มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2410

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2410

มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2410

แต่หลัวซิวก็สามารถดูออกอยู่ว่าหอคอยเทวสีทองยืนหยัดได้ไม่นาน เนื่องจากสุดท้ายแล้วมันก็เป็นของขลังชิ้นหนึ่งขฌ เมื่อไม่มีการกระตุ้นด้วยผลการฝึกตนจากนายท่าน มันก็จะสูญเสียการประคับประคองไปอย่างรวดเร็ว พลานุภาพลดฮวบ

และในเสี้ยววินาทีนี้ ร่างกายของหลัวซิวก็เคลื่อนไหวแล้ว ต่อให้ไม่ลงมือช่วยสตรีนางนั้น แต่เพื่อไผ่เทวดวงครามต้นนั้น เขาก็ต้องฝ่าฟันเข้าไป

“ดูดจิต รวมร่าง!”

หลังจากเข้ามาในเขาผีเก้าแล้ว อสูรดูดจิตก็หลบซ่อนอยู่ในตำหนักวัฏสงสารมาโดยตลอด วินาทีนี้มันบินออกมาจากตำหนักวัฏสงสาร แล้วรวมร่างกับหลัวซิว

ภายในเวลาเสี้ยววินาที ร่างกายที่ใหญ่โตมโหฬารของอสูรดูดจิตก็หายไป มีรัศมีที่ไร้ขอบเขตแย้มบานออกมาจากตัวหลัวซิว พลังออร่าของเขายิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลการฝึกตนเพิ่มขึ้นด้วยระดับความเร็วที่รวดเร็วอย่างยิ่ง พุ่งขึ้นไปถึงแดนจ้าวมหาเทพขั้นสูงอย่างรวดเร็ว

สำหรับหลัวซิวแล้ว กำลังรบของแดนจ้าวมหาเทพขั้นสูงก็คือจักรพรรดิเทพขั้นสูง!

ใช้ตำหนักวัฏสงสารลอยขึ้นลอยลงเพื่อคอยคุ้มกันร่างหญ เขาพุ่งเข้าไปถึงเขตพื้นที่ของรัศมีสีม่วงภายในพริบตา รัศมีสีม่วงที่นับไม่ถ้วนฟาดฟันเข้ามา ตำหนักวัฏสงสารถูกพุ่งชนจนสั่นเทิ้มแล้วดังหึ่ง ๆ ราวกับระฆังใหญ่ที่ถูกตีอย่างต่อเนื่อง

พลังโจมตีและแรงสั่นย้อนกลับอันแข็งแกร่งทำให้ผิวหนังของหลัวซิวแตกร้าว ราวกับร่างแหลกได้ตลอดเวลา เขายกมือขึ้นมาขยำทีหนึ่ง ก่อนกระบี่ร่องฟ้าจะปรากฏในกำมือ

“ตราประทับปรปักษ์สวรรค์!”

เขาใช้กระบี่ร่องฟ้าปลดปล่อยพลังอมตะนี้ออกมา วิญญาณวีรบุรุษที่นับไม่ถ้วนปรากฏ แล้วลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบกาย ทำให้ร่างกายของเขาที่ใกล้จะแตกสลายแล้วมั่นคงแข็งแรงขึ้น

“หมัดจ้านเทียน!”

เขาฟาดฟันกระบี่ร่องฟ้าอีกครั้ง ใช้กระบี่แทนหมัด ทลายพวกรัศมีสีม่วงที่พุ่งสับเข้ามาจนแตกสลาย ก่อนจะพุ่งไปข้างกายสตรีที่เป็นลมหมดสติแล้วในทีเดียว

“เจ้าคือผู้ใด?!”

มีปณิธานหนึ่งถ่ายทอดออกมาจากหอคอยเทวสีทองที่รังสียิ่งอยู่ยิ่งหม่นหมองลง มีเงาลวงของสตรีเย็นชาคนหนึ่งปรากฏบนหอคอยเทว ซึ่งนางก็คือจิตภัณฑ์ของหอคอยเทวหลังนี้นี่เอง

นายท่านไม่ได้สติ จิตภัณฑ์ปกป้องนาย นาง ณ วินาทีนี้ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ

“ข้ามาช่วยนายท่านเจ้า หากไม่อยากให้นางตายก็หลีกไปซะ!”

หลัวซิวไม่อยากพูดจาไร้สาระกับจิตภัณฑ์นี่ เมื่ออยู่ในสภาวะที่ระเบิดพลังทั้งหมดออกมาจนถึงขีดสุดญห จะไม่สามารถประคองอภินิหารรวมร่างได้นาน ดังนั้นเขาจึงง้างมือไปจับร่างของสตรีที่นอนไม่ได้สตินั่นโดยตรง

เมื่อเห็นกิริยาท่าทางของหลัวซิว จิตภัณฑ์ของหอคอยเทวสีทองจึงลังเลใจเล็กน้อย วินาทีนี้นายท่านของมันกำลังอยู่ในสภาวะสลบไสล หากถูกผู้ประสงค์ร้ายควบคุมร่าง เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องหนักหนามากจนไม่อาจจินตนาการได้

แต่จิตภัณฑ์หอคอยเทวก็ทราบเช่นกันว่าผลการฝึกตนของนายท่านตนไม่สามารถประคองยืนหยัดได้นาน วิธีการเพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือให้คนดังกล่าวนำตัวนายท่านไป ออกไปจากสถานที่ที่อันตรายนี้

จิตภัณฑ์มีสติปัญญาที่แน่นอน ภายใต้เงื่อนไขข้อแรกของการปฏิบัติตามปณิธานนายท่าน พวกมันก็มีความสามารถในการพิจารณาและตัดสินใจของตัวเองเช่นกัน ดังนั้นมันแค่ลังเลใจเสี้ยววินาทีเท่านั้น และไม่ได้หยุดยั้งมือของหลัวซิวที่คว้าจับมา

วินาทีนี้หลัวซิวไม่มีเวลาไปพิจารณาเรื่องทะนุถนอมกุลสตรีด้วยซ้ำ เขาคว้าร่างสตรีที่สลบไสลนั่นขึ้นมาหนีบไว้ตรงรักแร้ ก่อนจะหันหลังแล้วพุ่งออกไปจากเขตรัศมีสีม่วง

แสงม่วงที่นับไม่ถ้วนตัดสับมา ทุกครั้งที่ตำหนักวัฏสงสารสั่นเทิ้ม ก็จะทำให้ร่างกายหลัวซิวสั่นคลอนหนึ่งครั้งและมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก อย่างไรเสียต่อให้มีอภินิหารรวมร่าง ก็สามารถทำให้กำลังรบของเขายกระดับถึงระดับจักรพรรดิเทพเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายเขาก็ยังคงอยู่ระดับจ้าวมหาเทพเช่นเคย

เมื่อหลัวซิวพุ่งออกมาจากเขตแสงม่วง ร่างกายเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยแตกที่ถี่ยิบ ประหนึ่งเครื่องกระเบื้องเคลือบที่เปราะบาง สัมผัสแค่นิดเดียวก็แตกสลายแล้ว

เขาไม่ได้หยุดอยู่ ณ ที่นี่แต่อย่างใด แต่เป็นการพุ่งออกไปจากเขตรัศมีสีม่วงดำในรวดเดียวบภ ก่อนจะหยุดลงตรงสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบและปลอดภัยตรงเขตชายขอบเขาผีเก้าในที่สุด

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท