มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2406
เวลาล่วงเลยไปอีกครึ่งปีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ร่างเนื้อของหลัวซิวยังคงอยู่จ้าวมหาเทพขั้น 5 แต่โอสถลิขิตจิตที่อยู่ในมือเขากลับถูกใช้ไปครึ่งกว่า ๆ แล้ว
เขาประมาณการคร่าว ๆ ยาที่เหลือน่าจะเพียงพอที่จะสามารถประคับประคองให้ร่างยุทธ์ร่างเนื้อเขาบรรลุถึงจ้าวมหาเทพขั้น 6 ได้อยู่ แต่ช่วงระยะความต่างที่ห่างจากการบรรลุยังเหลืออีกระยะหนึ่ง อย่างต่ำสุดก็ต้องใช้เวลาอีกเกือบปีถึงจะบรรลุ
การชุบร่างเนื้อและยกระดับผลการฝึกตนเป็นหลักการเดียวกัน แดนยิ่งสูง การยกระดับก็ยิ่งยาก ทรัพยากรที่ต้องใช้ก็ยิ่งมาก อีกทั้งต้องการเวลาที่มากกว่าด้วย
วันนี้ จู่ ๆ หลัวซิวก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะมีเงาดำร่างหนึ่งปรากฏในสายตาเขาอย่างรวดเร็ว
มีคนอื่นเข้ามาในเขาผีเก้า!
เงาร่างของฝ่ายตรงข้ามกำลังประชิดใกล้เข้ามา ถึงแม้จะอยู่ในสถานที่อันตรายอย่างเขาผีเก้า แต่ความเร็วของคนดังกล่าวก็ยังคงรวดเร็วมาก ๆ อยู่ดี ภายในช่วงเวลาสองสามกระพริบตาเท่านั้น คนดังกล่าวก็ปรากฏในตำแหน่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากหลัวซิวแล้ว
สิ่งที่ทำให้หลัวซิวรู้สึกตะลึงเล็กน้อยคือฝ่ายตรงข้ามคือสตรีนางหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นสตรีที่งดงามมากจนเกิดคำบรรยายด้วย เขารู้ตัวเองดีอยู่ว่าสาวงามแห่งยุคที่ตนเคยพบเจอมานั้นมีไม่น้อยแล้ว ในจำนวนทั้งหมด ฮู๋ชิงชิง เสิ่นปิงหยูและฉียู่หรงคือที่สุด ทว่าสตรีที่ปรากฏตรงหน้านี้กลับไม่ด้อยกว่าสตรีทั้งสามนางอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นคือยังงามกว่าเล็กน้อยด้วย!
แน่นอนอยู่แล้วว่าสิ่งที่ทำให้หลัวซิวรู้สึกแปลกใจมากที่สุดไม่ใช่โฉมหน้าของฝ่ายตรงข้าม และไม่ใช่เรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามคือสตรีเช่นกัน แต่เป็นผลการฝึกตนของสตรีนางนั้น เพราะนางเป็นจักรพรรดิเทพช่วงปลาย!
อีกทั้งผลการฝึกตนของนางไม่ใช่จักรพรรดิเทพช่วงปลายธรรมดา ๆ เท่านั้น พลานุภาพของรัศมีสีดำที่อยู่ในเขาผีเก้าเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง ทว่านางกลับเคลื่อนไหวอยู่ในนี้ได้สบายปานเดินเล่น ผลการกลั่นร่างของคนดังกล่าวก็ต้องอยู่ในระดับจักรพรรดิเทพอย่างแน่นอน!
ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพกลั่นร่างคนหนึ่ง!
