค์ปราบออกมา ภายในสถานฌาปนนภาสวรรค์ โลงศพฌาปนนภาสวรรค์ที่อยู่เหนือแท่นบูชาเทพมารก็พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมา ภาพมายาเก้าร่างเดินออกมาจากด้านในโลงศพ
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
……
ภาพมายาเก้าร่างส่งเสียงคำรามดังลั่น จากนั้นเพียงชั่วพริบตาก็เลือนหายไป พุ่งตรงเข้าไปยังหุบเขาทุคติทันที
หอกโลหิตสวรรค์ปราบ คือพลังอมตะที่ไม่อาจต้านทานได้อย่างแน่นอน แต่ด้วยผลการฝึกตนของหลัวซิวที่สำแดงออกมา จึงยังไม่สามารถบรรลุถึงขั้นกบฏสวรรค์ปราบได้
มือใหญ่สีดำออกแรงกดลงบนอนัตตา หอกโลหิตสวรรค์ปราบก็พลันสลายไปในเสี้ยววินาที ออร่าอันเยือกเย็นถึงขีดสุดแผ่ขยายขอบเขตเข้ามา ทำให้หลัวซิวรู้ถึงหนาวเหน็บไปถึงกระดูก
ในเวลาเดียวกัน หลัวซิวรับรู้ได้ถึงการสั่นไหวที่ตัวหยั่งรู้ของตน ญาณเทวร่างมนุษย์เคลื่อนไหวต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าจะถูกมือสีดำขนาดใหญ่ซึ่งลอยอยู่ในอากาศคว้าออกจากร่างกาย หากไม่ใช่ว่าเขาฝึกตนเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณที่มีต้นตอมาจากคัมภีร์โอสถ เกรงว่าเขาคงจะกลายเป็นร่างไร้วิญญาณที่เดินได้ไปแล้ว
“เป็นแค่มดตัวเล็ก ๆ กลับสามารถต้านทานสยบญาณของข้าไว้ได้ ปล่อยไปไม่ได้!”
ออร่าอันเยือกเย็นยิ่งสะพรึงความน่ากลัวขึ้นไปอีก มือใหญ่สีดำไล่ตามมาด้วยความเร็วสูงสุด หลัวซิวร่ายวิชาค่ายกลอย่างต่อเนื่อง หุ่นเชิดยักษ์สองตนส่งเสียงคำราม พุ่งตัวออกไป
ในเวลาเช่นนี้ หลัวซิวไม่มีเวลามานั่งสังเกตุการณ์แล้วว่า หุ่นเชิดยักษ์สองตัวจะสามารถต้านทานมือใหญ่สีดำนั้นไว้ได้หรือไม่ เขาเลือกที่จะเผาพลาญพลังและเลือดในร่างกายโดยไม่ลังเล
ในตอนนี้ เขาได้ครอบครองกฎชีวิตขั้นที่แปดแล้ว ถึงแม้ว่าเผาผลาญพลังและเลือดในร่างกายไปถึงแปดส่วน ก็จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อรากฐานโลกยุทธ์ของตนแต่อย่างใด
เขารู้ดีว่าที่แห่งนี้คือพระราชวังของภูตสวรรค์ตนหนึ่ง ถึงแม้ว่าภูตสวรรค์ตนนี้จะเหลือแค่เพียงเศษเสี้ยวเจตจำนงแห่งภูตสวรรค์บาง ๆ ก็ตาม แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาผู้ซึ่งเป็นเพียงมกุฎเทพตัวเล็ก ๆ จะสามารถต้านทานได้
“มดแห่งวิถีมาร เจ้าไร้ทางหนี!” เสียงเยือกเย็นน่าเกรงขามดังมาจากด้านหลัง จากนั้นมือใหญ่สีดำ ก็ได้ปรากฏขึ้นที่เหนือศีรษะของของหลัวซิว
เหวิง!
ภาพมายาดารามากมายปรากฏขึ้นรอบกายหลัวซิว โคจรไปมาโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง เต็มไปด้วยความลึกลับไร้ที่สิ้นสุด
วิถีไร้ลักษณ์ของเขา นำแก่นแท้ของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าและวิชาอาถรรพณ์จุดลมปราณผสานไว้ด้านใน ภาพมายาดาราเหล่านี้ คือการหลวมรวมขึ้นมาในตันเถียนชี่ไห่รวมถึงร่างในของเขา
พลังรบทั้งหมด ได้ระเบิดออกมาครบทุกด้านแล้วในเวลานี้ หลัวซิวพุ่งตัวออกไปโดยไร้ซึ่งความลังเล ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นตำหนักวัฏสงสารและลูกแก้วความเป็นตายอัญเชิญเงาสะท้อนวัฏสงสารอย่างต่อเนื่อง ต้านทานการบุกโจมตีของมฤตยูมหากาพย์