มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2520
ตอนนี้เขาได้สัมผัสกับพลังแห่งสวรรค์มาสามชนิดแล้ว มฤตยูมหากาพย์ที่มีอยู่ในพลังแห่งปรโลกคือการทำลายล้าง ซึ่งค่อนข้างคล้ายกับพลังแห่งความตาย แต่เป็นระดับที่สูงกว่าพลัง แห่งความตาย
จากนั้นก็มีพลังแห่งเวหาที่ซูอี้เฉินใช้ตอนอยู่ที่เกาะเทียนเหอ พลังแห่งสวรรค์ชนิดนี้ไม่สามารถทำลายและไม่สามารถหยุดยั้งได้ ค่อนข้างคล้ายกับกฎธาตุทองในเบญจธาตุ แต่ดีกว่ากฎธาตุทองหลายเท่า
สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวเข้าใจอย่างคลุมเครือว่าสิ่งที่เรียกว่าพลังแห่งสวรรค์นั้นแท้จริงแล้วคือการเปลี่ยนแปลงจากกฎไปสู่เกณฑ์ และอาจจะถูกเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในระดับของเกณฑ์กลายเป็นพลังระดับใหม่
เช่นกฎแห่งความตาย หลังจากเปลี่ยนแปลงแล้วหากเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกก็อาจจะเป็นพลังแห่งปรโลก
ตัวอย่างเช่น กฎธาตุทอง หลังจากเปลี่ยนเกณฑ์แล้วเปลี่ยนรูป ก็อาจจะมีพลังแห่งเวหา
ตามความทรงจำของไท่ซ่างฉิง เทพมารระดับ 7 เป็นผู้ควบคุมเกณฑ์ เริ่มตั้งแต่เทพมารระดับ 7 ไปจนถึงเทพมาระดับ 9 ต่างล้วนทำความเข้าใจความลึกลับของเกณฑ์ ยิ่งเข้าใจเกณฑ์อย่างลึกซึ้ง สามารถครอบคลุมพลังแห่งเกณฑ์ได้มากขึ้น ความสามารถก็จะเก่งกาจขึ้นด้วย
ในความเป็นจริง หลังจากบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับ 9 เกณฑ์ที่ควบคุมโดยเทพมารระดับ 7 ก็เหมือนกัน แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับ 9 ต้องเทียบกับเทพมารระดับ 7 ความเข้าใจที่มีต่อเกณฑ์ก็จะลึกซึ้งขึ้นคลอบคลุมพลังเกณฑ์ก็แข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า
แต่การที่จากแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับ 9 บรรลุสู่แดนผู้สูงส่งนั้น จำเป็นต้องมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับวิถีเกณฑ์ที่จะก้าวข้ามไปยังแดนใหม่
จากนั้นหลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าสิ่งที่เรียกว่าพลังแห่งสวรรค์ อาจเป็นไปได้ว่าตามฐานของเกณฑ์ระดับผู้สูงส่ง และเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ซึ่งถึงขั้นที่แข็งแกร่งกว่า
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดา หลัวซิวรู้ดีว่าเมื่อเขาไปถึงระดับนั้นแล้ว เขาจะเข้าใจว่าอะไรคือความจริง
พลังแห่งชิงเทียนเป็นคุณสมบัติที่ไม่มีที่สิ้นสุด กว้างใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ครอบคลุมทุกสิ่ง และมีความลึกลับของกฎชีวิตและกฎปริภูมิสองกฎ
ตามที่หลัวซิวใช้ศิลาผนึกปีศาจเพื่อเก็บพลังแห่งชิงเทียนออกมาจากท่านแสงอย่างต่อเนื่อง ต้องห้ามของม่านแสงก็ค่อยๆ จางลง และทางเข้าเหมือนม่านน้ำก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
รอยแยกแนวตั้งระหว่างคิ้วของหลัวซิวปิดลงทันที เขาลืมตาขึ้นและเดินตรงไปยังทางเข้าที่เหมือนม่านน้ำโดยไม่อธิบายอะไร
ระลอกคลื่นแผ่กระจายออกไป ร่างของหลัวซิวก็หายเข้าไปข้างใน ตามมาด้วยความรู้สึกของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของห้วงเวลา
ความรู้สึกนี้ดูเหมือนจะปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่และดูเหมือนว่าเวลาจะผ่านไปนาน เมื่อหลัวซิวลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่สดใสมีชีวิตชีวา
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นว่าเขายืนอยู่ในป่าบนภูเขา ล้อมรอบด้วยต้นไม้ตระหง่านสูงเสียดฟ้า ต้นไม้ใหญ่เหล่านี้หนาทึบนัก และไม่รู้ว่าพวกมันมีชีวิตมานานแค่ไหน มีปราณทิพย์ฟ้าดินมากมาย แทรกซึมทุกสิ่ง ดูมีชีวิตชีวาเขียวขจี
เมื่อตัวสำนึกแผ่กระจายออกไป หลัวซิวพบว่าปริภูมิในแดนปริศนานี้กว้างใหญ่มาก ตัวสำนึกของเขาครอบคลุมรัศมีมากกว่าหนี่งแสนไมล์ และไม่สามารถสำรวจความกว้างของป่าบนภูเขานี้ได้ด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าปริภูมิที่เขาสำรวจเป็นเพียงพื้นที่น้อยๆเท่านั้น
นี่ทำให้หลัวซิวแสดงความประหลาดใจออกมาด้วยความตะลึง ปริภูมิของแดนปริศนาอันกว้างใหญ่นี้ดูเหมือนจะกว้างกว่าโลกาดาราแห่งหนึ่งเลย
แต่ในไม่ช้าเขาก็เก็บสีหน้าประหลาดใจเข้าไป อันที่จริง เขาสามารถทำได้ถึงขนาดนี้เช่นกัน หากเอาโลกดาราใดๆของเขาที่สร้างขึ้นมาจากร่างเนื้อจุดลมปราณของเขา ก็กว้างขวางมากกว่าปริภูมิของแดนปริศนา
และสถานที่แห่งนี้เกี่ยวข้องกับชิงเทียนในตำนานแล้วอาจมีโลหิตแห่งชิงเทียนอยู่ด้วย ดังนั้นทุกอย่างจึงไม่น่าแปลกใจ