มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2436
เมื่อเห็นว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิลงมือ หัวหน้าเผ่าจี้และเหล่าผู้อาวุโสต่างรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ก่อนจะมีแสงสว่างอันโชติช่วงแย้มบานออกมาจากดวงตาเหล่ารูปปั้นบรรพบุรุษที่ตั้งอยู่หน้าตำหนักใหญ่เผ่าจี้ในแดนปริศนา ราวกับกำลังจะตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับใหล
รูปปั้นบรรพบุรุษเหล่านี้แข็งแกร่งไม่เหมือนกัน แต่ไม่มีรูปใดที่ถูกสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ต่างเป็นรูปปั้นที่คนรุ่นหลังหลอมสร้างขึ้นมา จากภัยพิบัติในอดีตที่เผ่าจี้ประสบ ทำให้รูปปั้นบรรพบุรุษทุกรูปแทบจะถูกทำลายล้างไปหมดแล้ว
เหล่ารูปปั้นบรรพบุรุษในปัจจุบัน ถึงแม้จะมีการปลุกเสกจากปณิธานของบรรพบุรุษแฝงซ่อนอยู่บ้าง แต่ล้วนเป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังลอกเลียนแบบ
ปัจจุบันมีรูปปั้นบรรพบุรุษสามรูปที่เป็นภูมิฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าจี้ สามารถระเบิดศักยภาพเทพมารระดับหกออกมาได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ หากปะทะกับผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั่วไป ก็เพียงพอที่จะสามารถสังหารได้!
แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิยึดกุมกฎความตาย ซึ่งไม่ใช่มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้ เพราะฉะนั้นหัวหน้าเผ่าจี้จึงไม่ค่อยมีความมั่นใจ
“นรกภูมิ ปากเจ้ายังคงโอหังยิ่งกว่าศักยภาพของเจ้าเหมือนเคยเลยนะ ดูท่าเจ้าคิดว่าการได้รับโอกาสบางอย่างในวังเทียนหมิงศักยภาพพุ่งพรวด แล้วจะสามารถจัดการข้าและเผ่าจี้ได้แล้วอย่างนั้นหรือ?”
จากการที่เสียงคำรามที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังก้องขึ้น อนัตตาก็ถูกฉีกกระชากออก อสูรดูดจิตคำรามแล้วพุ่งออกมา ตำหนักวัฏสงสารตั้งอยู่เหนือศีรษะ หลัวซิวพูดพลางเดินออกมาจากตำหนักวัฏสงสาร
“ฮ่าฮ่า เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าศักยภาพของข้าพุ่งพรวดแต่ยังกล้าปรากฏตัวอีก ครั้งนี้มหาจักรพรรดิยุทธ์อย่างข้าจักดูซิว่าเจ้ายังจะมีสามเศียรหกกร สามารถหนีไปจากเงื้อมมือข้าได้อีกหรือไม่!”
เสี้ยววินาทีที่เห็นหลัวซิวปรากฏตัว มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็ลงมือโจมตีอย่างอดใจรอไม่ไหว เขาอยากสังหารหลัวซิวแล้วแก่งแย่งเศษกงล้อวัฏจักรธรรมมาตั้งนานแล้ว อดีตเขาเกรงกลัวอุบายของฝ่ายตรงข้าม ปัจจุบันศักยภาพฟื้นฟูกลับคืนสู่ช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุด แล้วเขาจะเกรงกลัวผู้น้อยคนหนุ่มที่มีผลการฝึกตนแค่มกุฎเทพคนหนึ่งได้อย่างไร?
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็ง้างมือขยำไปทางหลัวซิว ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้พิมพ์ขนาดใหญ่ที่ผนึกรวมมาจากกฎความตาย แต่เป็นกระดูกมือสีดำที่ทั้งมืดทึบน่ากลัวและเย็นเยือกขยำไปทางหลัวซิว
ทันทีที่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิลงมือ ก็มีพลังออร่าที่เกะกะระรานล้นฟ้าแผ่กระจายออกมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มากล้น และภายใต้พลังอำนาจนี้ อนัตตารอบกายหลัวซิวก็ราวกับถูกแช่แข็งเช่นกัน ไม่ออมมือเลยแม้แต่น้อย
อสูรดูดจิตคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ถึงแม้มันจะอยู่ระดับจ้าวมหาเทพขั้นสูงแล้ว อาณาจักรที่เป็นของอสูรดูดจิตก็ต้านทานอำนาจบารมีของมหาจักรพรรดิยุทธ์ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ อาณาจักรถูกกดอัดจนเสียงดังแคว็ก ๆ ใกล้จะแตกสลายแล้ว
กระดูกมือสีดำครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ และใกล้จะขยำโดนร่างหลัวซิวแล้ว
อำนาจบารมีมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่มากมายมหาศาลก็ทำให้สีหน้าของหลัวซิวเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน จากผลการฝึกตนของเขา ณ ปัจจุบัน หากไม่อาศัยอุบายกำลังภายนอกใด ๆ แม้แต่จักรพรรดิเทพยังต้านทานยากเลย จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่ง มิน่าล่ะไอ้นรกภูมินี่ถึงกล้ามาหาเรื่องตัวเองอย่างอุกอาจ ไม่นึกเลยว่ากำลังรบจะฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาวะรุ่งโรจน์อย่างในอดีตแล้ว
นี่จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกสงสัยอย่างอดไม่ได้ว่าเขาได้รับอะไรในวังเทียนหมิงกันแน่ หรือจะเหมือนอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ แท้จริงแล้วมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิคือหมากลูกหนึ่งของชางเทียนหมิง?
หลัวซิวรู้อยู่ว่าเมื่ออาศัยศักยภาพของตนเอง ยังไม่ใช่ของต่อสู้ของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ แต่เขาก็หลบหนีเวลานี้ไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากเขาทราบอยู่ว่าภูมิฐานที่ยังคงเหลือของเผ่าจี้มีไม่มากแล้ว หากแตกหักกันแล้วมีศึกสงครามที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ใช่ว่าจะสามารถต้านทานมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิได้เสมอไป
โชคดีที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ผลการฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้นค่อนข้างช้า แต่กลับยึดกุมอุบายบางอย่างที่เก่งกาจ
“ดูดจิต!”
หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น ร่างกายที่ใหญ่โตของอสูรดูดจิตกลายเป็นจุดสว่างที่ล้นฟ้า แล้วหลอมรวมกันเข้ามาในร่างกายเขาภายในพริบตา และณ เสี้ยววินาทีนั้นผลการฝึกตนของเขาก็เพิ่มขึ้นตามจังหวะ