มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2405
แม้แต่ของขลังคุ้มกันระดับจักรพรรดิเทพชิ้นหนึ่งยังถูกทลายไปแล้ว สถานที่แห่งนี้มันสยดสยองเกินไปหน่อยจริง ๆ
ไม่มีความลังเลใจใด ๆ หลัวซิวเรียกตำหนักวัฏสงสารออกมาเป็นสิ่งแรก รัศมีสีดำม่วงที่นับไม่ถ้วนพุ่งชนเข้ากับตำหนักวัฏสงสาร จนเกิดเป็นแรงที่เกะกะระรานซัดสาดร่างกายหลัวซิว ทำให้มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากเขาอย่างต่อเนื่อง ผิวหนังเริ่มแตกร้าว
ตำหนักวัฏสงสารเป็นสมบัติที่กลายมาจากเศษกงล้อวัฏจักรธรรม แม้พลานุภาพของรัศมีสีดำม่วงเหล่านี้จะทรงพลังมาก แต่การที่จะทลายมันนั้น กลับเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ต้องท้าวความก่อนว่าอดีตไท่ซ่างฉิงที่มีผลการฝึกตนแดนผู้สูงส่ง ก็ทุ่มสุดชีวิตใช้อุบายที่แหกกฎสวรรค์ ถึงจะสามารถทลายกงล้อวัฏจักรธรรมได้
ทันใดนั้นเอง แววตาของหลัวซิวก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เนื่องจากเขามองเห็นยาเซียนต้นหนึ่งกำลังสั่นไหวอยู่ในตำแหน่งที่ห่างออกไปไม่ไกล ยาเซียนต้นนั้นมีใบไม้สามใบ โดยสีของใบแบ่งออกเป็นสีทอง สีแดงและสีดำ และทั้งสามสีก็พันอยู่รอบด้านบนสุดของยาเซียน ลักษณะเหมือนมังกรตัวหนึ่ง
ซึ่งนั่นก็คือสมุนไพรมังกรสามสีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เป็นยาเซียนระดับเจ้ายุทธจักร แต่กลับปรากฏในเขตพื้นที่ที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพยังยากที่จะย่างกรายเข้ามาถึง ช่างเป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้จริง ๆ
ใช้ตำหนักวัฏสงสารต้านทานการโจมตีจากรัศมีสีดำม่วง หลัวซิวรีบพุ่งตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว เก็บสมุนไพรมังกรสามสีต้นนั้นขึ้นมา เมื่อใช้สมุนไพรมังกรสามสีต้นนี้เป็นยาหลัก แล้วใช้ยาเซียนระดับเจ้ายุทธจักรประเภทอื่น ๆ มาเป็นตัวเสริม เขาก็สามารถกลั่นโอสถลิขิตจิตออกมาได้หนึ่งเตาเลย ซึ่งเป็นยาที่สามารถทำให้ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของจ้าวมหาเทพช่วงปลายเลื่อนระดับได้
ทันทีที่เก็บสมุนไพรมังกรสามสีต้นนั้นขึ้นมา หลัวซิวก็มองเห็นสมุนไพรมังกรสามสีจำนวนมากอย่างรวดเร็ว นี่จึงทำให้ใบหน้าเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม แม้เขาจะได้รับความเจ็บปวดอยู่ที่นี่บ้าง และยิ่งสูญเสียของขลังระดับจักรพรรดิเทพไปหนึ่งชิ้น แต่การที่ได้รับสมุนไพรมังกรสามสีจำนวนมากนั้น เป็นเรื่องที่สามารถทำให้ผู้คนประหลาดใจได้อย่างแน่นอน ซึ่งคุ้มค่ามาก ๆ แล้ว!
ในโลกภายนอก มูลค่าของของขลังคุ้มกันระดับจักรพรรดิเทพหนึ่งชิ้น สูงกว่าสมุนไพรมังกรสามสีมาก ๆ อย่างแน่นอน แต่ทว่าสำหรับหลัวซิวแล้ว เขากลับรู้สึกว่าประโยชน์ของสมุนไพรมังกรสามสีมีมากกว่า ดังนั้นมูลค่าของสมุนไพรมังกรสามสีจึงอยู่สูงกว่าของขลังระดับจักรพรรดิเทพ พูดได้เลยว่านานาจิตตัง
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หลัวซิวก็เก็บเกี่ยวสมุนไพรมังกรสามสีมาได้ 20 กว่าต้น เขาประมาณการว่าหากนำทั้งหมดนี้กลั่นเป็นโอสถลิขิตจิตละก็ สามารถทำให้ร่างเนื้อเขายกระดับขึ้นไปถึงจ้าวมหาเทพขั้น 6 ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ได้แล้ว
เมื่อนึกเช่นนี้ได้ เขาจึงเตรียมพร้อมที่จะถอยออกไปจากเขาผีเก้า กลั่นสมุนไพรมังกรสามสีทั้งหมดให้กลายเป็นโอสถลิขิตจิตก่อน จากนั้นค่อยกลับมาเขาผีเก้าอีกครั้ง อาศัยผลกระทบจากยาเซียนและกำลังภายนอก เร่งการเลื่อนขั้นร่างยุทธ์ร่างเนื้อของตัวเอง
ในตำรับยาของโอสถลิขิตจิต นอกจากสมุนไพรมังกรสามสีที่หายากแล้ว วัตถุดิบยาเซียนที่เหลือตามหาไม่ยากเท่าไหร่นัก ซึ่งมีอยู่ในแหวนเก็บของของหลัวซิวบ้างแล้ว หลังจากกลับไปถึงตลาด เขาก็ทำการซื้อเพิ่มเป็นจำนวนมาก
เวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ขณะที่หลัวซิวปิดขังกลั่นยา ก็มีผู้คนใหม่ ๆ ปรากฏในตลาดบนดาราเมฆาทมิฬไม่น้อยเลย และคนบางส่วนที่คุ้นหูคุณตาไม่เคยปรากฏอีกเลยก็มี ในดาราจักรวาล ทุก ๆ วินาทีล้วนมีจอมยุทธ์ที่นับไม่ถ้วนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพราะแสวงหาโอกาสสมบัติ
ประสิทธิผลของโอสถลิขิตจิตเมื่อออกมาจากเตาไม่สูงแต่อย่างใด หนึ่งเตากลั่นยาเซียนได้สามเม็ดเท่านั้น หลัวซิวกลั่นออกมาได้ 20 กว่าเตาในรวดเดียว มียาเซียนกลั่นร่าง 60 กว่าเม็ดติดตัว ก่อนที่เขาจะบุกเข้าไปในดาราเมฆาทมิฬอีกครั้ง แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังเขาผีเก้า
ครั้งนี้เขาไม่ได้อาศัยของขลังมาคุ้มกันร่าง แต่เป็นการปล่อยให้รัศมีสีดำที่อยู่ในเขาผีเก้าโจมตีร่างกายเต็มที่ เขาโคจรกฎชีวิตอย่างไม่หยุดหย่อนพลางกินโอสถลิขิตจิต ภายใต้ผลกระทบจากพลังภายนอกและยา ทำให้ร่างยุทธ์ร่างเนื้อเขายกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากปัจจัยสภาพแวดล้อมในเขาผีเก้า ทำให้หลัวซิวไม่สามารถจัดวางสีมาเพลาที่นี่ แม้สถานการณ์เช่นนี้จะส่งผลกระทบต่ออัตราการฝึกตนเล็กน้อย ทว่าหลังจากผ่านไปครึ่งปี ร่างเนื้อของเขาก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นครั้งแรก บรรลุถึงจ้าวมหาเทพขั้น 5!