มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2438
มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าศักยภาพของหลัวซิวแข็งแกร่งกว่าอดีตมาก ๆ โดยเฉพาะพลังอมตะที่เขาปลดปล่อยออกมา ณ วินาทีนี้ ถึงขั้นมีออร่าลาง ๆ ที่ทำให้จักรวาลฟ้าดินยังระทึกหวาดกลัว
“โลงเทว!”
มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิยกมือโบกทีหนึ่ง โลงเทวทองสัมฤทธิ์ก็บินออกมาจากร่างกายเขา
เมื่อพบเห็นโลงเทวใบนี้อีกครั้ง หลัวซิวก็เข้าใจสักทีว่าเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าออร่าของโลงเทวใบนี้ถึงคล้ายคลึงกับออร่าโลงเทวฌาปนนภาสวรรค์มากเช่นนี้ เนื่องจากภายในโลงเทวทั้งสองใบนี้ ต่างมีพลังออร่าของชางเทียนหมิงแฝงซ่อนอยู่ หรืออร่าพลังแห่งมหากาพย์นั่นเอง!
โลงเทวทองสัมฤทธิ์และปราณกระบี่ปรปักษ์สวรรค์พุ่งชนเข้าด้วยกัน คลื่นพลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าม้วนซัดออกไป อำนาจและอิทธิฤทธิ์ทรงพลังมากมายมหาศาล
พลังแห่งมหากาพย์ซัดสาด มีอำนาจบารมีแผ่กระจายออกมาจากโลงเทวทองสัมฤทธิ์แล้วครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง ราวกับทั้งฟ้าดินล้วนกลายเป็นภูเขาขนาดใหญ่ กดอัดอยู่บนศีรษะเขา
ตู้ม!
ร่างกายของหลัวซิวกระเด็นออกไป อย่างไรเสียผลการฝึกตนของเขาก็แตกต่างจากมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิไม่น้อยเลย มาตรแม้นว่าใช้อภินิหารรวมร่างฝืนยกระดับผลการฝึกตนขึ้นไปถึงระดับจ้าวมหาเทพ แต่อย่างมากสุดกำลังรบของเขาก็เทียบเท่าจักรพรรดิเทพ ยังไม่สามารถต่อกรกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้
เขากระอักเลือดอยู่กลางอากาศที่ว่างเปล่า กระบี่ร่องฟ้าที่อยู่ในมือสั่นเทิ้มจนดังหึ่ง ๆ กระบี่เล่มนี้คืออาวุธเทพระดับเก้าชิ้นหนึ่ง ทว่าสิ่งที่น่าเสียดายคือเนื่องจากการดับสลายสูญสิ้นของเมิ่งเสี้ย ทำให้อาวุธเทพระดับเก้าเล่มนี้สูญเสียจิตภัณฑ์ไปแล้ว
หากมีจิตภัณฑ์คงอยู่ละก็ อานุภาพของอาวุธเทพเล่มนี้จะทรงพลังมากกว่านี้
หลัวซิวไม่มีความลังเลใจใด ๆ เขาโบกมือเรียกหุ่นเชิดยักษ์ออกมา พลังและเลือดของยักษ์อัสนีที่เป็นหัวใจสำคัญของหุ่นเชิดเตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก สามารถทำให้หุ่นเชิดตัวนี้ระเบิดกำลังรบที่เทียบเท่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ออกมาได้ตลอดเวลา
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ยังเอากระบี่เหล็กที่ตู๋กูเจี้ยนเฉินให้เขาออกมาด้วย ถึงแม้ปราณกระบี่ที่แฝงซ่อนอยู่ภายในกระบี่เหล็กเล่มนี้จะเหลือเพียงเล่มสุดท้ายแล้ว ทว่าอานุภาพก็เพียงพอที่จะเป็นภัยคุกคามต่อผู้แข็งแกร่งอย่างมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิอยู่
แม้นจะโจมตีหลัวซิวจนถดถอยกลับไป มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเป็นฝ่ายได้เปรียบโดยสมบูรณ์ แต่สีหน้าเขากลับดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเมื่อเห็นหลัวซิวเรียกหุ่นเชิดยักษ์ออกมาหนึ่งตัว เขาถึงขั้นสัมผัสภัยคุกคามประเภทหนึ่งได้จากหุ่นเชิดตัวนี้
บวกกับหลัวซิวเอากระบี่เหล็กเล่มนั้นออกมาอีกครั้ง เขาจำได้ชัดเจนดีมาก ๆ ว่ากระบี่เหล็กที่ดูธรรมดาเรียบง่ายเล่มนั้น แท้จริงแล้วภายในมีห้วงกระบี่ของผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเจ็ดเป็นต้นไปแฝงซ่อนอยู่ เมื่อปีนั้นหากไม่ใช่เพราะอาศัยโลงเทวทองสัมฤทธิ์และไฟเทวมาคุ้มกันชีวิต จากสภาวะของเขาที่เพิ่งฟื้นฟูกลับคืนสู่ระดับจ้าวมหาเทพเมื่อปีนั้น อาจจะถูกสังหารไปแล้ว
ทั้งสองคนประจันหน้ากันอยู่กลางนภาสูง บรรยากาศดูตึงเครียดขึ้นมาทันทีอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นเผ่าจี้หรือผู้คนที่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิพามา ล้วนรวบรวมสมาธิ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
นี่คือครั้งที่สองที่หลัวซิวและมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิประมือกัน ครั้นเมื่อสำรวจวังเทียนหมิง เขากลั่นหุ่นเชิดยักษ์ได้สามตัว แต่เนื่องจากชางเทียนหมิงทำให้สูญเสียไปสองตัว และเหลือเพียงตัวนี้ตัวสุดท้าย
ครั้งแรกที่ประมือกับมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ แม้หลัวซิวจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่อาศัยท่าไม้ตายที่ตนยึดกุม ไม่ว่าอย่างไรก็รับมือได้สุขุมและมีระดับอยู่ ทว่าครั้งนี้หลัวซิวกลับไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย ต่อให้ตนจะงัดท่าไม้ตายทั้งหมดออกมาแล้ว เขาก็รู้สึกว่าใช่ว่าตนจะสามารถทำอะไรมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิได้เสมอไป
ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาพยายามทุ่มสุดกำลังสามารถเพื่อยกระดับผลการฝึกตนของตัวเองแล้ว แต่ผลการฝึกตนก็ยังคงเป็นข้อเสียที่พันธนาการเขาอีกเช่นเคย หากเขาอยู่ในแดนจักรพรรดิเทพแล้ว มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิที่ยึดกุมกฎชั้นยอดกระจอก ๆ จะยังมีค่าอะไร?
ผู้ที่รู้สึกช็อกยิ่งกว่าก็ยังเป็นเหล่าผู้คนที่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิพามาด้วย ส่วนมากคนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งในสำนักจักรพรรดิมรณะและสำนักจักรพรรดิจ้านเทียน แม้นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้จะมีข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับหลัวซิวไม่น้อย แต่เมื่อเห็นภาพฉากที่หลัวซิวมีศักยภาพต่อกรกับมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิได้จริง ๆ ทุกคนก็ล้วนเบิกตากว้าง ยากที่จะปิดบังความช็อกและความตะลึง