มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2461
“แล้วเจ้าคือผู้ใด? เหตุใดจึงต้องช่วยข้าด้วย?”ช่าจื่อเยียนถามคำถามที่รู้สึกสงสัยที่สุดในใจออกมา
“ข้ามีนามว่าฉียู่หรง เป็นนายท่านตระกูลฉีแห่งโลกะดาราอัมพรเทว”สตรีกระโปรงเขียวตอบกลับ
“นายท่านตระฉี?”
เมื่อช่าจื่อเยียนได้ยินคำตอบดังกล่าว ดวงตาทั้งสองข้างจึงเบิกกว้างกะทันหัน เห็นได้ชัดเจนเลยว่านางดูตะลึงอย่างมาก
ตระกูลฉีคือหนึ่งในสามสำนักหกตระกูลแห่งโลกะดาราอัมพรเทว อดีตครั้นเมื่อยังไม่ได้เดินทางไปมหาโลกายอดอัมพร นางก็ทราบเรื่องเหล่านี้แล้ว แต่แค่นึกไม่ถึงเลยว่านายท่านตระกูลฉีจะเป็นสตรีนางหนึ่ง
แต่ในเมื่อนางเป็นนายท่านตระกูลฉี เหตุใดจึงต้องช่วยข้าด้วยล่ะ?
ช่าจื่อเยียนไม่ได้พูดอะไร แค่เพ่งมองฉียู่หรง รอฝ่ายตรงข้ามอธิบาย
“ในส่วนของเรื่องที่ว่าเหตุใดข้าจึงต้องช่วยท่านนั้น คำถามนี้ง่ายมาก ๆ เพราะท่านเป็นท่านพี่ของท่านชายหลัว ท่านชายหลัวคือมิตรสหายของข้า และเป็นผู้ที่ข้าเคารพเลื่อมใสที่สุดในชั่วชีวิตนี้เช่นกัน”ฉียู่หรงตอบกลับเช่นนี้
เมื่อฉียู่หรงตอบกลับเช่นนี้ ช่าจื่อเยียนก็เข้าใจทุกอย่างภายในพริบตา ยิ่งกว่านั้นคือนางไม่ต้องถามว่าท่านชายหลัวนั่นคือผู้ใด ก็ทราบแล้วว่าคนดังกล่าวต้องเป็นหลัวซิวแน่นอน
นี่จึงทำให้ช่าจื่อเยียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างรู้สึกขมขื่นอีกครั้ง ถึงแม้ครั้งนี้หลัวซิวจะไม่ได้ลงมือก็ตาม ทว่าเพราะเขาตนก็ถูกช่วยชีวิตไว้อีกครั้งอยู่ดี
“พี่จื่อเยียน ข้าเคยได้ยินท่านชายหลัวพูดถึงท่าน ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ท่านเคยเห็นเขาบ้างหรือไม่?”ดวงตาที่งดงามคู่นั้นของฉียู่หรงเพ่งมองช่าจื่อเยียนด้วยความตั้งตารอคอยเล็กน้อย
ต่างเป็นสตรีเหมือนกัน ช่าจื่อเยียนแค่เห็นสีหน้าอารมณ์นี้ของฉียู่หรง ก็ทราบแล้วว่านายท่านตระกูลฉีนี่ก็ชอบหลัวซิวแน่นอน
นี่จึงทำให้ช่าจื่อเยียนรู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ หลัวซิวค่อย ๆ เดินออกมาจากโลกแสงดาวทีละก้าว ศักยภาพของเขายิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งยุทธ์ก็ยิ่งอยู่ยิ่งเรืองรอง ถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องมีอนาคตที่งดงามตระการตาแน่นอน
ท่ามกลางเรื่องราวเหล่านี้ สตรีที่โอบล้อมอยู่รอบกายเขาก็จะยิ่งอยู่ยิ่งมาก ยิ่งกว่านั้นคือสามารถพูดได้เลยว่าคนหนึ่งดีเลิศกว่าคนหนึ่ง
ไม่ต้องพูดถึงพวกเหยียนเยว่เอ๋อร์ เหยียนซีโรว่ จีเสี่ยวจื่อและหนิงหานยู่ แม้แต่ฉียู่หรงที่อยู่ในห้วงดาราระดับล่างตรงหน้านี้ ตนก็เทียบเคียงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
……
หลัวซิวไม่ทราบแต่อย่างใดว่าช่าจื่อเยียนมาถึงโลกะดาราอัมพรเทวแล้ว เขาถูกส่งจากแดนเทวนิรันกาลมายังดาราแห่งกาลเวลา แท้จริงแล้วก็อยู่ใกล้กับโลกะดาราอัมพรเทวมาก ๆ แล้ว
เขาเข้าไปในเขตห้ามกาลเวลาได้ง่ายดายมาก มาถึงสถานที่นั่งฌานละสังขารในอดีตของมหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลอีกครั้ง
ห้วงดาราที่มหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลวิวัฒนาการออกมายังคงอยู่เช่นเคย อดีตครั้นเมื่อเขามาถึงที่นี่ ก็จะสัมผัสได้เลยว่าถูกปณิธานวิถียุทธ์ที่มากมายมหาศาลกดอัด แต่ครั้งนี้เมื่อหลัวซิวย่างกรายมาถึงที่นี่ ก็ราวกับเดินอยู่ในสวนหลังบ้านตนเองยังไงอย่างนั้น ไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปาก
เมื่อปีนั้นหอคอยเทพมหาวาลและเศษศุภรถูกเขาและเสิ่นปิงหยูเอาไป ทว่ากลับไม่ได้เอาโลงเทวที่ฝังมหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลไป
เวลาส่วนมากดาราแห่งกาลเวลาล้วนจะอยู่ในสภาวะซ่อนเร้น หากไม่ใช่เพราะถูกส่งมาจากแดนเทวนิรันกาล แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็ยากที่จะตามหาตำแหน่งที่แม่นยำของดาราแห่งกาลเวลาได้จากโลกภายนอก
เพราะฉะนั้นถึงแม้ผู้คนในวังเซียนมหาวาลจะรู้ว่าอาจารย์ปู่มหาจักรพรรดิยุทธ์ของพวกเขาถูกฝังอยู่ที่นี่ ก็ทำได้เพียงรอให้ดาราแห่งกาลเวลาปรากฏสู่โลกภายนอกอีกครั้ง ถึงจะสามารถส่งคนมาอัญเชิญโลงเทวของอาจารย์ปู่กลับไปได้
“ใช้กฎความตายควบคู่กับวิชาหุ่นเชิด ก็จะสามารถกลั่นศพของมหาจักรพรรดิยุทธ์ให้กลายเป็นหุ่นเชิดสู้รบเทพมารระดับหก”
หลัวซิวใช้มือลูบคาง มีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาในหัวอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ทว่าถึงแม้เขาจะคิดเช่นนี้ กลับไม่ได้ลงมือทำจริง ๆ มีเสิ่นปิงหยูอยู่ในวังเซียนมหาวาล สามารถพูดได้เลยว่าระหว่างเขาและวังเซียนมหาวาลอยู่ในความสัมพันธ์แบบพันธมิตร จึงไม่ค่อยมีหน้าไปแตะต้องศพอาจารย์ปู่มหาจักรพรรดิยุทธ์ของคนเขาจริง ๆ