มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2487
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงพริบตาเดียว ก็มีความคิดจำนวนมากกระพริบผ่านเข้ามาในใจบรรพอาจารย์ตระกูลฉี เขาไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงผ่านตัวสำนึกบอกกับหลัวซิวว่า: “ท่านชายหลัว ตระกูลจ้าวมีบรรพอาจารย์สามคน โดยที่ศักยภาพของบรรพอาจารย์ลำดับที่หนึ่งแข็งแกร่งที่สุด ท่านชายพยายามอย่าแตกหักกับพวกเขาจะดีกว่า”
สาเหตุที่เขาพูดคำพูดเช่นนี้นั้น ไม่ได้เป็นเพราะกังวลความปลอดภัยของหลัวซิวอยู่แล้ว แต่กังวลว่าหลัวซิวยังหนุ่มชอบใช้กำลังจัดการปัญหา แล้วจะสู้กับตระกูลจ้าวอย่างเอาเป็นเอาตาย ถึงครานั้นไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่ายหรือหลัวซิวถูกสังหาร มันต่างไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตระกูลฉี
ทว่าบรรพอาจารย์ตระกูลฉีไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองมังกรครามยักษ์ ถ้าเกิดเขาทราบละก็ จะไม่คิดเช่นนี้แน่นอน
หลัวซิวต้องมองความคิดของบรรพอาจารย์ตระกูลฉีทะลุปรุโปร่งอยู่แล้ว แต่เขากลับไม่นำมาใส่ใจ หลังจากเห็นฉียู่หรงและช่าจื่อเยียนกินยาเข้าไปแล้วสภาพอาการบาดเจ็บเริ่มดีขึ้น สีหน้าที่เย็นเยือกจึงค่อย ๆ ดูดีขึ้นไม่น้อย
แต่สีหน้าดูดีขึ้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไป ในเมื่อตระกูลจ้าวบังอาจแตะต้องคนของข้า เช่นนั้นก็ต้องชดใช้ค่าเสียหาย!
“ผู้ใดเป็นผู้ทำให้พวกนางบาดเจ็บ?”หลัวซิวมองไปทางบรรพอาจารย์ตระกูลฉี
“บรรพอาจารย์สามแห่งตระกูลจ้าวจ้าวฉีหยุนขอรับ หากไม่ใช่เพราะท่านชายมาได้ทันท่วงที เมื่อครู่จ้าวฉีหยุนจะให้คนปล่อยตัวต้องห้ามเข้าไปในร่างกายพวกนาง แล้วจะให้……”เมื่อบรรพอาจารย์ตระกูลฉีเห็นท่าทีที่จะซักถามให้ถึงที่สุดของหลัวซิว ดังนั้นจึงทบทวนคำพูดในเมื่อครู่นี้ของจ้าวฉีหยุนครบทุกพยางค์หนึ่งรอบ
บรรพอาจารย์ตระกูลฉียังไม่ทันพูดจบ จู่ ๆ เขาก็สั่นสะดุ้งอย่างควบคุมไม่ได้ เนื่องจากเขาสัมผัสจิตสังหารที่น่าสยดสยองอย่างไร้ขอบเขตพรั่งพรูออกมาจากตัวหลัวซิว ถึงแม้จิตสังหารนี้จะไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เขาก็ตาม ทว่าก็ยังทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกอยู่ดี!
แน่นอนอยู่แล้วว่าจิตสังหารของหลัวซิวผนึกไปที่บรรพอาจารย์สามแห่งตระกูลจ้าว จ้าวฉีหยุน ในภพชาตินี้สิ่งที่เขาอดทนไม่ได้มากที่สุดก็คือมีคนทำร้ายคนรอบข้างที่ตนใส่ใจ เพราะฉะนั้นหลังจากได้ยินคำพูดของบรรพอาจารย์ตระกูลฉีแล้ว จ้าวฉีหยุนที่อยู่ในสายตาเขาก็ได้กลายเป็นคนตายคนหนึ่งไปแล้ว!
ร่างกายของเขาหายวับไปกับที่ภายในพริบตา ก่อนจะปรากฏตรงหน้าจ้าวฉีหยุนในวินาทีต่อไป ง้างมือแล้วขยำไป
“ระวัง!”
บรรพอาจารย์สองแห่งตระกูลจ้าว จ้าวฉีเชิงเห็นหลัวซิวลงมือกะทันหัน เขาจึงเรียกภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพชิ้นหนึ่งออกมาอย่างไม่ลังเลใจ แล้วโจมตีไปทางหลัวซิวจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
ในมุมมองของเขา ในเมื่อหลัวซิวสามารถลงมาจากโลกาชั้นฟ้า แสดงว่าผลการฝึกตนของเขายังบรรลุไม่ถึงแดนจ้าวมหาเทพ ศักยภาพน่าจะไม่แตกต่างจากอดีตมากเท่าไหร่นัก
ภูมิฐานของตระกูลจ้าวแน่นหนา มีบรรพอาจารย์สามคน อีกทั้งผลการฝึกตนของบรรพอาจารย์หนึ่งแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ถึงแม้จะหวาดหวั่นในตัวหลัวซิว ทว่าก็ไม่ได้เกรงกลัวเขาอย่างแท้จริง
ปั้ง!
เมื่อเผชิญหน้ากับภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพของจ้าวฉีเชิงที่พุ่งตรงเข้ามา หลัวซิวก็เหมือนปัดแมลงวันยังไงอย่างนั้น ง้างมือแล้วตบภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพจนกระเด็นออกไป
ในส่วนของบรรพอาจารย์สามแห่งตระกูลจ้าวจ้าวฉีหยุนนั้น เมื่ออยู่ภายใต้การผนึกจากจิตสังหารอันน่ากลัวที่ระเบิดออกมาจากตัวหลัวซิว เขายิ่งไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่น้อย ถูกหลัวซิวบีบคอโดยตรงแล้วยกร่างขึ้นมาจากพื้น
ณ เสี้ยววินาทีนี้ ร่างกายของจ้าวฉีหยุนเย็นเยือกไปหมด ในฐานะที่เป็นบรรพอาจารย์ระดับกึ่งจ้าวมหาเทพ เมื่ออยู่ในห้วงดาราระดับล่างนี้ แทบจะไม่มีสิ่งใดที่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อตนเอง แต่นี่เพิ่งพบหน้ากัน ตนไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะโต้กลับก็ถูกฝ่ายตรงข้ามบีบคอเอาไว้แล้ว หลัวซิวนี่มันแข็งแกร่งถึงขั้นนี้เลยหรือ?
“ท่านชายหลัว มีอะไรค่อย ๆ พูด……”
จ้าวฉีเชิงก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าหลัวซิวจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ใช้หนึ่งฝ่ามือตบภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพจนกระเด็นออกไป นี่ต้องมีร่างเนื้อที่เกะกะระรานวิปริตมากเพียงใดถึงจะทำเช่นนี้ได้?
วินาทีนี้เขาไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย มาตรแม้นว่าบรรพอาจารย์ใหญ่มาถึง ก็ไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้ของหลัวซิวนี่แน่นอน เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างลึกซึ้งจนไม่อาจคาดเดาได้ และยังมีภูมิหลังของโลกาชั้นฟ้าอีก การที่ตระกูลจ้าวเป็นศัตรูกับเขานั้น เป็นการตัดสินใจที่ไม่ชาญฉลาดมากอย่างแน่นอน