ร่างเนื้อของผู้แข็งแกร่งประเภทนี้สามารถเทียบทัดของขลังอาวุธสงครามจักรพรรดิเทพแล้ว คนคนเดียวก็สามารถต่อกรกับจักรพรรดิเทพที่อยู่ในแดนเดียวกันหลายคนพร้อมกันได้โดยที่ไม่รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย
สตรีนางนั้นอยู่ในกระโปรงยาวสีเขียว ผิวพรรณขาวผ่องดุจหยก ผิวหน้าละเอียดและอ่อนนุ่มมาก ๆ แต่เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถจินตนาการได้เลยว่าสตรีที่ดูอ่อนช้อยเปราะบางเช่นนี้ ในร่างกายกลับมีพลังที่น่าสยดสยองถึงขีดสุดแฝงซ่อนอยู่
ในขณะที่หลัวซิวกำลังเพ่งมองฝ่ายตรงข้ามอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่นั้น นางก็สังเกตเห็นหลัวซิวเช่นกัน อีกทั้งนางยังสังเกตเห็นอีกว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวอยู่แค่แดนมกุฎเทพเท่านั้น แต่ร่างเนื้อกลับอยู่ในแดนจ้าวมหาเทพแล้ว
ทั้งสองฝ่ายไม่มีการสื่อสารใด ๆ สตรีกระโปรงเขียวแค่มองเขารอบหนึ่ง จากนั้นก็ไม่สนใจเขาอีกเลย ในระหว่างที่เงาร่างกระพริบระยิบระยับ นางก็เข้าไปในส่วนที่ลึกกว่าของเขาผีเก้าแล้ว
ช่วงนี้ฝึกตนอยู่ในเขาผีเก้า หลัวซิวจึงพอจะเข้าใจพื้นฐานสภาพการณ์ของที่นี่แล้ว
วงแหวนชั้นนอกสุดของเขาผีเก้าคือรัศมีสีดำ นอกจากว่าเป็นผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพ หรืออาศัยของขลังคุ้มกันร่างระดับจักรพรรดิเทพ มิเช่นนั้นก็ต้านทานการโจมตีจากรัศมีประเภทนั้นไม่ได้อย่างแน่นอน
หากลึกเข้าไปอีกนิดหนึ่ง ก็จะเป็นเขตพื้นที่ที่มีรัศมีสีดำม่วงปรากฏแล้ว และเป็นสถานที่ที่หลัวซิวเจอสมุนไพรมังกรสามสีเช่นกัน สถานที่แห่งนั้นสามารถทำให้จักรพรรดิเทพทั่วไปยั้งเท้าได้แล้ว มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพช่วงกลาง ก็จำเป็นต้องมีร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่แข็งแกร่งมาก ๆ หรือมีของขลังป้องกันที่เก่งกาจมาก ๆ ถึงจะสามารถบุกรุกเข้าไปได้
ครั้นนั้นหลัวซิวอาศัยตำหนักวัฏสงสารฝ่าฟันเข้าไปเก็บสมุนไพรมังกรสามสี ก็ทำให้เขากระอักเลือดไม่น้อยเช่นกัน รัศมีสีดำม่วงทลายเกราะป้องกันของตำหนักวัฏสงสารไม่ได้ แต่พลังที่ซัดสาดมาก็สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้อยู่
วินาทีนี้ สตรีกระโปรงเขียวนั่นได้เข้าไปในเขตสีดำม่วงแล้ว หลัวซิวมองเห็นลาง ๆ ว่ามีรัศมีสีดำม่วงเฉือนลงบนร่างกายนาง นางแค่ปัดมืออย่างสบาย ๆ ก็ทลายรัศมีสีดำม่วงที่เฉือนมาจนแตกสลายแล้ว!
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ หนังตาของหลัวซิวก็กระตุกเบา ๆ อย่างควบคุมไม่ได้ พลางนึกในใจว่าสตรีนางนี้น่ากลัวจัง มีคลื่นผลการฝึกตนจักรพรรดิเทพช่วงปลายไม่ว่า ร่างเนื้อของนางก็ต้องอยู่สูงกว่าจักรพรรดิเทพช่วงกลางอย่างแน่นอน!