มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2476 ศัตรูตัวฉกาจของชาตินี้

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2476 ศัตรูตัวฉกาจของชาตินี้

มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2476 ศัตรูตัวฉกาจของชาตินี้

ตำหนักวัฏสงสาร เป็นของวิเศษที่เกิดขึ้นจากชิ้นส่วนที่แตกสลายของกงล้อวัฏสงสาร

ในฐานะที่เมิ่งเชียนชางเป็นผู้สืบทอดจ้าววัฏจักรรุ่นที่เก้า เขาเคยครอบครองกงล้อวัฏจักรด้วยตนเองมาแล้ว ถึงขั้นเคยใช้สิ่งล้ำค่าชิ้นนี้ ประชันกับไท่ซ่างฉิงซึ่งอยู่ในแดนผู้สูงส่ง ในขณะที่เขายังอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า

บนโลกนี้ ไม่มีใครรู้จักวัฏจักรดีกว่าเมิ่งเชียนชางอีกแล้ว และยิ่งเข้าใจความลับของสมบัติแห่งสังสารวัฏดียิ่งกว่า

ด้วยเหตุนี้ ในสายตาของเมิ่งเชียนชาง หลัวซิวมีความสามารถแค่ขี้ประติ๋ว คิดที่จะใช้สมบัติอย่างตำหนักวัฏสงสาร มาจัดการกับผู้สืบทอดจ้าววัฏสงสารรุ่นที่เก้าอย่างเขาหรือ ?

เมิ่งเชียนชางแสดงสีหน้ายิ้มเยาะออกมา เขายกมือขึ้นแล้วคว้าไปที่ตำหนักวัฏสงสาร อาศัยการควบคุมเส้นทางแห่งวัฏสงสารของเขา เขาก็สามารถควบคุมตำหนักวัฏสงสารได้อย่างง่ายดาย

“ไท่ซ่างฉิง ชาตินี้เจ้าอ่อนแอเกินไป ดังนั้นเจ้าจะต้องตายด้วยน้ำมือของข้าอย่างแน่นอน !”

ในขณะที่มือใหญ่ของเมิ่งเชียนชางคว้าไปที่ตำหนักวัฏสงสาร การฝึกตนอันแข็งแกร่งก็แทรงซึมเข้าไปในสมบัติแห่งวัฏสงสารชิ้นนี้ ตราประทับที่หลัวซิวประทับไว้ด้านในแต่เดิม ก็สลายไปทันทีเมื่อถูกผลการฝึกตนที่แข็งแกร่งโจมตี !

ทว่า ในตอนนั้นเอง เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน มีแสงกระบี่เส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากตำหนักวัฏสงสาร กระบี่นี้ราวกับสายฟ้า แสงกระบี่ทรงพลานุภาพ มีพลังอันน่ากลัวที่เหนือจินตนาการ

“ตู๋กูเจี้ยนเฉิน !”

สีหน้าของเมิ่งเชียนชางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในขณะที่แสงกระบี่เส้นนี้ปรากฏขึ้นมา เขาก็รู้แล้วว่าผู้ที่แอบโจมตีตนเองคือใคร

เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า การลงมือของไท่ซ่างฉิงก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นการหลอกล่อให้ตนเองติดกับ ตู๋กูเจี้ยนเฉินที่ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักวัฏสงสารต่างหาก ที่เป็นท่าไม้ตายที่เขาแอบซ่อนไว้สำหรับโจมตีตนเองของจริง !

“ฉึบ !”

แสงกระบี่สว่างไสวพุ่งตรงเข้ามา เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็น ดูเหมือนดาบนี้จะแทงเข้าไปที่ห้วงจักรของเมิ่งเชียนชาง เลือดสีแดงสดค่อย ๆ หลั่งรินออกมาจากห้วงจักรของเขา ทำให้สีหน้าของเขาทั้งดูดุร้ายและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

ทว่า ดาบนี้ของตู๋กูเจี้ยนเฉิน ยังไม่อาจสังหารเมิ่งเชียนชางได้ แสงกระบี่แทงเข้าไปเพียงครึ่งเดียว ก็ไม่อาจแทงทะลุเข้าไปต่อได้อีก

“ข้าลงมือซุ่มโจมตี ใช้พลังทั้งหมดที่มีในกระบี่เดียว กลับยังไม่อาจสังหารเจ้าได้อีกหรือ ?”

ในแสงกระบี่ปรากฏร่างของตู๋กูเจี้ยนเฉิน เมื่อเห็นว่าเมิ่งเชียนชางยังไม่ตาย ร่างกายของเขาก็รีบถอยร่นไปทันที

เมิ่งเชียนชางส่งเสียงฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ โคจรพลังแห่งวัฏสงสาร บาดแผลที่เปิดออกตรงห้วงจักรก็ เริ่มสมานเข้ามา เขาเดินตรงไปด้านหน้า ยกมือขึ้นโบก ตำหนักวัฏสงสารส่งเสียงดังเหง่งหง่าง แล้วตกลงในฝ่ามือของเขา

“ตู๋กูเจี้ยนเฉิน ตอนนั้นเจ้าพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของข้า หากไม่ใช่เพราะไท่ซ่างฉิงยื่นมือเข้ามายุ่ง เจ้าคงตายด้วยน้ำมือของข้าไปนานแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังกล้าลงมือกับข้าอีก ครั้งนี้ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่า ยังจะมีใครช่วยเจ้าได้อีก !”

ขณะที่พูดอยู่นั้น เมิ่งเชียนชางก็ยกมือขึ้นรวบรวมตราประทับ วัฏสงสารปรากฏขึ้น วัฏสงสารหมุนวนอย่างรวดเร็ว ทำให้อนัตตาที่อยู่รอบข้างไม่อาจต้านทานได้ในทันที และ พังทลายลงอย่างต่อเนื่อง

“ตอนนั้นกงล้อวัฏจักรธรรมแตกออกเป็นชิ้นส่วนห้าชิ้น หลายปีมานี้ข้าหาเจอแล้วสองชิ้น เมื่อได้ตำหนักวัฏสงสารมา ก็นับว่าเป็นชิ้นที่สาม ประกอบกับลูกแก้วความเป็นความตาย ที่เกิดจากการรวมตัวของวิญญาณเดิมของไท่ซ่างเฉิง นับว่าเป็นชิ้นที่สี่ ขาดเพียงแค่ชิ้นสุดท้ายเท่านั้น ข้าก็จะสามารถสร้างกงล้อวัฏจักรธรรมขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้ง ใช้ฐานะของจ้าววัฏสงสารรุ่นที่เก้าควบคุมเทียนเต้า ปกครองสวรรค์ !”

ตราวัฏสงสารของเมิ่งเชียนชาง เก็บซ่อนความลับที่ไม่สิ้นสุดของเส้นทางแห่งวัฏสงสารเอาไว้ ตู๋กูเจี้ยนเฉินและหลัวซิวรู้สึกว่าไม่อาจควบคุมร่างกายได้ และกำลังติดอยู่กับวัฏจักรโดยไม่อาจเคลื่อนไหวได้

“ไท่ซ่างฉงเอ๋ย ไท่ซ่างฉิง ถ้าความแข็งแกร่งของเจ้าเทียบข้าได้ ข้าคงไม่อาจเอาชนะเจ้าได้ แต่เจ้าใจร้อนเกินไป อยู่แค่แดนเทพมารระดับเจ็ดเล็ก ๆ ก็ทนไม่ไหวที่จะมาหาข้าเสียแล้ว นับว่าเป็นการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง !”

“เปรี้ยง !”

พลังอันยิ่งใหญ่พุ่งขึ้นและทำลายอนัตตา พลังอันยิ่งใหญ่นี้ ไม่มีออร่าของพลังเต๋าเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นพลังชั่วร้ายอย่างบริสุทธิ์ !

บนตัวของหลัวซิวมีรัศมีเทวที่สว่างไสวแผ่ซ่านออกมาอย่างไม่สิ้นสุด เขาฝึกตนร่างเนื้อร่างเทวจนเทียบเท่ากับอาวุธเทพระดับเก้าแล้ว ตอนนี้พลังที่ไร้ขอบเขตและทรงพลานุภาพปะทุออกมาล

“ร่างเนื้อที่แข็งแกร่งยิ่งนัก !”

ม่านตาของเมิ่งเชียนชางหดลง แม้ว่าการฝึกตนเส้นทางแห่งวัฏสงสารของเขา จะมีวิชากลั่นร่างที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อถามตนเองถึงแดนราชาเทพระดับเก้าในตอนนี้ กลับยังไม่แข็งแกร่งเท่ากับร่างเนื้อของหลัวซิว

อีกทั้งผลการฝึกตนของหลัวซิว อยู่เพียงแค่เทพมารระดับเจ็ด หากเขาสามารถบรรลุถึงเทพมารระดับแปด ไม่เท่ากับว่าร่างเนื้อร่างเทวของเขา จะเหนือกว่าราชาเทพระดับเก้าของตนอย่างนั้นหรือ ?

“ดูเหมือนว่าในชาตินี้ เจ้าจะพบกับประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา ! นี่ยิ่งทำให้ข้าแทบทนรอไม่ไหว ที่จะกำจัดเจ้าเสีย !”

เมิ่งเชียนชางมีเจตนาฆ่าที่รุนแรง เขาใช้ตราวัฏสงสารโจมตีออกไป บังคับให้ตู๋กูเจี้ยนเฉินต้องถอยร่น จากนั้นก็หายตัว แล้วมาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าหลัวซิว และฟาดฝ่ามือใส่เขา

แน่นอนว่าหลัวซิวไม่มีทางยืนรอความตายอยู่เฉย ๆ กำลังรบทั้งหมดของเขาปะทุออกมาในตอนนี้ และใช้พลังอมตะตราสรรพสิทธิ์ในการรับมือ

พลังที่ยากจะจินตนาการถูส่งมา หลัวซิวกระอักเลือดในทันที และกระเด็นลอยไปอย่างช่วยไม่ได้ เสียงอนัตตาถูกกระแทกจนพังทลายดังขึ้น ร่างกายเป็นแผลฉีกขาดไปทั้งตัว เลือดไหลนอง

“แตกต่างกันเกินไป”

หลัวซิวสูดหายใจเข้าเต็มปอด สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย ความแตกต่างระหว่างราชาเทพระกับเก้าและเทพมารขั้นสูงระดับเจ็ดนั้นต่างกันเกินไป ถึงขั้นเรียกได้ว่า ทั้งสองนั้นแตกต่างกันเหมือนมดกับช้าง

“ไท่ซ่างฉิง เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจจริง ๆ ดูเหมือนชาตินี้เจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าชาติที่แล้ว อยู่แค่แดนเทพมารระดับเจ็ดเล็ก ๆ แต่กลับมีกำลังรบที่เทียบเท่ากับเทพมารระดับเก้าแล้ว สามารถตั้งรับข้าได้หนึ่งกระบวนท่าโดยไม่ตาย ดูเหมือนว่าวันนี้หากไม่สังหารเจ้าเสีย ในวันหน้า เจ้าต้องเป็นเสี้ยนหนามในการก้าวขึ้นสู่ขั้นสูงของข้าอย่างแน่นอน”

เมิ่งเซียนชางไม่อาจปิดบังสายตาประหลาดใจได้ ถึงแม้ไท่ซ่างฉิงในชาตินี้ จะอยู่เพียงแค่แดนเทพมารระดับเจ็ด ก็สามารถทำให้เขาสนใจได้แล้ว กลับเป็นตู๋กูเจี้ยนเฉินที่มีกำลังรบถึงราชาเทพระดับเก้า แต่เขากลับไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาตั้งแต่ต้นจนจบ

ไม่ว่าชาติที่แล้วหรือชาตินี้ สำหรับเมิ่งเชียนชางแล้ว ในโลกนี้มีเพียงแค่ไท่ซ่างฉิงเพียงคนเดียว ที่มีคุณสมบัติพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

“เจี้ยนเฉิน ไป !”

หลัวซิวรู้ว่าเรื่องไม่เป็นไปตามคาด แต่ครั้งนี้ถึงแม้จะสังหารเมิ่งเชียนชางไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ขาได้เข้าใจถึงฝีมือของเมิ่งเชียนชาง

“ไท่ซ่างฉิง เจ้าหนีไม่รอดหรอก”

หลังจากเสียงที่ดังก้องของเมิ่งเชียนชาง หลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่รุนแรง เขาเห็นของวิเศษตำหนักวัฏสงสารของเมิ่งเชียนชางชิ้นนี้ ถูกเสกให้ทำงานขึ้นมา การขับเคลื่อนของเมิ่งเชียนชาง ทำให้สมบัติชิ้นนี้มีพลังที่แข็งแกร่งกว่าตอนที่หลัวซิวเป็นผู้ขับเคลื่อนหลายเท่าตัวนัก

เมิ่งเชียนชางคือจ้าววัฏสงสารรุ่นที่เก้า และมีเพียงเส้นทางแห่งวัฏสงสารของเขาเท่านั้น ที่สามารถทำให้สมบัติแห่งวัฏสงสารสำแดงพลังอันน่าเกรงขามออกมาได้อย่างล้มหลาม

ตำหนักวัฏสงสารกดทับเข้ามาดุดัน แววตาของหลัวซิวดูสิ้นหวัง ตำหนักวัฏสงสารกดทับลงไปที่อนัตตา บดขยี้จนกลายเป็นผุยผง ห้วงเวลาที่อยู่โดยรอบหยุดนิ่ง ทำให้หลัวซิวหมดหนทางที่จะหลบหนีจากการโจมตีครั้งนี้ได้

“ทะยานเซียน !”

หลัวซิวยกมือกวัดแกว่งกระบี่ร่องฟ้า ฟาดฟันกระบี่ทะยานเซียนอันน่าทึ่งออกมา

ทว่า เมื่อเมิ่งเชียนชางเห็นภาพนี้ กลับแสยะยิ้มออกมา “ทะยานเซียนของจี้หวูชวงน่าทึ่งจริง ๆ แต่ความแข็งแกร่งของเจ้ากับข้านั้นต่างกันเกินไป อีกทั้งกระบี่ร่องฟ้ายังเป็นศัสตราวุธชีวีของน้องสาวข้า เมื่อเป็นเช่นนี้ ไท่ซ่างฉิง เจ้าไม่มีทางตั้งรับการโจมตีนี้ของข้าได้หรอก”

ขณะที่พูดอยู่นั้น เมิ่งเชียนชางก็ยกมือขึ้นคว้ากระบี่ร่องฟ้า แล้วส่ายหน้าพลางพูดขึ้นว่า : “ตอนนั้นน้องสาวของข้าไม่รู้ความ กล้าหักหลังข้าเพื่ออยู่ร่วมกับเจ้า วันนี้กระบี่เทวชีวีของนางเล่มนี้ ข้าจะเป็นคนเอากลับมาด้วยตัวของข้าเอง !”

“เมิ่งเชียนชาง เจ้ายังชอบคิดเองเออเองเหมือนในตอนนั้นไม่มีผิด”

หลัวซิวส่งเสียงฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ จู่ ๆ ห้วงจักรของเขาก็เปิดออก จากนั้นศิลาเทวชิงเทียนก็ลอยออกมา พลังเต๋าเวียนว่ายตายเกิดหมุนวน สกัดตำหนักวัฏสงสารที่กดทับลงมา

หากจัดลำดับ ตำหนักวัฏสงสารก็เป็นเพียงแค่สมบัติที่สร้างขึ้นมาจากชิ้นส่วนที่แตกละเอียดเท่านั้น แต่ศิลาเทวชิงเทียน กลับสามารถเทียบได้กับสิ่งล้ำค่าอย่างกงล้อวัฏสงสารได้เลยทีเดียว !

พลังเต๋าของพลังชิงเทียนสกัดกั้นตำหนักวัฏสงสารเอาไว้ จากนั้นศิลาเทวชิงเทียนและตำหนักวัฏสงสารก็ปะทะเข้าหากัน ทำให้ตำหนักวัฏสงสารถูกกระแทกจนลอยกระเด็นออกไปทันที

“อัญสมบัติสวรรค์ ! ?”

เมื่อเมิ่งเชียนชางเห็นศิลาเทวชิงเทียน แววตาก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ตำนานสอบสองสวรรค์เขาย่อมรู้ดี รู้จักสิ่งล้ำค่าที่สวรรค์แต่ละยุคฝึกเซ่นออกมา ซึ่งล้วนเป็นสมบัติที่แข็งอกร่งไม่น้อยไปกว่ากงล้อวัฏจักรธรรมเลย

เพียงแต่อัญสมบัติสวรรค์มีที่มาที่ไปลึกลับ หลังจากสิบสองสวรรค์หายสาบสูญไป พวกมันก็จมหายไปกับสายน้ำแห่งกาลเวลา

หลัวซิวเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า และไปยืนอยู่บนศิลาเทวชิงเทียน จากนั้นตู๋กูเจี้ยนเฉินก็เหาะตามขึ้นมา และยืนอยู่ข้าง ๆ เขา

เขาเหลือบมองเมิ่งเชียนชางหนึ่งครั้งโดยไม่พูดอะไร ศิลาเทวชิงเทียนที่เขาขับเคลื่อนอยู่นั้น ชนอนัตตาจนแตกสลายในทันที และหายวับไปชั่วพริบตา

เมิ่งเชียนชางคิดจะตามไป แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะร่าดังออกมาจากวังเทวอัสนีชิงเสวียนที่อยู่ทางด้านหลัง สิ่งนี้ทำให้เมิ่งเชียนชางหน้าถอดสีทันที และรีบแปลงกายเป็นแสงกลเหาะหนีไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นานนัก เด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินออกมาจากวังเทวอัสนีชิงเสวียน นางเอามือทั้งสองข้างไพล่หลัง แววตาที่สดใสส่องประกายของความฉลาดล้ำเลิศ

“คนหนึ่งเป็นผู้บำเพ็ญปรปักษ์ ส่วนอีกคนก็เป็นผู้สืบทอดจ้าววัฏสงสาร น่าสนุกจริง ๆ……”

หลัวซิวกับเมิ่งเชียนชางประมือกัน เด็กผู้หญิงคนนี้ได้เห็นตั้งแต่ต้นจนจบ แต่นางกลับไม่ได้ยื่นมือเข้ามายุ่ง ไม่มีใครรู้ว่าในใจของนางคิดอะไรอยู่กันแน่

ระหว่างทางกลับ ตู๋กูเจี้ยนเฉินมีอารมณ์ขุ่นมัว การประมือกับเมิ่งเชียนชางในครั้งนี้ ทำให้เข้ารู้อย่างลึกซึ่งว่าตนเองยังดีไม่พอ

“เจี้ยนเฉิน ตัวธรรมของเจ้าผันผวนแล้ว อันที่จริงแล้ว ในโลกกระบี่นับว่าเจ้ามีพรสวรรค์ที่สูงมาก ตอนนั้นวิถีดาบของหวูชวง รวมไปถึงโลกกระบี่ของเจ้า เรียกได้ว่าเป็นกระบี่ดาบคู่ที่สมบูรณ์แบบ หากไม่ใช่เพราะหวูชวงสร้างทะยานเซียนขึ้นมา วิถีดาบของนางกับโ,กกระบี่ของเจ้า ก็นับว่าอยู่ในระดับเดียวกัน”

หลัวซิวนั่งขัดสมาธิอยู่บนศิลาเทวชิงเทียน และจ้องมองตู๋กูเจี้ยนเฉิน พลางพูดขึ้นว่า “ในแดนยุทธ์ มาถึงระดับของเจ้าได้ การยกระดับการฝึกตนนับว่าเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญที่สุดคือตัวธรรม คือการสัมผัสรู้พลังเต๋า หากเจ้าสามารถฝึกโลกกระบี่จนถึงจุดสูงสุดได้ ต่อไปก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสก้าวเข้าสู่แดนผู้สูงส่ง”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำชี้แนะของหลัวซิว ตู๋กูเจี้ยนเฉินกลับไม่พูดอะไร ถึงขั้นว่าเขาไม่ได้บอกลาสักคำ ก็แปลงร่างเป็นแสงกล และหายวับไปตรงขอบฟ้าแสนไกลในทันที

หลัวซิวเห็นเช่นนั้นก็ทำได้เพียงส่ายหัวยิ้มแหย เขารู้ดีว่าตู๋กูเจี้ยนเฉินยังคงพะวงใจอยู่ตลอด เพราะเรื่องของจี้หวูชวงในตอนนั้น ถึงแม้ทั้งสองจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ไม่ใช่ศัตรู แค่หากต้องการให้ตู๋กูเจี้ยนเฉินยิ้มแย้มแจ่มใสกับตนเองนั้น แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

“เฮ้อ……ไม่รู้ว่าลาร์พาผู้สืบสกุลเทพสงครามเหล่านั้น กลับไปถึงหุบเขาสยบปีศาจหรือยัง”

การประมือกับเมิ่งเชียนชางในครั้งนี้ ทำให้หลัวซิวรู้ถึงฝีมือของเมิ่งเชียนชงแล้ว เมิ่งเชียนชางในชาตินี้กับชาติก่อนไม่แตกต่างกันมากนัก การฝึกตนยังคงเป็นเส้นทางแห่งวัฏสงสาร มีเพียงอย่างเดียวที่แตกต่างออกไปก็คือ ระยะเวลาที่เมิ่งเชียนชาง จะฟื้นฟูความแข็งแกร่งสู่การฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธิ์ระดับเก้าอย่างสมบูรณ์ ยังต้องใช้การสะสมและตกตะกอนอีกยาวนาน

แต่หลัวซิวไม่รู้สึกกังวลเรื่องนี้ เมิ่งเชียนชางยังคงเดินบนหนทางเส้นเดิม แต่ในชาตินี้ของเขากลับเปิดวิถีไร้ลักษณ์ได้แล้ว ในแง่ของศักยภาพและการเติบโตในอนาคต เส้นทางวัฏสงสารไม่มีทางสู้วิถีไร้ลักษณ์ของเขาได้

เพราะหากการฝึกตนของเขาบรรลุถึงระดับหนึ่ง ไร้ลักษณ์ของเขาสามารถเปลี่ยนแปลงวัฏสงสารได้ ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงพลังของสิบสองสวรรค์ได้

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท