มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2399
ในใจของมู่กว่างเต๋อในเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องของการนอบน้อมหรือไม่นอบน้อมแล้ว รีบเอ่ยปากพูด “ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ท่านชายหลัวโปรดอภัย……”
คนหนึ่งที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพยังต้องกังวล มู่กว่างเต๋อรู้สึกว่าต่อให้ตนจะแสดงท่าทีที่นอบน้อมยิ่งกว่านี้ก็ยังไม่นับว่าเป็นเรื่องที่เกินควร
ท่าทีของมู่กว่างเต๋อ ทำให้หลัวซิวค่อนข้างประหลาดใจ แต่ก็รู้สึกว่าก็สมเหตุสมผลอยู่ เดิมทีเขาคิดว่าคนของตระกูลมู่หากรู้ว่าเขาคือหลัวซิว คงไม่สามารถพูดคุยได้จ้องจบลงด้วยการต่อสู้ ไม่ใครก็ใครต้องตายกันไปข้างหนึ่งเป็นแน่ ถึงจะบอกว่าการตายของผู้อาวุโสจักรพรรดิเทพตระกูลมู่จะไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของเขา แต่มู่ช่าวหวงนั้นเป็นที่แน่ชัดอย่างยิ่งว่าเขาเป็นคนสังหาร
หากว่ามู่กว่างเต๋อจะเปลี่ยนท่าที หลัวซิวก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะนั่นแสดงว่าตระกูลมู่ยังคงแค้นเขาอยู่ ต้องการเป็นศัตรูกับเขา ต้องการที่จะสังหารเขาให้ได้
แต่มู่กว่างเต๋อไม่ได้เปลี่ยนทีท่า หลัวซิวก็รู้สึกว่าสามารถเข้าใจได้เช่นกัน นั่นหมายถึงคนของตระกูลมู่ค่อยข้างฉลาดทีเดียว ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเขา
มองจากเพียงจุดเดียว ก็รับรู้ได้ถึงสถานการณ์ทั้งหมด แค่เพียงท่าทีของมู่กว่างเต๋อที่ปฏิบัติต่อเขา หลัวซิวก็สามารถคาดเดาได้ถึงท่าทีของตระกูลมู่สรรพสิทธิ์ที่มีต่อตนเองและเผ่าจี้
ตระกูลมู่ถึงแม้จะแข็งแกร่งในสรรพมหาโลกา เป็นตระกูลใหญ่มหาจักรพรรดิยุทธ์ตระกูลหนึ่ง แต่ท่ามกลางตระกูลใหญ่สำนักจักรพรรดิในปัจจุบัน กลับไม่ได้แข็งแกร่งมากที่สุด และตระกูลมู่อาจจะไม่ต้องการที่จะลงหลักปักฐานอยู่แค่เพียงในมหาโลกาพันสาม แต่มีความทะเยอทะยานที่สูงกว่า โดยหวังว่าจะสามารถทำให้ตระกูลมู่ไปได้ไกลกว่านี้ คือเข้าสู่แปดโลกมหาศักดิ์!
เพียงแค่ว่ามันยากเกินไปสำหรับตระกูลมู่ที่จะทำเช่นนี้ เพียงแค่อาศัยเทพมารระดับห้าของแดนจักรพรรดิเทพไม่กี่คน มันไม่เพียงพอที่จะหยัดยืนอยู่ในแปดโลกมหาศักดิ์ได้ ไม่แน่อาจจะถูกคนกำจัดออกไปได้ทุกเมื่อ ยากที่จะมีปริภูมิให้ดำรงอยู่
ดังนั้นตระกูลมู่ จึงคิดอยากจะใช้เผ่าจี้เป็นไม้กระดก เพราะว่าเผ่าจี้ก็มาจากโลกมหาศักดิ์ เผ่าจี้ถือกำเนิดขึ้น การขยายกองกำลังอย่างยิ่งใหญ่มโหฬาร เห็นได้ชัดว่ากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการกลับสู่โลกมหาศักดิ์
หากมีวันที่ตระกูลมู่ต้องการจะเข้าสู่แปดโลกมหาศักดิ์ เช่นนั้นย่อมต้องร่วมมือกับเผ่าจี้เป็นแน่ จึงจะมีโอกาสและความเป็นไปได้
มู่กว่างเต๋อไม่รู้ว่าในใจของหลัวซิวกำลังคิดสิ่งใดอยู่ แม้กระทั่งเขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หากเขาถูกหลัวซิวสังการขึ้นมา ตระกูลมู่จะเป็นเดือดเป็นร้อนหรือไม่?
“เหตุใดเจ้าต้องไล่ฆ่าแม่นางฉิน?” หลัวซิวเอ่ยถาม
ในเมื่อเขายื่นมือเข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้แล้ว แน่นอนว่าจำเป็นต้องรู้ถึงต้นต่อของเรื่องราวทั้งหมดนี้
มู่กว่างเต๋อกำลังจะเอ่ยตอบ ฉินเฟยเสวที่อยู่ด้านหลังหลัวซิวก็ชิงเอ่ยขึ้นมาก่อน “วังอัมพรตรีภพถูกตระกูลมู่ทำลายสิ้นแล้ว เขาไล่ล่าข้า ก็เพื่อที่จะแย่งชิงผังเปิดสวรรค์มหาเทวะในมือของข้า”
เมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านี้ สีหน้าของฉินเฟยเสวก็เผยความโมโหออกมา นางคือศิษย์ของวังอัมพรตรีภพ สำนักของตนถูกทำลายล้าง นี่คือความเครียดแค้นอันยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
หัวใจของมู่กว่างเต๋อเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย แอบคิดว่าหลัวซิวกับฉินเฟยเสวเป็นเพื่อนกัน จะลงมือสังหารตนเพียงเพราะเรื่องของวังอัมพรตรีภพหรือไม่?
ฉินเฟยเสวจ้องมองไปยังหลัวซิว เห็นว่าผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพมู่กว่างเต๋อผู้นี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลัวซิวกลับกลายเป็นเหมือนลูกหลานเสียอย่างนั้น สิ่งนี้ทำให้หัวใจของนางเต็มไปด้วยความหวัง นางไม่ได้หวังว่าหลัวซิวจะช่วยแก้แค้นให้กับวังอัมพรตรีภพ แต่ถ้าหากสามารถสังหารมู่กว่างเต๋อได้ อยู่น้อยในใจของนางก็คงจะผ่อนคลายความแค้นลงได้บ้าง
หลัวซิวขมวดคิ้ว ความคิดของฉินเฟยเสว เขาสามารถมองออกทะลุปรุโปร่งได้เพียงพริบตาเดียว
เขาถือว่าฉินเฟยเสวเป็นสหายเก่านั่นคือความจริง แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับวังอัมพรตรีภพ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจัดการกับมู่กว่างเต๋อ เพียงเพราะเรื่องของวังอัมพรตรีภพ
ถึงจะบอกว่าเขาสามารถคาดเดาท่าทีของตระกูลมู่ได้ แต่หากตนทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุ เช่นนั้นต้องเจอสถานการณ์ที่ตระกูลมู่ประจันหน้ากับตนอย่างแน่นอน ซึ่งนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่หลัวซิวต้องการ