มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2463
หัวใจของมหาจักรพรรดิยุทธ์ยังเต้นอยู่ มันไม่ได้หมายความว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลยังมีชีวิตอยู่ แต่เป็นเพียงเพราะเขาไม่ยอมนั่งฌานละสังขารตั้งแต่วินาทีนี้ ซึ่งเป็นความลุ่มหลงอย่างหนึ่ง
ผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วนตั้งแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบันล้วนอยากเป็นอมตะ แต่ถึงแม้ผลการฝึกตนจะบรรลุถึงแดนเทพมารระดับเก้า ตลอดจนจักรพรรดิเทพ มหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า ก็ไม่สามารถเป็นอมตะได้อีกเช่นเคย อายุไขหนึ่งยุคตรีภพเหมือนดั่งคำสาปมาร เหมือนดั่งเครื่องพันธนาการที่ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถก้าวข้ามผ่านไปได้
หลัวซิวไม่ทราบว่าในยุคไท่ชูและยุควัฏสงสารอันไกลโพ้นมีคนสามารถกลายเป็นอมตะได้หรือไม่ เขาทราบแค่ว่ายักษ์เทพมารที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาจากตรีภพสามารถคงอยู่ได้หนึ่งยุคตรีภพ ไม่ว่าจะเป็นยักษ์ที่แข็งแกร่งมากเพียงใดก็ตาม อายุไขหนึ่งยุคตรีภพก็ถือเป็นขีดจำกัดแล้ว
และมีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากเช่นกันที่ใช้เคล็ดวิชาต่าง ๆ ยืดอายุไขให้เวลาไหลไปข้างหน้าช้าลง เช่นการนอนหลับใหลของยักษ์อย่างคาดิสลาร์ รวมไปถึงตู๋กูเจี้ยนเฉที่ปิดผนึกตัวเอง ถึงแม้จะสามารถยืดอายุไขทำให้ตัวเองคงอยู่ได้นานมากยิ่ง แต่แท้จริงแล้วอายุไขของพวกเขาก็ยังคงมีไม่มากกว่าหนึ่งยุคตรีภพอยู่ดี
ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานแห่งยุคคนหนึ่งไม่ยอมตายจากไปเช่นนี้ บางครั้งความลุ่มหลงประเภทนี้ก็จะคงอยู่ต่อไป มาตรแม้นว่าตายไปแล้ว หัวใจก็ยังเต้นอยู่ ยิ่งกว่านั้นความลุ่มหลงของผู้แข็งแกร่งบางส่วนยังกลายเป็นมารในใจ ซึ่งแทบจะไม่ต่างอะไรจากภูติมาร
มหาจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่ง เทพมารระดับหก ความลุ่มหลงยังไม่สูงถึงขั้นกลายเป็นมารในใจ ซึ่งหลัวซิวไม่จำเป็นต้องกังวลในจุดนี้
โครมคราม……
โลงเทวถูกสัมผัส ทำให้มีพลังกฎระเบิดพรั่งพรูออกมาจากห้วงดาราที่อยู่บริเวณรอบ ๆ น้ำไฟ ลมอัสนี หยินหยางมโหฬารพันลึกอย่างไร้ขอบเขต แล้วแผ่คลุมมาทางหลัวซิว
หลัวซิวไม่เก็บมาใส่ใจ พลิกมือหยิบใจแห่งศุภรออกมา กฎทั้งปวงล้วนถูกหยุดนิ่ง เขาโบกมือเก็บโลงเทวที่มีมหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลฝังอยู่มา ก่อนจะรีบหันหลังจากไป
ขณะที่บินออกมาจากเขตห้ามกาลเวลา หลัวซิวก็ถอนอภินิหารรวมร่างออกแล้ว ชุดเกราะสีม่วงดำที่อยู่บนตัวกลายเป็นรัศมีเทวดวงหนึ่งบินทะยานขึ้น ก่อนจะกลายเป็นร่างดั้งเดิมของอสูรดูดจิตแล้วบินทะยานขึ้นฟ้า
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หลัวซิวก็มาถึงสถานที่ที่เสี่ยวเจียงหมิงเสียชีวิตในอดีต
เขาไม่มีวันลืมภาพเหตุการณ์ที่ตนมองดูเสี่ยวเจียงหมิงตายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่สามารถหยุดยั้งอะไรได้ แววตาสิ้นหวังก่อนตายของเสี่ยวเจียงหมิงได้ประทับลงไปในส่วนลึกของหัวใจหลัวซิว
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาฝึกตนอย่างสุดกำลังสามารถ หวังว่าจะสามารถยึดกุมกฎเวลาขั้น 10 เนื่องจากเมิ่งเชียนชางเคยบอกว่าเมื่ออาศัยกฎเวลาขั้น 10 และพลังวัฏสงสาร จะสามารถทำให้เวลาไหลย้อนกลับ สามารถฟื้นคืนชีพผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว
เขา ณ ขณะนั้นยังไม่ปลุกตื่นความทรงจำของไท่ซ่างฉิง จึงเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง
แต่หลังจากเขาปลุกตื่นความทรงจำแล้วถึงจะทราบว่าเมิ่งเชียนชางโกหกเขา ซึ่งเมิ่งเชียนชางโกหกเพื่อทำให้เขาสบายใจ เนื่องจากเมิ่งเชียนชางไม่เคยประสงค์ดีต่อเขามาก่อนเลย เขาอยากควบคุมตัวเอง แล้วช่วยเขาหลอมสร้างกงล้อวัฏจักรธรรมกลับคืนมาใหม่ กลายเป็นจ้าววัฏสงสารที่ยึดกุมกฎระเบียบทั้งปวงในจักรวาลฟ้าดิน!
แต่ทว่ามีจุดหนึ่งที่เมิ่งเชียนชางพูดถูก หากสามารถทำให้กาลเวลาไหลย้อนกลับ จะสามารถไหลทวนร่องรอยกระแสน้ำแห่งกาลเวลากลับไปถึงอดีตได้จริง ๆ แล้วฟื้นคืนชีพผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วกลับคืนมาจากสายน้ำแห่งกาลเวลา
แต่วิธีการเช่นนี้เป็นการขัดต่อกฎระเบียบของจักรวาลฟ้าดิน เป็นพฤติกรรมที่ปรปักษ์สวรรค์ จึงต้องจ่ายด้วยราคาที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
หากฟื้นคืนชีพจอมยุทธ์ที่แดนยังไม่ถึงเทพมารค่อยยังดีหน่อย หากผลการฝึกตนของผู้ที่จะฟื้นคืนชีพยิ่งสูงเท่าไหร่ หรือบนตัวคนดังกล่าวมีสมบัติพิเศษ หรือมีฐานร่างที่พิเศษ เช่นนั้นระดับความยากในการฟื้นคืนชีพก็จะเพิ่มมากขึ้น
การย้อนเวลา เป็นสิ่งต้องห้าม!
การที่จะทำสิ่งนี้ได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยพลังของเกณฑ์เวลา เนื่องจากมีเพียงยกระดับจากกฎกลายเป็นเกณฑ์ ถึงจะมีความสามารถในการทำให้กาลเวลาไหลย้อนกลับ