มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2485
สำหรับตระกูลจ้าวแล้ว นี่เป็นสงครามแห่งการสร้างอำนาจบารมี ตระกูลจ้าวเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแห่งโลกะดาราอัมพรเทวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว อดีตมีสามสำนักหกตระกูลคอยถ่วงสมดุลซึ่งกันและกัน ทว่าสถานการณ์ ณ ปัจจุบันกลับไม่เหมือนอดีตแล้ว ขอแค่สามารถใช้โอกาสนี้ล้มล้างตระกูลฉีได้ อีกทั้งยึดครองภูมิฐานทั้งหมดของตระกูลฉี ตระกูลจ้าวก็จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และอยู่เหนือสำนักตระกูลอื่น ๆ ในทีเดียว
“พี่จื่อเยียน ท่านรีบบีบทำลายฮู้ชิ้นนี้แล้วหนีไปจากที่นี่!”ฉียู่หรงเจอตัวช่าจื่อเยียนแล้ว ก่อนจะยัดฮู้ชิ้นหนึ่งเข้าไปในมือนาง
นี่คือฮู้เทเลพอร์ตชิ้นหนึ่ง เป็นฮู้ที่หลัวซิวกลั่นในอดีต หลังจากกระตุ้นมันแล้วสามารถเทเลพอร์ตไปยังพื้นที่ที่ห่างออกไปไกลหนึ่งแสนไมล์
“ไม่! ถ้าจะไปก็ไปพร้อมกัน!”ช่าจื่อเยียนปฏิเสธโดยที่ไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากปัญหาของตัวเองทำให้ฉียู่หรงและตระกูลฉีเดือดร้อนไปด้วย มีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น นางจะมีทางหนีเอาชีวิตรอดคนเดียวได้อย่างไร?
“พวกมึงสองคนไม่ต้องไปไหนกันทั้งนั้น!”
ทันใดนั้น ก็มีอำนาจบารมีที่มากมายมหาศาลย่างกรายมาถึง หนึ่งในบรรพอาจารย์ตระกูลจ้าวปรากฏเหนือนภาตำแหน่งที่พวกนางทั้งสองคนอยู่ มีแสงมืดแผ่กระจายออกมาจากหอคอยเทวสีดำหลังหนึ่ง แล้วทำการผนึกพื้นที่แห่งนี้เอาไว้
“พี่ช่าจื่อเยียน ท่านรีบหนีไป!”
สีหน้าของฉียู่หรงเปลี่ยนไป ก่อนที่นางจะพุ่งเข้าไปทางบรรพอาจารย์ตระกูลจ้าวอย่างไม่ลังเลใจ
ปัจจุบันนางอยู่ในแดนมกุฎเทพขั้น 9 แล้ว เมื่อปีนั้นนางสังหารผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในแดนเดียวกันด้วยกระบวนท่าเดียวเท่านั้น
ทว่าระหว่างมกุฎเทพขั้น 9 และกึ่งจ้าวมหาเทพ ก็ยังแตกต่างกันไม่น้อยอยู่ดี มิหนำซ้ำบรรพอาจารย์ตระกูลจ้าวคนนี้ฝึกตนมาเป็นล้านปีแล้ว ผลการฝึกตนลึกซึ้งอย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้นฉียู่หรงจึงต้านทานได้ไม่นานนัก ก็ถูกบรรพอาจารย์ตระกูลจ้าวใช้ฝ่ามือหนึ่งโจมตีจนกระเด็นออกไป
ช่าจื่อเยียนไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด ณ ช่วงเวลาที่อันตรายและเต็มเปี่ยมไปด้วยภัยพิบัติเช่นนี้ นางยอมตายแต่ก็ไม่ยอมทิ้งฉียู่หรงแล้วหลบหนีไป
อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ศักยภาพของนางก็แตกต่างจากฉียู่หรงไม่น้อยเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพอาจารย์ตระกูลจ้าว ยิ่งต้านทานไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว ร่างกายกระเด็นออกไปพร้อมกับกระเลือดสีแดงสด
“ตระกูลฉีช่างกล้าหาญยิ่งนัก บังอาจปกป้องผู้ที่สังหารอัจฉริยะตระกูลจ้าวของกู นี่ตระกูลฉีของพวกมึงมันหาเหาใส่หัวชัด ๆ!”
อีกฝั่งหนึ่ง บรรพอาจารย์ตระกูลฉีก็ถูกโจมตีจนกระอักเลือดเช่นกัน ต่างอยู่แดนกึ่งจ้าวมหาเทพเหมือนกัน ทว่าทั้งสองฝ่ายก็แตกต่างกันไม่น้อยเลย
ตระกูลจ้าวไม่เพียงมีบรรพอาจารย์ระดับกึ่งจ้าวมหาเทพเยอะ อีกทั้งทุกคนล้วนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
บรรพอาจารย์ทั้งสองคนจากตระกูลจ้าวยืนลอยอยู่บนฟ้า เกิดการเข่นฆ่ากันในทั่วทุกสารทิศของตำหนักตระกูลฉี เลือดสดไหลนองเป็นทาง บรรพอาจารย์ตระกูลฉีโกรธเกรี้ยวมากจนดวงตาแทบจะระเบิดแตก ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ หากสถานการณ์ไม่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นละก็ ตระกูลฉีคงต้องจบเห่แล้วจริง ๆ
“ยู่หรงเอ๊ย……”บรรพอาจารย์ตระกูลฉีถอนหายใจยาว ถึงเวลานี้แล้ว แม้เขาจะตำหนิฉียู่หรงมากเพียงใด มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
“ทหาร จับกุมตัวสตรีทั้งสองนางนี้ไป คอยล้มล้างตระกูลฉีเสร็จแล้ว ทุกคนล้วนสามารถเพลิดเพลินกับสตรีทั้งสองนางนี้ได้เต็มที่เลย!”หนึ่งในบรรพอาจารย์ตระกูลจ้าวใช้นิ้วชี้ไปช่าจื่อเยียนและฉียู่หรงทั้งสองคน พลางพูดด้วยสีหน้าอารมณ์ที่เย็นเยือกหม่นหมอง
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ใบหน้าของฉียู่หรงและช่าจื่อเยียนก็ขาวซีดลงไปภายในพริบตา ในขณะเดียวกันก็มีปณิธานที่สิ้นหวังผุดขึ้นมาในใจเช่นกัน พวกนางยินดีที่จะต้องตาย แต่ก็ไม่ยอมให้ร่างกายตนเปรอะเปื้อน
แต่เมื่ออยู่ภายใต้พลานุภาพของบรรพอาจารย์ตระกูลจ้าวทั้งสองคน พวกนางไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะระเบิดร่างตัวเอง มกุฎเทพสองคนในตระกูลจ้าวเดินตรงเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มอันเยือกเย็นบนใบหน้า โบกมือปล่อยตัวต้องห้ามเข้าไปในร่างกายของพวกนาง
“อ๊ากก! ……”
และในเวลานี้เอง จู่ ๆ มีเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาดังขึ้นมาจากฝั่งตระกูลจ้าวติดต่อกัน แสงกลรุ้งยาวดวงหนึ่งบินตรงเข้ามาด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก จอมยุทธ์ตระกูลจ้าวทุกคนที่ขวางกั้นอยู่หน้าแสงกลดวงนี้ ล้วนถูกทะลวงภายในพริบตา ร่างกายระเบิดแตกกลายเป็นหมอกเลือด
แทบจะภายในเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น แสงกลดวงนี้ก็ร่วงลงข้างกายฉียู่หรงและช่าจื่อเยียน ก่อนจะเผยให้เห็นเงาร่างของชายที่อยู่ในชุดสีดำ