มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2433
หลี่จิ่งเฟยยื่นมือออกไปรับม้วนหยกไว้ แล้วใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจภายใน เพราะว่าสิ่งที่พูดถึงในม้วนหยกชิ้นนี้ ล้วนเป็นยาเซียนระดับเก้ารวมไปถึงยาเซียนระดับมกุฎ ไม่มีระดับเจ้ายุทธจักรหรือยาเซียนที่ระดับสูงกว่าแต่อย่างใด
จากภูมิฐานของตระกูลหลี่ การที่จะเอายาเซียนเหล่านี้ออกมานั้นมันไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว
ดังนั้นหลี่จิ่งเฟยจึงไม่พูดพร่ำทำเพลง ตอบตกลงด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ออกคำสั่งให้คนไปเอายาเซียนมา
“พวกเจ้ามีแผนอะไรบ้าง? จะอาศัยอยู่บนดาวเทียนเชี่ยนต่อหรือกลับเผ่าจี้พร้อมข้า?”หลัวซิวมองไปทางหลี่ยู่และเย่ห้าวหรานพลางถาม
มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น หลี่ยู่และเย่ห้าวหรานจึงไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว หลังจากได้รับยาเซียนมา หลัวซิวก็พาพวกเขาออกไปจากดาวเทียนเชี่ยน
ในส่วนของเรื่องที่ว่ามู่จื่อเซียวมาตระกูลหลี่เพราะเหตุใดนั้น หลัวซิวกลับไม่มีอารมณ์ที่อยากจะทราบเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย และไม่ได้ไปสืบเสาะเช่นกัน
แท้จริงแล้วการมาตระกูลหลี่ในครั้งนี้ของมู่จื่อเซียว ก็เป็นเพราะช่วงนี้สถานภาพของมหาโลกาพันสามไม่ค่อยมั่นคง สถานการณ์ซับซ้อนเปลี่ยนแปลงไปมาจนไม่อาจคาดเดาได้ สับสนอลหม่าน ตระกูลมู่วางแผนที่จะรวมกองกำลังทั้งหลายในสรรพมหาโลกาให้เป็นอันหนึ่งเดียวกันแล้ว ทันทีที่เกิดความโกลาหลอะไรละก็ จะได้สามารถรับมือได้อย่างทันท่วงทีด้วย
เพราะฉะนั้นมู่จื่อเซียวจึงมาเพื่อเชิญชวนตระกูลหลี่ให้ร่วมพรรค แต่เนื่องจากมูลเหตุของหลัวซิว ทำให้เขาไม่ได้เอ่ยปากพูดตลอดมา เมื่อเห็นว่าหลัวซิวจากไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรตระกูลหลี่ มู่จื่อเซียวถึงจะเอ่ยปากบอกจุดประสงค์ของตนเองออกมา
……
หลังออกจากดาวเทียนเชี่ยนแล้ว หลัวซิวก็เริ่มกลั่นยาที่ใช้สำหรับฟื้นฟูตัวหยั่งรู้ที่ได้รับความเสียหาย ระดับของยาเซียนเหล่านี้ไม่สูง เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้กักตุนไว้ในแหวนเก็บของตั้งนานแล้ว เพื่อความสะดวกเขาถึงได้ขอกับตระกูลหลี่โดยตรง
ผ่านไปไม่นานนัก ยาก็ถูกกลั่นออกมา หลังจากหลี่ยู่และเย่ห้าวหรานกินยานั้นแล้ว ก็นั่งท่าขัดสมาธิทันทีเพื่อฟื้นฟูตัวหยั่งรู้ที่ได้รับความเสียหาย
และใช้เวลาอีกไม่นาน หลี่เฟยเฉินก็น่าจะสามารถฟื้นขึ้นมาจากอาการสลบไสลได้แล้ว
ระหว่างทางที่มุ่งหน้ากลับไปมหาโลกายอดอัมพร หลัวซิวเห็นว่าสำนักตระกูลบนดาวเคราะห์จำนวนมากล้วนทำสงครามกันอย่างไม่หยุดหย่อน เดิมทีสงครามและการเข่นฆ่าในโลกของจอมยุทธ์ก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ อยู่แล้ว แต่เขากลับมีความรู้สึกเหมือนกลียุคกำลังจะมาเยือน
ในจักรวาลกันดารที่มหาโลกาพันสามคงอยู่มีความลับซ่อนอยู่ไม่น้อย แม้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วทรัพยากรการฝึกตนจะย่ำแย่กว่าโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดไม่น้อย แต่ถ้าเกิดมีคนสามารถรวมมหาโลกาพันสามให้เป็นอันหนึ่งเดียวกันได้ เช่นนั้นทรัพยากรและสมบัติที่ยึดกุมก็จะเป็นภูมิฐานที่พอดูมาก ๆ เลยล่ะ
เขากลั่นยาได้เป็นจำนวนมาก เพื่อจัดสรรให้เป็นทรัพยากรการฝึกตนของเย่ห้าวหรานและหลี่ยู่ อีกทั้งถ่ายทอดวิถีไร้ลักษณ์ที่ตนริเริ่มให้แก่พวกเขาทั้งสอง
เนื่องจากวิถีไร้ลักษณ์ไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา หลัวซิวจึงไม่เคยมีความคิดที่จะถ่ายทอดมันให้แก่ผู้อื่น สาเหตุที่เขานำมันถ่ายทอดให้เย่ห้าวหรานและหลี่ยู่นั้น ก็เป็นเพราะมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับพวกเขา
หลังจากฝึกวิถีไร้ลักษณ์แล้ว ศักยภาพของหลี่ยู่และเย่ห้าวหรานจึงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ยังคงอยู่ในแดนราชาเทพขั้นสูงเหมือนเคย ทว่าหากระเบิดกำลังรบที่แท้จริงออกมา กลับเพียงพอที่จะสามารถเทียบทัดมกุฎเทพขั้นสูง
ความสามารถในการข้ามขั้นประลองเทียบเคียงกับร่างแท้ไม่ได้ ทว่าก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่นัก หากมองในมุมโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด ก็สามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพระดับสอง ตลอดจนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้แล้ว
หากสามารถประคองกำลังรบให้ข้ามขั้นได้หนึ่งแดนใหญ่ตลอดไป เช่นนั้นอนาคตหลังจากฝึกตนถึงแดนเทพมารระดับเก้าแล้ว ก็จะสามารถกลายเป็นจักรพรรดิเทพระดับเก้า มหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า!
แต่ทว่าได้ทำนองเดียวกัน หลังจากฝึกวิถีไร้ลักษณ์แล้ว การยกระดับผลการฝึกตนในอนาคตของเย่ห้าวหรานและหลี่ยู่ก็จะลำบากกว่าอดีตมาก
หลัวซิวไม่รีบ เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าอนาคตหลังจากไปถึงโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดแล้ว เขาจะต้องเผชิญหน้ากับการท้าทายที่ยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม เขาบ่มเพาะหลี่ยู่และเย่ห้าวหราน กับบ่มเพาะเผ่าจี้และตระกูลเทพสงครามก็เป็นหลักการเดียวกัน ล้วนเป็นการวางหมากเพื่ออนาคต