มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2425
แน่นอนอยู่แล้วว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพียงการคาดเดาของของตัวหลัวซิวเอง แต่เขากลับรู้สึกว่าใช่ว่าข้อสันนิษฐานนี้จะไร้หลักการเสมอไป
ไม่ว่าอย่างไร มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็เป็นผู้ที่สามารถทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงวิกฤตการณ์บางอย่าง หากเขาเป็นหมากลูกหนึ่งที่เสี้ยวปณิธานสวรรค์บ่มเพาะจริง ๆ เช่นนั้นตัวเองที่ถูกชางเทียนหมิงคิดว่าอยู่บนวิถีมารผู้ต่อต้านสวรรค์ ฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางปล่อยตัวเองไปแน่นอน อีกทั้งตัวมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเองก็ต้องการสมบัติแห่งสังสารวัฏที่อยู่บนตัวเขามาตั้งแต่แรกแล้วด้วย
……
ทะลุผ่านไปมาอยู่ในห้วงดารา หลัวซิวมองเห็นดาราที่คุ้นเคยหนึ่งดวง ดาราอิมเอี๊ยง
สำนักหยินหยางที่อยู่บนดาราอิมเอี๊ยงมีบุพเพสันนิวาสบางอย่างต่อเขา ทว่าเมื่อปีนั้นประมุขอาวุโสของสำนักหยินหยางฉลองวันเกิด เขาจึงมอบยาเซียนที่ช่วยยืดชีวิตให้เขาหนึ่งเม็ด อันที่จริงบ่วงกรรมบุพเพสันนิวาสนี้ก็ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว
สำนักหยินหยางที่อยู่ในสรรพมหาโลกาเป็นสำนักเล็ก ๆ ที่อยู่ชนชั้นต่ำสุดที่ไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึง อดีตเนื่องจากฉินเฟยเสว่อยู่ในวังอัมพรกลียุค แม้สำนักหยินหยางจะมีการพัฒนาที่ไม่มาก แต่ตำแหน่งกลับมั่นคง การถ่ายทอดสืบสานยาวนาน
ปัจจุบันวังอัมพรกลียุคไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว สำนักหยินหยางจึงขาดผู้คุ้มครอง หลัวซิวไม่ไปดาราอิมเอี๊ยง ตัวสำนึกก็สัมผัสได้แล้วว่าสำนักหยินหยางไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว ส่วนสำนักเขาและกิจการจำนวนมากที่เป็นของสำนักหยินหยางในตอนแรกก็ถูกกองกำลังอื่น ๆ ในอาณาจักรดาราแห่งนี้แบ่งฮุบไป
และนี่ก็คือความจริงของโลกแห่งการฝึกยุทธ์ อ่อนแอเป็นเนื้อ แข็งแกร่งกินเนื้อ มีคนต่อสู้และตายอยู่บนเส้นทางการแสวงหาความฝันบนวิถียุทธ์ทุกวินาที และมีสำนักตระกูลทั้งเล็กและใหญ่ถูกล้มล้าง มีสำนักตระกูลใหม่ ๆ โผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ถึงแม้จะเป็นกองกำลังชั้นยอดที่มีการถ่ายทอดสืบสานยาวนาน ก็ไม่มีกองกำลังใดที่สามารถคงอยู่ได้ชั่วกัปชั่วกัลป์โดยไม่ร่วงโรย ท้ายที่สุดแล้วก็จะมีวันที่ดับสูญล่มสลาย
หลัวซิวไม่มีความคิดที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องของสำนักหยินหยาง ดังนั้นขณะที่เขาเดินทางผ่าน จึงมองดาราดวงนี้เพียงแวบเดียว ก่อนจะบินผ่านไปโดยไม่ได้หันหลังกลับ
หลังออกจากละแวกใกล้เคียงดาราอิมเอี๊ยงแล้ว หลัวซิวก็มาถึงดาวเทียนเชี่ยน
ดาวเทียนเชี่ยนก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เขาเคยสิ้นสุดบ่วงกรรมในอดีตเช่นกัน เนื่องจากบนดาวดวงนี้มีหนึ่งตระกูล ซึ่งเป็นตระกูลราชาเทพที่ตกต่ำในโลกมหาศักดิ์ ตระกูลหลี่
ในโลกมหาศักดิ์ ราชาเทพ มกุฎเทพ จักรพรรดิเทพและมหาจักรพรรดิยุทธ์ไม่ใช่แดนประเภทหนึ่ง แต่เป็นราชทินนามประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวแทนของศักยภาพอย่างหนึ่ง!
