มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2440
ในฐานะที่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเป็นเฒ่าประหลาดที่คงอยู่มาหลายร้อยล้านปี พอจะพูดได้เลยว่าเขาระมัดระวังถึงขีดสุด หากผู้ที่กำลังเผชิญหน้าด้วยคือคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง เขาคงลงมือไปตั้งนานแล้ว แม้ความรอบคอบระมัดระวังเช่นนี้จะทำให้เขาพลาดโอกาสบางอย่างไป ทว่าเขาก็จะไม่ทำเรื่องที่ตนไม่มั่นใจง่าย ๆ เช่นกัน
ไม่เรียกร้องให้มีคุณงามความดี หวังแค่ว่าไม่เคยทำผิดมาก่อน ซึ่งนี่ก็คือสภาพจิตใจของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ และเป็นบรรทัดฐานที่ทำให้เขาคงอยู่มาได้นานเช่นนี้นี่เอง
มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิไม่ได้เลือกที่จะลงมือต่อ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนอยู่ในการคาดหมายของหลัวซิว ถัดจากนั้นสายตาของเขาก็หันไปทางคังคงจี๋ที่เป็นผู้นำของสำนักจักรพรรดิจ้านเทียน
“ผู้อาวุโสคัง ข้าและเผ่าจี้ก็รู้สึกเสียใจต่อการดับสลายสูญสิ้นของมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนเช่นกัน แต่ข้าสามารถรับประกันได้เลยว่าการตายของมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับข้าและเผ่าจี้อย่างแน่นอน จักเชื่อหรือไม่เชื่อนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้า!”
หลัวซิวพูดอย่างเรียบนิ่งคำหนึ่ง แท้จริงแล้วการสูญเสียมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียน สำนักจักรพรรดิจ้านเทียนก็ถือว่าเสื่อมลงแล้ว ถึงแม้หลัวซิวจะไม่อธิบายเรื่องนี้ แค่อาศัยสำนักจักรพรรดิจ้านเทียนในปัจจุบัน ก็ทำอะไรเขาและเผ่าจี้ไม่ได้
สีหน้าอารมณ์ของคังคงจี๋ดูอึดอัดเล็กน้อย เมื่อครู่เขายังประณามขอคำอธิบายจากเผ่าจี้อยู่เลย บัดนี้เมื่อเห็นว่าหลัวซิวและเผ่าจี้ทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิยังหวาดหวั่น เขาจึงทำได้เพียงอัดอั้นไว้ กลัวแค่ว่าจะพูดอะไรผิดพลาดแล้วรุกรานฝ่ายตรงข้าม
มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะพาผู้คนในสำนักจักรพรรดิมรณะจากไป ส่วนผู้คนในสำนักจักรพรรดิจ้านเทียนก็ไม่มีทางอยู่ที่นี่ให้อึดอัดใจต่อเช่นกัน ทำได้เพียงจากไปอย่างเหงาหงอยเศร้าซึม
เรื่องราวดำเนินการจนถึงขั้นนี้แล้วจบลงด้วยผลลัพธ์เช่นนี้ ทำให้ผู้คนในเผ่าจี้ต่างถอนหายใจโล่งอก เดิมทีนึกว่าวันนี้จะมีศึกสงครามที่เลวร้ายเกิดขึ้น ไม่มีผู้ใดนึกถึงเลยว่าจากการที่หลัวซิวปรากฏตัว ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกคลี่คลายง่ายดายเช่นนี้
หลัวซิวก็บินเข้าไปในแดนปริศนาเผ่าจี้เช่นกัน ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักใหญ่ของเผ่าจี้ ทันทีที่เดินเข้าไปในตำหนักใหญ่ เขาก็กระอักเลือด รัศมีที่อยู่ภายในร่างกายกระพริบระยิบระยับ ถอนอภินิหารรวมร่างออก อสูรดูดจิตก็เหมือนงูตายตัวหนึ่งแยกออกมาจากร่างกายเขา คลานอยู่ข้าง ๆ ลมปราณอ่อนแอ
สาเหตุที่เลือกตำหนักใหญ่เผ่าจี้นั้น เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญของเผ่าจี้ มีเพียงหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้
แม้นที่เขาประมือกับมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิอยู่ด้านนอกจะดูสบายมือมาก ๆ แต่แท้จริงแล้วเมื่ออยู่ในสภาวะอภินิหารรวมร่างไม่ว่าจะเป็นเขาหรืออสูรดูดจิต ต่างแบกรับกับแรงกดดันและพลังแว้งกัดที่มากมายมหาศาล
และเขาก็ฝืนอดกลั้นพลังแว้งกัดเช่นนี้มาโดยตลอด มิเช่นนั้นหากมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิยังไม่จากไปละก็ เกรงว่าความลับของเขาคงถูกเปิดเผยอยู่ด้านนอกแล้ว
เมื่อเห็นว่าหลัวซิวบินเข้าไปในตำหนักใหญ่โดยไม่ทักทายอะไร หัวหน้าเผ่าจี้และผู้อาวุโสทั้งห้าคนต่างก็พากันเร่งเดินมา ทันทีที่เข้ามาก็พบว่าร่างกายหลัวซิวเต็มไปด้วยเลือด แล้วก็อสูรดูดจิตที่ลมปราณอ่อนแอ
“หลัวซิว เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”สีหน้าของหัวหน้าเผ่าจี้เปลี่ยนไป รีบเดินไปข้างหน้า ยื่นมือออกไปประคองตัวหลัวซิวขึ้นมา พลางหยิบยาเซียนรักษาตัวออกมาหนึ่งเม็ด
จีเสวียนคงคือมหาปรมาจารย์ยาเซียน เผ่าจี้จึงไม่ขาดแคลนยาเซียนชั้นยอดอยู่แล้ว ประสิทธิผลของยาเซียนรักษาตัวระดับมหาจักรพรรดิเม็ดนี้ไม่ธรรมดา หลังจากหลัวซิวรับยามาแล้วกินมันเข้าไป ก็รู้สึกว่าร่างกายที่ถูกฉีกกระชากสบายขึ้นมาเยอะมาก ๆ
ในขณะเดียวกัน จีเสวียนคงก็หยิบยาออกมาให้อสูรดูดจิตกินเช่นกัน ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอภินิหารรวมร่างมากที่สุดก็คือมันแล้วล่ะ
เมื่อเห็นสภาพนี้ของหลัวซิว หัวหน้าเผ่าจี้และเหล่าพวกผู้อาวุโสก็ทราบแล้วว่าเหมือนหลัวซิวจะดูต่อกรกับมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิได้ แท้จริงแล้วมันกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
สำหรับเรื่องนี้ หลัวซิวก็ไม่มีอะไรน่าปิดบังเช่นกัน ก่อนจะอธิบาย: “มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิแข็งแกร่งมากจริง ๆ ข้าและอสูรดูดจิตสามารถใช้อภินิหารรวมร่างประเภทหนึ่ง ต่อให้ทุ่มสุดกำลังสามารถ ข้าก็ไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้มัน น่าเสียดายที่หุ่นเชิดยักษ์สามตัวที่ข้ากลั่นได้เมื่อครั้นนั้น สูญเสียในวังเทียนหมิงไปแล้วสองตัว มิเช่นนั้นละก็สถานการณ์ในวันนี้ก็คงไม่ถึงขั้นเป็นเช่นนี้แล้ว”