มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2455
“ทัณฑ์สายฟ้าล่ะ?”
จู่ ๆ หลัวซิวก็ค้นพบปัญหาที่เป็นกุญแจสำคัญ ทุกครั้งที่เขาบรรลุหนึ่งแดนเล็กก็จะมีทัณฑ์สายฟ้าพิโรธตลอด แต่ครั้งนี้เขาบรรลุจากมกุฎเทพขั้น 6 ถึงขั้น 9 ขั้นสูง ถึงขั้นไม่มีทัณฑ์สายฟ้าพิโรธย่างกรายมาถึงแม้แต่น้อย
เมื่อลองนึกคิดเล็กน้อย หลัวซิวก็เข้าใจแล้ว ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธของเขาถูกแดนเทวนิรันกาลต้านทานเอาไว้ ทันทีที่เขาออกไปจากแดนเทวนิรันกาล ก็ถึงเวลาที่ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธรอต้อนรับเขาแล้ว
อีกทั้งถึงครานั้นทัณฑ์สายฟ้าพิโรธของเขาจะเป็นพลังที่ทัณฑ์สายฟ้าสามครั้งรวมกัน!
“โอสถทะยานฟ้าที่สามารถทำให้มกุฎเทพขั้นสูงบรรลุสู่จ้าวมหาเทพไม่มีประสิทธิผลใด ๆ ต่อข้า มาตรแม้นว่าเป็นโอสถกงล้อเทวลิขิตที่สามารถทำให้จ้าวมหาเทพบรรลุสู่จักรพรรดิเทพก็มีประสิทธิผลไม่มากอย่างแน่นอน นอกเสียจากว่าข้าจะกลั่นโอสถเคล็ดเซียนตรีภพออกมาได้!”
โอสถเคล็ดเซียนตรีภพเป็นยาที่ทำให้จักรพรรดิเทพบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ มาตรแม้นว่าเป็นมหาปรมาจารย์ยาเซียนอย่างจีเสวียนคงที่เคยตระหนักรู้ในคัมภีร์โอสถ ก็ไม่สามารถกลั่นออกมาได้
ยังมีอีกคำถามหนึ่งที่เป็นกุญแจที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือโอสถเคล็ดเซียนตรีภพเป็นยาเซียนระดับหก หากอยู่ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดละก็ บางทีวัตถุดิบอาจจะรวบรวมไม่ยาก ทว่าหากจะรวบรวมยาเซียนให้ครบหนึ่งเตาในมหาโลกาพันสาม เช่นนั้นมันก็จะยากลำบากหน่อยแล้วล่ะ
“เทียนหย่ง ข้าจักไปแล้ว อนาคตข้าจะบุกเข้าไปในวัฏสงสาร แล้วคืนวิญญาณกลับมาให้เจ้า!”หลัวซิวมองสตรีงามแห่งยุคที่นอนอยู่ในโลงน้ำแข็งด้วยแววตาที่ลึกซึ้งรอบหนึ่ง พลางพูดอย่างผ่อนคลาย
หินบรรพไท่ชูถูกหลัวซิวเอาไป นี่เป็นคำมั่นสัญญาหนึ่งที่เขาติดค้างเทียนหย่ง และเมื่อพบชาติก่อน ไท่ซ่างฉิงก็ติดค้างเทียนหย่งเยอะเกินไปด้วย ทุกอย่างถูกลิขิตไว้แล้วว่าหลัวซิวต้องชดใช้ความผูกพันนี้
ตั้งแต่เริ่มต้น หลัวซิวก็ได้รับการยอมรับจากตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่ง เพราะฉะนั้นเขาที่อยู่ที่นี่จึงสามารถผ่านไปไหนมาไหนได้อย่างราบรื่น เขาเดินจากตำหนักไท่ซ่างมาถึงตำหนักเทียนหย่ง พบว่าลิ่งฮู๋จื่อเซวียนและชีชีไม่อยู่ที่นี่ และสมบัติจำนวนมากในตำหนักเทียนหย่งก็ถูกพวกเขาทั้งสองคนเอาไปหมดแล้ว
หลัวซิวขมวดคิ้วลงอย่างอดไม่ได้ หากลิ่งฮู๋จื่อเซวียนและชีชีจากไปแล้ว เช่นนั้นเมื่อไม่มีฮู้ทลายผนึก แล้วเขาจะออกจากแดนเทวนิรันกาลได้อย่างไร?
ถึงแม้ผลการฝึกตนของเขาจะบรรลุถึงมกุฎเทพขั้นสูง หลัวซิวก็ไม่คิดว่าตัวเองมีความสามารถในการฉีกกระชากอนัตตาของแดนเทวนิรันกาลแล้วฝ่าฟันออกไป
เขาเดินตามหาอยู่ในตำหนักเทียนหย่งรอบหนึ่ง สุดท้ายเขาก็เจอค่ายวาร์ปค่ายหนึ่งตรงมุมตำหนัก
จากการยึดกุมและความเข้าใจของเขาที่มีต่อวิถีค่ายกล แวบแรกที่เขาเห็นค่ายวาร์ปดังกล่าว ก็ยืนยันแล้วว่าค่ายวาร์ปนี้ถูกเปิดใช้งานเมื่อไม่นานมานี้ และผู้ที่มาถึงตำหนักเทียนหย่งไม่มีทางมีผู้อื่น แสดงว่าผู้ที่เปิดใช้ค่ายวาร์ปนี้ต้องเป็นลิ่งฮู๋จื่อเซวียนและชีชีแน่นอน
พวกเขาได้รับดอกผลในตำหนักเทียนหย่งเยอะมาก ๆ หากพบเจอค่ายวาร์ปค่ายหนึ่งกะทันหันละก็ พวกเขาต้องลองใช้งานดูแน่นอน หากเปลี่ยนเป็นตัวเอง หลัวซิวคิดว่าเขาก็น่าจะเปิดค่ายวาร์ปค่ายนี้เช่นกัน
หลัวซิวก็ไม่ทราบเช่นกันว่าจะถูกส่งไปที่ใด แต่ปัจจุบันไม่มีฮู้ทลายผนึก เขาจึงทำได้เพียงลองดูสักตั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปแล้วเปิดค่ายกลออก
ชัวะ!
จากการที่มีรังสีที่แวววาวจับตาดวงหนึ่งกระพริบระยิบระยับขึ้นมา เงาร่างของหลัวซิวก็หายไปภายในพริบตา จากนั้นวินาทีต่อไป เขาก็พบว่าตัวเองออกจากแดนเทวนิรันกาลแล้ว
กวาดตามมองดูบริเวณรอบ ๆ แผ่ขยายตัวสำนึกออกไป ก่อนที่แววตาของหลัวซิวจะชะงักงันลงไปอย่างควบคุมไม่ได้ เนื่องจากนึกไม่ถึงเลยว่าสถานที่ที่เขาอยู่จะเป็นดาราแห่งกาลเวลา!
เมื่อปีนั้นเขาก็ได้รับเศษศุภรหนึ่งชิ้นจากที่แห่งนี้นี่แหละ
“เวิ่งง!”
และในเวลานี้เอง รัศมีเทวที่สว่างไสวอย่างไร้ขอบเขตก็สาดส่องแผ่กระจายออกไป จิตสังหารที่มากมายมหาศาลผลุบ ๆ โผล่ ๆ กำลังมาแรงจนไม่อาจยั้งอยู่ หลัวซิวพบว่าตัวเองถูกพันธนาการอยู่ในวิชาห้ามค่ายกล
ดาราแห่งกาลเวลาไม่มีวิชาห้ามค่ายกลที่ทรงพลังเช่นนี้แต่อย่างใด จากระดับฝีมือด้านค่ายกลของหลัวซิว หากมีการเตรียมตัวล่วงหน้า ต้องสามารถค้นพบร่องรอยค่ายกลที่จัดวางอยู่ที่นี่ได้อย่างแน่นอน เป็นเพียงเพราะเขาพบว่าตัวเองถูกส่งมายังดาราแห่งกาลเวลา ภายในเวลาชั่วขณะสติจึงล่องลอยเล็กน้อย เพราะฉะนั้นจึงไม่ทันได้ระวัง