ตระกูลหลี่ที่อยู่ในโลกจักรภพ เป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร บรรพบุรุษที่ริเริ่มตระกูลดังกล่าวก็เป็นเพียงเทพมารระดับสี่เท่านั้น
แต่บรรพบุรุษท่านนั้นกลับไม่ใช่เทพมารระดับสี่ทั่วไป แต่เป็นราชาเทพระดับสี่!
ทว่าราชาเทพระดับสี่ในโลกจักรภพเล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงจริง ๆ แม้นจะเป็นราชาเทพที่อยู่แดนขั้น 4 ขั้นสูง ก็มีกำลังรบที่เทียบเท่าเทพมารระดับห้าขั้นปฐมภูมิเท่านั้น
เพราะฉะนั้นตระกูลยุทธ์ที่ราชาเทพระดับสี่คนหนึ่งริเริ่ม ก็เป็นตระกูลยุทธ์ที่ศิลปะวรรณคดีในตระกูลค่อนข้างเสื่อมโทรม
ตระกูลประเภทนี้นั้น แค่ประสบวิบากขวากหนามบางอย่างก็มีโอกาสล่มสลายแล้ว การที่ตระกูลหลี่สามารถเป็นอิสระแล้วย้ายมามหาโลกาพันสามได้นั้น เมื่อพูดจากความหมายบางอย่างก็ถือว่าโชคดีแล้ว
ครั้งก่อนหลัวซิวมาที่นี่ แล้วทิ้งร่างกลวัฏสงสารทั้งสองร่างเอาไว้ อีกทั้งสิ้นสุดบ่วงกรรมกับร่างกลวัฏสงสารทั้งสอง เพราะฉะนั้นเวลาล่วงเลยมานานเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าหลี่ยู่และเย่ห้าวหรานใช้ชีวิตได้เป็นอย่างไรบ้าง
เรื่องบ่วงกรรมไม่ใช่ว่าเมื่อตัดขาดแล้วจะสามารถตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดได้โดยสิ้นเชิง ถึงแม้ทั้งสองภพชาติอย่างหลี่ยู่และเย่ห้าวหรานจะเป็นการจัดแจงที่ไท่ซ่างฉิงวางไว้โดยเฉพาะ แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็มีความสัมพันธ์เยื่อใยแน่นแฟ้นที่ไม่อาจตัดขาดจากหลัวซิว
ยิ่งกว่านั้นคือสามารถพูดได้เลยว่าอันที่จริงหลี่ยู่และเย่ห้าวหรานตายไปตั้งนานแล้ว ไม่ถือว่าฟื้นคืนชีพโดยความหมายที่แท้จริง เนื่องจากมูลเหตุของเส้นทางแห่งวัฏสงสาร ทำให้พวกเขาคงอยู่โดยการพึ่งหลัวซิว
แค่ความคิดเดียว หลัวซิวก็สามารถทำให้พวกเขาหายไปจากโลกนี้ได้แล้ว และถ้าเกิดหลัวซิวดับสลายสูญสิ้นไป หลี่ยู่และเย่ห้าวหรานก็จะหายไปเช่นกัน
“ไปดูหน่อยเถอะ”
ในเมื่อมาถึงดาวเทียนเชี่ยนแล้ว หลัวซิวจึงวางแผนที่จะไปเยี่ยมเยือนหลี่ยู่และเย่ห้าวหรานสักหน่อย
ความรู้สึกเช่นนี้ก็เหมือนตัวเองในปัจจุบัน ไปเยี่ยมเยือนตัวเองในอดีต จึงรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย