มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2439
ต้องท้าวความก่อนว่านั่นคือมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเชียวนะ! ในหมู่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่เคยปรากฏในมหาโลกาพันสามที่ผ่านพ้นกาลเวลาอันยาวนานมาอย่างไม่รู้จบ มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่สามารถถูกจัดอันดับอยู่อันดับต้น ๆ ได้อย่างแน่นอน จากพลังของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ อย่าว่าแต่จัดการผู้น้อยแดนมกุฎเทพคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นจักรพรรดิเทพก็สามารถสังหารได้ภายในพริบตา
แต่ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิไม่เพียงไม่สามารถสังหารหลัวซิวทันทีที่ลงมือ ยิ่งกว่านั้นคือเมื่อลงมือโจมตีต่อเนื่องก็เป็นเพียงฝ่ายได้เปรียบเท่านั้น หรือว่าศักยภาพของหลัวซิวนี่แข็งแกร่งถึงขั้นเก่งกาจกว่าจักรพรรดิเทพทั่วไปแล้วหรือ?
หลัวซิวไม่ได้ลงมือโจมตีต่อแต่อย่างใด เนื่องจากเขาทราบอยู่ว่าตนต้องทำอะไรมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิไม่ได้แน่นอน
ส่วนมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็ไม่ได้ลงมือเช่นกัน เป็นเพราะเขาไม่แน่ใจว่าหลัวซิวยังมีอุบายอื่น ๆ อีกหรือไม่ อย่างไรเสียกว่าผลการฝึกตนของเขาจะฟื้นฟูกลับมาถึงแดนเทพมารระดับหกมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาไม่อยากสู้อย่างเอาเป็นเอาตายจริง ๆ ถ้าเกิดถูกหลัวซิวใช้อุบายบางอย่างทำให้บาดเจ็บสาหัส ไม่แน่ผลการฝึกตนของตนก็จะตกหล่นลงไปอีกครั้ง
โลงเทวทองสัมฤทธิ์ลอยอยู่กลางนภา ในมือมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิมีตะเกียงไฟเขียวประกฎหนึ่งดวง ดวงตาที่เขย่าขวัญผู้คนเขม็งมองหลัวซิว พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง: “หลัวซิว หากเป็นไปได้ มหาจักรพรรดิยุทธ์อย่างข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับเจ้า ขอแค่เจ้าส่งกงล้อวัฏจักรธรรมมาให้ข้า วันนี้ข้าจักไว้ชีวิตเจ้าหนหนึ่งเป็นอย่างไร?”
“ไว้ชีวิตข้าหนหนึ่ง”หลัวซิวหัวเราะเสียงดังลั่น “นรกภูมิเอ๊ยนรภูมิ เจ้าคิดว่าผลการฝึกตนของตัวเองฟื้นฟูกลับคืนสู่มหาจักรพรรดิยุทธ์แล้วจักเป็นผู้ไร้เทียมทานหรือ? เจ้าเพิ่งฟื้นฟูกลับคืนสู่แดนเทพมารขั้นปฐมภูมิระดับหก แดนยังไม่มั่นคงสินะ? แม้นข้าจักไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเสมอไป แต่เมื่อทุ่มสุดกำลังสามารถแล้ว การที่จะทำให้ผลการฝึกตนของเจ้าตกหล่นลงไปอีกครั้งนั้นก็ยังทำได้อยู่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวซิว มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิจึงขมวดคิ้วลง เขาเพิ่งฟื้นฟูกลับสู่แดนเทพมารขั้นปฐมภูมิระดับหกจริง ๆ ทว่าเมื่ออาศัยกฎความตาย ศักยภาพที่แท้จริงของเขาแข็งแกร่งกว่าเทพมารขั้นปฐมภูมิระดับหกทั่วไปหนึ่งระดับ สามารถทำตัวเอิกเกริกยิ่งใหญ่ในมหาโลกาพันสามอย่างไร้เทียมทาน!
แต่เขากลับรู้สึกว่าหลัวซิวนี่ลึกลับอย่างยิ่ง ยังมีเผ่าจี้ที่ความเป็นมาไม่ธรรมดา ก็ต้องมีภูมิฐานที่ไม่ธรรมดาอย่างนี้แน่นอน หากต่างแตกหักกันจริง ๆ ถึงแม้เขาจะสามารถสังหารหลัวซิวหรือกำราบเผ่าจี้ ทว่าตนก็ต้องสูญเสียอย่างสาหัสแน่นอน สถานภาพ ณ ปัจจุบันของมหาโลกาพันสามผันผวนไม่แน่นอน หากเขาบาดเจ็บสาหัสเวลานี้และผลการฝึกตนตกหล่นลงไปอีกครั้งละก็ นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาไม่อยากเห็นแน่นอน
เมื่อเห็นว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิไม่พูดอะไร หลัวซิวก็รู้แล้วว่าเขายังมีความเกรงกลัวอยู่ นี่จึงทำให้เขามั่นใจในแต้มต่อของตนมากขึ้น
“นรกภูมิ หากเจ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ข้าไม่มีอารมณ์มาเสียเวลาอยู่ที่นี่กับเจ้าหรอกนะ หากเจ้าอยากสู้ต่อละก็ เช่นนั้นก็รีบลงมือ ดูซิว่าข้าจักกลัวเจ้าหรือไม่”หลัวซิวพูดโดยที่ไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
หัวหน้าเผ่าจี้มองหลัวซิวอย่างแปลกใจรอบหนึ่ง แท้จริงแล้วเขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าหลัวซิวไปเอาความมั่นใจและความเชื่อมั่นนี้มาจากที่ใด
คังคงจี๋ในสำนักจักรพรรดิจ้านเทียนยิ่งเบิกตากว้าง ฟ้าดินผืนนี้ไม่มีการควบคุมถ่วงดุลโดยมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียน มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิจึงเป็นผู้ไร้เทียมทาน อีกทั้งถึงแม้มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนจะยังคงอยู่ เขาก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ
ทว่าวินาทีนี้ มหาจักรพรรดิยุทธ์ที่เป็นผู้ไร้เทียมทานแห่งยุคถึงขั้นหลีกเลี่ยงผู้น้อยคนหนุ่มคนหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม หลัวซิวและเผ่าจี้นี่มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่?
สีหน้าอารมณ์ของผู้อาวุโสทั้งห้าในเผ่าจี้ฮึกเหิมอย่างยิ่ง เมื่อครู่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทำให้เผ่าจี้เหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ แต่จากการที่หลัวซิวปรากฏตัว ปัญหาทุกอย่างจึงถูกแก้ไขอย่างราบรื่น นี่จึงทำให้พวกเขารู้สึกว่าการเลือกยืนอยู่บนแนวรบเดียวกันกับหลัวซิวตลอดมานั้น เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย