มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2462

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2462

มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2462

“ดูดจิต รวมร่าง!”

หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่นคำหนึ่ง อสูรดูดจิตกลายร่างเป็นชุดเกราะสีม่วงดำชุดหนึ่งปรากฏบนร่างกายเขา และมีแสงสลัวเป็นประกายระยิบระยับ

นี่คือรูปแบบที่สองของอภินิหารรวมร่าง ซึ่งเกิดจากอสูรดูดจิตเข้าใจและตระหนักรู้อิทธิฤทธิ์ชีวีในระดับที่ลึกซึ้งกว่า

กลายเป็นชุดเกราะสวมใส่อยู่บนร่างนายท่าน ชนเผ่าราชันย์อสูรกลืนจิตสามารถจัดเสนอการสนับสนุนด้านพลังผลการฝึกตนให้แก่นายท่าน อีกทั้งเมื่อถึงช่วงเวลาที่จำเป็น ก็สามารถช่วยนายท่านต้านทานพลังโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน

ภายใต้สภาวะอภินิหารรวมร่าง หลัวซิวที่บรรลุถึงแดนมกุฎเทพขั้นสูงในตอนแรกก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดอยู่ในแดนจ้าวมหาเทพขั้น 5 ในที่สุด

ขณะที่ผู้แข็งแกร่งแห่งยุทธ์ทุกคนนั่งฌานละสังขาร ล้วนจะวางกับดักต่าง ๆ ไว้เยอะมาก อย่างไรเสียหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีผู้ใดอยากให้คนรุ่นหลังมารบกวน บริเวณโดยรอบของโลงเทวนี้ของมหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลมีตัวต้องห้ามถูกจัดวางอยู่เป็นจำนวนมาก

ตัวต้องห้ามที่กล่าวถึงนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นค่ายกลเสมอไป และมีผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่นำอนัตตาตีตราบู๊ของตัวเองวิวัฒนาการให้เป็นพลังอมตะเช่นกัน

โครม!

หลัวซิวก้าวเดินไปข้างหน้า เสี้ยววินาทีที่ประชิดใกล้โลงเทว มือใหญ่ข้างหนึ่งก็ปรากฏการณ์อากาศที่ว่างเปล่า ฉีกกระชากท้องฟ้า รูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง

นี่คือพลังอมตะหนึ่งที่ทิ้งไว้ยาวนานมาก ๆ แล้ว มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จักรพรรดิเทพทั่วไปสามารถต้านทานได้

สีหน้าหลัวซิวเรียบนิ่ง ค่อย ๆ ยกมือขึ้นมา แสงเขียวผนึกรวมกันกลางฝ่ามือ จนปรากฏเป็นกระบี่ร่องฟ้า

กระบี่ร่องฟ้าถูกเขายกขึ้นมาวางอยู่ในท่าแนวนอน ห้วงกระบี่ที่มากมายมหาศาลก็ระเบิดพรั่งพรูออกไป เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน ไท่ซ่างฉิงได้รับสมญานามว่าเป็นอันดับหนึ่งในโลกหล้า ไม่ว่าจะเป็นความปราดเปรื่อง สติปัญญา พรสวรรค์หรือแดนล้วนเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง หลังจากผ่านพ้นยุควัฏสงสารมาแล้ว เขาก็เป็นคนแรกที่ย่างกรายเข้าสู่แดนผู้สูงส่งเช่นกัน

ในภพชาตินั้นของไท่ซ่างฉิง สิ่งที่เขาฝึกคือวิถีทั้งปวงในจักรวาลฟ้าดิน แทบจะเชี่ยวชาญช่ำชองในทุกวิถี ปลดปล่อยกฎต่าง ๆ และวิถียุทธ์ทั้งปวงออกมาได้อย่างสบายมือ

ด้วยเหตุนี้สำหรับหลัวซิวในปัจจุบันที่มีความทรงจำของไท่ซ่างฉิงแล้ว เมื่อวิถีกระบี่อยู่ในมือเขา ก็สามารถปลดปล่อยพลังอานุภาพที่ทรงพลังที่สุดออกมาได้เช่นกัน และเมื่อผ่านการวิวัฒนาการโดยวิถีไร้ลักษณ์ วิถีกระบี่ที่อยู่เหนือหมื่นจักรวาลก็คือวิถีกระบี่ไร้ลักษณ์!

ต่างเป็นวิถีกระบี่เหมือนกัน รากฐานของวิถีกระบี่หมื่นจักรวาลคือเทียนเต้า ส่วนรากฐานของวิถีกระบี่ไร้ลักษณ์คือไร้ลักษณ์!

ชัวะ!

แสงกระบี่ดั่งม้าสีขาว ทะลวงเก้าสวรรค์ มือใหญ่จึงแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ภายในพริบตา ส่วนเงาร่างของหลัวซิวกลับเหมือนแสงอัสนี เคลื่อนไหวเร็วมากจนมองเห็นเพียงเศษเงา และมาถึงตรงหน้าโลงเทว

ทันใดนั้นเอง โลงเทวก็หายวับไป หลัวซิวรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในอนัตตานิรนามแห่งหนึ่ง รัศมีเทวหมื่นฟุตแย้มบานออกมาจากเงาร่างที่แข็งแรงใหญ่โต พลานุภาพแห่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่ไร้ขอบเขตแผ่กระจายออกไปอย่างมโหฬารพันลึก หอคอยเทวที่เก่าแก่หลังหนึ่งจุติลงมาจากสวรรค์แล้วกดอัดลงมา

เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งเลยว่าทางหนีทีไล่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลทิ้งไว้นั้น ไม่ได้มีพลังอมตะเพียงพลังเดียวเท่านั้น

“จ้านเทียน!”

หลัวซิวตวาดเบา ๆ คำหนึ่ง จ้านเทียนที่กล่าวถึงนั้นไม่ใช่จ้านเทียนในมหาโลกาจ้านเทียน แต่เป็นพลังอมตะที่จะต่อกรกับสวรรค์จริง ๆ

หมัดจ้านเทียนถูกกระตุ้นและปลดปล่อยออกมาโดยกระบี่ร่องฟ้า แสงกระบี่ก้าวรุดไปข้างหน้าอย่างองอาจ แม้นต้องตายก็ไม่นึกเสียดาย พุ่งตรงไปพร้อมกับความกล้าและความเชื่อที่เด็ดขาด

โครม!

หอคอยเทวแตกสลายแล้ว เงาร่างใหญ่โตแข็งแรงที่สูงหมื่นฟุตก็หายไปเช่นกัน หลัวซิวก้าวเท้าออกไปอีกหนึ่งก้าว นำฝ่ามือแนบลงฝาโลงเทว

ตึก!

ณ เสี้ยววินาทีนั้น มีเสียงเต้นของหัวใจสะท้อนออกมาจากโลงเทว ราวกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่ฝังอยู่ในโลงเทวโลงนี้ยังไม่ตายจากไป

บางทีคนทั่วไปอาจจะรู้สึกขนหัวลุกซู่อย่างยิ่ง แต่หลัวซิวกลับส่ายหน้าแล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

“ตั้งแต่โบราณกาลมา ทุกสรรพสิ่งล้วนหนีความตายไม่พ้น ความลุ่มหลงนิรันดรก็คือมารในใจ……”

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท