มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2479
เขายกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือขนาดใหญ่ออกไปเช่นกัน กดอัดไปทางหลัวซิว
พลังโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพ ทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากที่มุงดูอยู่รอบ ๆ สัมผัสได้ถึงพลังออร่าที่น่าเกรงขาม แม้แต่บรรพอาจารย์ระดับกึ่งจ้าวมหาเทพก็ถอยหลังกลับอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากมาตรแม้นว่าเป็นพวกเขา ทันทีที่ถูกควันหลงจากผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพกระทบกระเทือนเข้าละก็ ต้องแบกรับไม่ไหวแน่นอน
ในส่วนของหลัวซิวนั้น ถึงแม้บรรพอาจารย์ในตระกูลสำนักใหญ่ทั้งหลายแห่งโลกะดาราอัมพรเทวจะรู้อยู่ว่าคนดังกล่าวเก่งกาจมาก ๆ ทว่าเมื่อปีนั้นอย่างมากสุดเขาก็แค่สามารถต่อกรกับกึ่งจ้าวมหาเทพเท่านั้นแหละ นี่เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ปีเอง และเขาก็ไม่มีทางมีกำลังรบที่เทียบทัดจ้าวมหาเทพแน่นอน
มิหนำซ้ำที่นี่คือห้วงดาราระดับล่าง มีเพียงจ้าวมหาเทพแห่งเกาะเทียนเหอเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนไหวลงมือได้ตามอำเภอใจ ซึ่งผู้อื่นจะกระทำเช่นนี้ไม่ได้หรอกนะ
ตู้มม!
พลังฝ่ามือทั้งสองพุ่งชนกันกลางอากาศ จิตสังหารที่บ้าระห่ำม้วนซัดออกไป เงาร่างของหลัวซิวไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่
ส่วนสีหน้าของผู้อาวุโสแห่งเกาะเทียนเหอนั่นกลับเปลี่ยนไปอย่างมาก เนื่องจากพลังฝ่ามือของเขาถึงขั้นถูกโจมตีจนแตกสลายภายในเสี้ยววินาที ส่วนมือใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย ยังคงขยำมาทางเขาโดยที่พลานุภาพไม่ลดน้อยลงเลย
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!?”
ผู้อาวุโสเกาะเทียนเหอนั่นตกตะลึงมากจนหน้าถอดสี เขาอยากจะหลบหลีก แต่พลังออร่าที่แข็งแกร่งกลับผนึกร่างเขาให้นิ่งอยู่กับที่ ราวกับมีอาณาจักรไร้รูปแผ่คลุมเขาอยู่ ปริภูมิบริเวณรอบ ๆ ล้วนถูกผนึก
เขาอุทานคำว่าแย่แล้วในใจ การที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถปลดปล่อยอุบายเช่นนี้ออกมาได้นั้น อย่างน้อยก็เป็นผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพช่วงปลายแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ตกคือในโลกหล้านี้ นอกจากเกาะเทียนเหอของพวกเขา ยังมีจ้าวมหาเทพคนอื่นที่สามารถมองข้ามข้อจำกัดของกฎจักรวาลฟ้าดินได้อีกอย่างนั้นหรือ?
มือใหญ่ของหลัวซิวประชิดใกล้เข้าไปถึงตรงหน้า ภายใต้การคุมขังและพันธนาการจากกฎปริมภูมิ ผู้อาวุโสเกาะเทียนเหอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหายใจลำบากขึ้น ภายใต้การแผ่คลุมจากพลังฝ่ามือใหญ่ ร่างกายเขาก็เหมือนมดตัวจ้อยตัวหนึ่ง แล้วถูกขยำในวินาทีต่อไป
“อ๊ากก! ……”
ทุกคนล้วนได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาที่ดังออกมาจากปากผู้อาวุโสเกาะเทียนเหอนั่น มือใหญ่ของหลัวซิวแค่ออกแรงบีบเพียงเล็กน้อย เสียงกระดูกแตกร้าวก็สะท้อนออกมา ในส่วนของพลังเทวที่คุ้มกันร่างเขานั้น ไม่มีประโยชน์ใด ๆ เลยด้วยซ้ำ
“แค่จ้าวมหาเทพขั้นปฐมภูมิกระจอก ๆ ก็บังอาจลงมือต่อกู ไอ้คนไม่รู้จักความเป็นความตาย!”
หลัวซิวยืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียว แค่พลังฝ่ามือใหญ่ที่ผนึกรวมออกมา ก็สามารถกดอัดจ้าวมหาเทพคนหนึ่งได้อย่างง่ายดายแล้ว
ฟึ่บ!
นิ้วมือทั้งห้าของพลังฝ่ามือใหญ่ขยำทีหนึ่ง หมอกเลือดกลุ่มหนึ่งจึงระเบิดกลางอากาศ ผู้อาวุโสเกาะเทียนเหอไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ขอร้องอ้อนวอน ก็ถูกหลัวซิวบีบจนตายไปก่อนแล้ว
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งของเกาะเทียนเหอ รวมไปถึงหนุ่มเจ้าสำนักน้อยดูหวาดกลัวขึ้นมาภายในพริบตา วินาทีนี้พวกเขาจะยังไม่เข้าใจอีกได้อย่างไร ฝ่ายตรงข้ามคือผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือการคาดหมาย ดูเหมือนเกาะเทียนเหอจะเจอปัญหาใหญ่แล้ว!
“เว่ยหนิง รีบหนี!”ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งในเกาะเทียนเหอตะโกนเสียงดังคำหนึ่ง จากนั้นเงาร่างก็กระพริบ ขวางอยู่กลางระหว่างหลัวซิวและหนุ่มเจ้าสำนักน้อย
เว่ยหนิงก็คือเจ้าสำนักน้อยแห่งเกาะเทียนเหอ ผู้อาวุโสเกาะเทียนเหอคนนี้ซื่อสัตย์มาก เห็นว่าผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งถูกสังหารแล้วก็ยังไม่หนี แต่เป็นการคุ้มกันให้เว่ยหนิงหนีไปก่อน
ผลการฝึกตนของเว่ยหนิงเป็นเพียงมกุฎเทพช่วงปลาย เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าแม้แต่ผู้อาวุโสจ้าวมหาเทพยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ ขืนเขาอยู่ต่อก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว ดังนั้นจึงไม่พูดพร่ำทำเพลง กลายร่างเป็นแสงกลโดยตรง แล้วบินไปยังห้วงดาราที่อยู่ห่างไกลออกไป
“ในเมื่อมาแล้ว เหตุใดจึงต้องจากไปด้วย?”
หลัวซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง เว่ยหนิงเรียกผู้อาวุโสจ้าวมหาเทพมาสองคน เห็นอยู่ทนโท่แล้วจักเอาเขาให้ตาย สำหรับคนประเภทนี้นั้น หลัวซิวไม่มีความคิดที่จะปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสได้หลบหนีไปหรอกนะ