มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2530
ห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาล มืดมนและหนาวเหน็บ บนหินอุกกาบาตลูกหนึ่งที่กำลังพุ่งทะลุข้ามผ่านไปมาอย่างรวดเร็วอยู่ในห้วงดารา เสิ่นปิงหยูวางร่างหลัวซิวลง แล้วหยิบยาเซียนออกมากินหนึ่งเม็ด
หุ่นเชิดยักษ์ใช้กำลังรบระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ฉีกกระชากอนัตตา ถึงแม้จะทะลุผ่านอนัตตา ก็จำเป็นต้องมีศักยภาพระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ก่อนถึงจะสามารถทะลุข้ามผ่านไปได้ และเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเสิ่นปิงหยูไม่มีเงื่อนไขที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะหุ่นเชิดยักษ์เก็บพลังเสี้ยวหนึ่งไว้คุ้มกันนางและหลัวซิวขณะข้ามผ่านมา บางทีนางและหลัวซิวอาจจะเสียชีวิตอยู่ในขั้นตอนการถูกส่งมาแล้ว
หลังจากกินยาเซียนลงไปแล้ว พลังออร่าที่วุ่นวายในร่างกายก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเก่า เสิ่นปิงหยูหยิบม้วนหยกออกมาหนึ่งชิ้น แล้วสำรวจแผนที่ดาวที่อยู่ภายใน
จากพิกัดที่ระบุไว้บนแผนที่ดาว นางพอจะสามารถยืนยันได้แล้วว่าที่นี่ห่างไกลจากดาราเสวียนหมิงมาก ๆ เมื่อเดินทางจากสถานที่แห่งนี้ไปยังห้วงดาราที่มหาโลกาพันสามอยู่ มากสุดต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนกว่าก็เดินทางไปถึงแล้ว
นางทำการสำรวจสภาพอาการบาดเจ็บของหลัวซิวครู่หนึ่ง พบว่าสภาพอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้มาก ถึงแม้จะมีการคุ้มกันจากศิลาผนึกปีศาจ พลังแห่งนิพพานก็ยังแทรกซึมเข้าไปภายในร่างกายเขาอยู่ดี แทบจะทำลายพลังชีวิตทั้งปวงที่อยู่ภายในร่างกายเขาจนหมดสิ้น
พลังชีวิตของจอมยุทธ์ก็คือชีวีดั้งเดิม โดยเฉพาะสำหรับจอมยุทธ์กลั่นร่างแล้ว ชีวีดั้งเดิมจะทรงพลังยิ่งใหญ่หรือไม่นั้น มันมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับร่างเนื้อรากฐานอย่างยิ่ง
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพลังชีวิตในร่างกายหลัวซิว ณ ขณะนี้แทบจะสูญสิ้นไปหมดแล้ว เช่นนั้นผลการฝึกตนกลั่นร่างที่อยู่ภายในร่างกายเขาก็เท่ากับหายไปหมดแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือสภาวะร่างกาย ณ วินาทีนี้ยังเทียบเคียงกับจอมยุทธ์ทั่วไปคนหนึ่งไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น พลังแห่งนิพพานยังแทรกซึมเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของเขา ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะมีศิลาผนึกปีศาจอยู่ในตัวหยั่งรู้ของเขา ตัวหยั่งรู้ของเขาคงแตกสลายไปตั้งนานแล้ว
มีรังสีแห่งความกังวลปรากฏบนใบหน้าเสิ่นปิงหยู นางยังไม่เคยพบเจอสภาพอาการบาดเจ็บที่สาหัสเช่นนี้มาก่อน ยิ่งกว่านั้นคือนางไม่กล้าป้อนยาให้หลัวซิวอย่างมั่วซั่วเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากร่างกายในตอนนี้ของเขาเปราะบางมากเกินไป บางทีอาจจะต้านทานฤทธิ์ยาที่มีผลข้างเคียงไม่ไหวจนร่างกายแตกสลายได้
หลังจากผ่านไปหลายวัน หลัวซิวก็ลืมตาขึ้นมา แท้จริงแล้วก่อนที่เขาจะนอนสลบไสลไป เขาก็ทราบแล้วว่าสภาพอาการบาดเจ็บของตัวเองมันสาหัสมากเพียงใด
เมื่อเห็นสภาพที่ดูกังวลของเสิ่นปิงหยู หลัวซิวกลับหัวเราะเบา ๆ “ไม่ต้องเป็นห่วง สำหรับข้าแล้ว สภาพอาการบาดเจ็บเช่นนี้ยังไม่ถือว่าสาหัสมาก”
เมื่อปีนั้นเพื่อเป็นการย้อนเวลาฟื้นคืนชีพเสี่ยวเจียงหมิง อย่าว่าแต่พลังชีวิตเลย ร่างเนื้อของเขาแหลกสลายเป็นฝุ่นผงโดยตรง เหลือเพียงญาณเทว แม้แต่ตัวหยั่งรู้ก็แตกสลายไปด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกับสภาพอาการบาดเจ็บ ณ ขณะนั้น สภาพอาการบาดเจ็บในครั้งนี้ดีกว่าไม่น้อยเลย
เมื่อเสิ่นปิงหยูได้ยินหลัวซิวพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ ๆ นางก็รู้สึกเจ็บใจอย่างยิ่ง หากสภาพอาการบาดเจ็บเช่นนี้ยังไม่ถือว่าสาหัสมาก แล้วต้องเป็นสภาพอาการบาดเจ็บเช่นใดถึงจะเรียกว่าสาหัส?
นางอดไม่ได้ที่จะคิดว่าแม้แต่สภาพอาการบาดเจ็บที่เกือบตายเช่นนี้ หลัวซิวยังไม่ใส่ใจเลย จึงแสดงให้เห็นว่าเขาต้องเคยได้รับบาดเจ็บที่สาหัสกว่านี้แน่นอน ตกลงมีความทุกข์ทรมานที่น่ากลัวเกิดขึ้นบนตัวเขามากี่ครั้งแล้ว?
จู่ ๆ ดูเหมือนเสิ่นปิงหยูจะเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้วว่าเหตุใดหลัวซิวที่อยู่ในหมู่วัยรุ่นยุคเดียวกัน เขาถึงสมบูรณ์แบบเช่นนี้ เนื่องจากสิ่งที่เขาเคยประสบพบเจออยู่เหนือการจินตนาการของผู้คนมาก ครั้งนี้พวกพระโอรสจ้านเทียนไม่สามารถสังหารเขาได้ อนาคตก็ยิ่งไม่สามารถเทียบเคียงกับเขาได้
“เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้เล่า? นี่ยังใช่เทพธิดามหาวาลที่เย็นชาดั่งเทพธิดาอยู่อีกหรือ?”หลัวซิวเห็นว่ามีเม็ดน้ำตาที่พร่างพราวไหลออกมาจากหางตาเสิ่นปิงหยู จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดหยอกล้อคำหนึ่ง
“เจ็บเช่นนี้แล้ว ท่านยังมีอารมณ์มาหยอกล้อข้าอีกหรือ?”เสิ่นปิงหยูดึงสติกลับมาได้ ทำเสียงหึอย่างอ่อนช้อยทีหนึ่ง ก่อนจะหันหน้ากลับไปเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาทิ้ง
นางทราบอยู่ว่าเมื่อครู่ตนเสียสติไปหน่อย ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ภาพจำที่คนนอกมีต่อนางนั้น นางเป็นผู้ที่เย็นชาดั่งภูเขาน้ำแข็ง เย็นเยือกและเงียบเหงาดั่งเทพธิดามาโดยตลอด นางตั้งใจฝึกตนมาตั้งแต่เด็ก ต่อสู้เพื่อเลื่อนระดับอย่างสุดชีวิต ก็เพราะนางรู้อยู่ว่าโลกใบนี้ผู้แข็งแกร่งเป็นเจ้า ในฐานะที่เป็นสตรีนางหนึ่ง นางมีเพียงทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ถึงจะสามารถปกป้องตัวเองได้
แต่มีเพียงตัวนางเองเท่านั้นที่รู้ว่าบุคลิกภายนอกของนางดูแข็งแกร่ง แท้จริงแล้วจิตใจนางเป็นคนเปราะบางคนหนึ่ง เป็นสตรีที่หวาดระแวงตลอดเวลา
ทว่าเมื่ออยู่ข้างกายหลัวซิว นางกลับรู้สึกปลอดภัยมาก ยิ่งกว่านั้นคือเมื่อครู่นางเกิดอารมณ์ชั่ววูบที่อยากกอดหลัวซิวเอาไว้ เนื่องจากนางรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ข้างกายเขา ดังนั้นนางจึงอยากปลอบใจทำให้หลัวซิวรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้างเช่นกัน
มากกว่านั้นคือนางหวังว่าหากพวกเขาทั้งสองได้อยู่เคียงข้างกันอย่างวินาทีนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ต่อให้ต้องเร่ร่อนพเนจรอยู่ในห้วงดาราชั่วชีวิต นางก็ยอม