มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2529
หุ่นเชิดระดับจักรพรรดิเทพก็มีสติปัญญาในระดับที่แน่นอนเช่นกัน มันไม่ได้ไปไล่ล่าพวกฟางห้าวหยูและพระโอรสจ้านเทียนแต่อย่างใด แต่เป็นการนำสายตาจับจ้องไปทางเสิ่นปิงหยู
“เจ้าพานายท่านจากไป ข้าจักเปิดทางให้เจ้า”หุ่นเชิดยักษ์ยกมือขึ้นมาฉีกกระชากปริภูมิ เสิ่นปิงหยูรีบแบกตัวหลัวซิวขึ้นหลัง แล้วออกไปจากที่นี่พร้อมกับหุ่นเชิดยักษ์อย่างรวดเร็ว
แสงกลแต่ละดวงได้บินออกไปจากทางเข้าห้วงกาลแดน ก่อนจะเผยให้เห็นเงาร่างของพวกพระโอรสจ้านเทียน ฟางห้าวหยูและเซียวจื้อหยวน
“ให้ตายเถอะ ไม่นึกเลยว่ามันจะสามารถเรียกหุ่นเชิดระดับจักรพรรดิเทพออกมาได้ด้วย!”สีหน้าเซียวจื้อหยวนเขียวช้ำ
สำหรับเรื่องของหุ่นเชิดจักรพรรดิเทพนั้น มันไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด ครั้นเมื่อหลัวซิวสำรวจแท่นบูชาเทพมาร เขาก็เคยแสดงอุบายนี้ออกมาแล้ว
“ใช่ว่าเราจะหมดซึ่งโอกาสโดยสิ้นเชิงเสมอไป หลัวซิวบาดเจ็บสาหัสแล้ว เราไม่สามารถทำอะไรหุ่นเชิดจักรพรรดิเทพนั่นในห้วงกาลแดนได้ แต่ถ้าเกิดออกมาจากห้วงกาลแดนแล้ว ก็จะมีเทวทัณฑ์เทียนเต้าจุติลงมาทำลายล้างมัน มีเพียงเสิ่นปิงหยูผู้เดียว ซึ่งเราไม่มีความจำเป็นต้องกังวล!”ฟางห้าวหยูค่อย ๆ พูดอย่างเชื่องช้า
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของทุกคนก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ สายตาของพระโอรสจ้านเทียนร่วงลงบนตัวมู่จื่อเซียวและข่งเม่า ก่อนจะพูดกระแทกเสียงต่ำ: “เมื่อครู่ทั้งสองมิได้ลงมือ หรือว่าตระกูลมู่และสำนักจักรพรรดิแสงดาวสมคบร่วมกับเผ่าจี้แล้ว?”
“ระหว่างสำนักจักรพรรดิแสงดาวของข้าไม่ได้มีความขัดแย้งใด ๆ ต่อเผ่าจี้และหลัวซิว ข้าขอไม่เข้าร่วมเรื่องนี้”ข่งเม่าไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงของพระโอรสจ้านเทียนแต่อย่างใด ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งคำหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันหลังแล้วจากไป
“เรื่องนี้ตระกูลมู่ของข้าก็ไม่เข้าร่วมเช่นกัน”แววตาของมู่จื่อเซียวเป็นประกายอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะยอมแพ้
เขาก็ทราบเช่นกันว่านี่คือโอกาสชั้นยอดในการกำจัดหลัวซิวทิ้ง ทว่านายท่านเคยบอกกับเขาว่าพยายามอย่าเป็นศัตรูกับหลัวซิวและเผ่าจี้ นอกซะจากมีความมั่นใจว่าสามารถสังหารพวกเขาได้อย่างแน่นอน แต่สัญชาตญาณกลับบอกกับเขาว่าหลัวซิวไม่ได้ตายง่ายขนาดนั้น หากไม่สามารถฆ่าเขาได้ ก็เท่ากับเป็นการแตกหักกับหลัวซิวและเผ่าจี้โดยสมบูรณ์ เช่นนั้นการที่ทางตระกูลยอมอ่อนข้อให้ในตอนแรก ก็จะเท่ากับสูญเปล่าหมด
“ตระกูลมู่ไม่สืบสวนเรื่องการตายของช่าวหวงอีกแล้ว ก็เพราะหวังว่าสักวันจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับเผ่าจี้ แล้วหลุดพ้นจากมหาโลกาพันสาม เข้าสู่ฟ้าดินที่กว้างขวางมากกว่าอย่างโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด หากหลัวซิวตายไป ในเมื่อข้าไม่ได้สมรู้ร่วมคิด ตระกูลมู่ก็ยังคงมีโอกาสได้ร่วมมือกับเผ่าจี้อีกเช่นเคย”
มู่จื่อเซียวบินอยู่ในห้วงดาราพลางนึกคิดอยู่ในใจอย่างไม่หยุดหย่อน เขาอยากให้หลัวซิวตายไปมากกว่า แต่กลับรู้สึกว่าความเป็นไปได้นั้นมันริบหรี่มาก
ตู้มม!
และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงดังลั่นที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินสะท้อนมาจากโลกาเสวียนหมิง หุ่นเชิดจักรพรรดิเทพเปิดทางให้ตลอดทาง ใช้อำนาจพาเสิ่นปิงหยูและหลัวซิวออกมาจากห้วงกาลแดน
ฟ้าดินดังสะเทือนเลื่อนลั่น อำนาจสวรรค์มโหฬารพพันลึก เทวทัณฑ์เทียนเต้าผนึกรวม วินาทีนี้กลับมีพลังออร่าที่แข็งแก่งล้นฟ้าระเบิดออกมาจากร่างหุ่นเชิดจักรพรรดิเทพ พลังออร่าของเขาเพิ่มจากจักรพรรดิเทพช่วงกลางขึ้นมาถึงระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ภายในเสี้ยววินาที!
พลังและเลือดที่อยู่ภายในแกนกลางหุ่นเชิดกำลังถูกเผาผลาญอย่างดุเดือด หุ่นเชิดยักษ์ได้ระเบิดพลังที่ทรงพลังที่สุดออกมา ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปฉีกกระชากอนัตตา
“ไป!”
หลังจากฉีดกระชากอนัตตาออกแล้ว หุ่นเชิดยักษ์ก็ตะคอกเสียงดังลั่นคำหนึ่ง เสิ่นปิงหยูจึงรีบพาหลัวซิวพุ่งเข้าไปในอนัตตาที่ถูกฉีกกระชากออก
โครมคราม……
อัสนีเทวมโหฬารพันลึก ภายใต้การทำลายล้างจากเทวทัณฑ์เทียนเต้า ดาราเสวียนหมิงถูกทำลายล้างจนกลายเป็นซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว หุ่นเชิดยักษ์ถูกทำลายไปแล้ว ดาราเสวียนหมิงก็ระเบิดแตกจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นเช่นกัน แรงระเบิดของโลกาดาราใบหนึ่งเกิดเป็นความวุ่นวายอย่างใหญ่โตในห้วงดารา
สีหน้าของพวกพระโอรสจ้านเทียนที่เฝ้ารออยู่นอกดาราเสวียนหมิงในตอนแรกต่างเปลี่ยนแปลงไป ถอยหลังกลับอย่างหวาดผวา ตกตะลึงจนตาค้างแล้วมองดูภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
พวกเขาต้องมองเห็นภาพฉากที่หุ่นเชิดยักษ์ฉีกกระชากอนัตตาอยู่แล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึงเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหลัวซิวยังไม่ตาย!
เมื่อผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพฉีกกระชากอนัตตา ก็จะสามารถก้าวข้ามผ่านไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างไกลออกไปนับหมื่นไมล์ได้อย่างง่ายดาย ส่วนหุ่นเชิดยักษ์กลับระเบิดพลังระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ออกมา ซึ่งตำแหน่งที่ถูกส่งออกไปจากการฉีกกระชากอนัตตานั้น ถึงแม้จะไม่สามารถข้ามผ่านจากดาราเสวียนหมิงไปถึงมหาโลกาพันสามได้โดยตรง ทว่าก็แตกต่างกันไม่มากแล้ว
มู่จื่อเซียวหันหน้ากลับไป เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์อันน่าทึ่งที่ดาราเสวียนหมิงระเบิด ภายในเวลาชั่วขณะ ก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขากำลังนึกคิดอะไรอยู่ในใจ ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าการที่ตนไม่เข้าร่วมการลอบสังหารหลัวซิวในครั้งนี้ ตกลงควรรู้สึกดีใจหรือเสียดายดี?
ควรรู้สึกดีใจมากกว่าสินะ?
มู่จื่อเซียวกำลังนึกคิดเช่นนี้อยู่ในใจ……