มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2547
“ไอ้แก่ มึงอยากตายหรือ?”มีจิตสังหารทะลุออกมาจากดวงตาหลัวซิวเช่นกัน เขาลุกตัวขึ้นกะทันหัน สายตากวาดมองเหล่าผู้อาวุโสตระกูลมู่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “ที่กูเดินทางมาในครั้งนี้ กูไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับตระกูลมู่ของพวกมึง ที่นี่เป็นอาณานิคมของตระกูลมู่พวกมึงก็จริง ถ้าเกิดตระกูลมู่พวกมึงจะพูดคุยกันด้วยเหตุผล แซ่หลัวก็จะพูดคุยเหตุผลกับพวกมึง ถ้าเกิดพวกมึงไม่อยากคุยด้วยเหตุผล เช่นนั้นแซ่หลัวก็ขอตัวก่อน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง หลัวซิวก็สะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากสำนัก
“ไอ้เดรัจฉาน มึงคิดว่ามึงจะหนีรอดหรือ?”
การกระทำดังกล่าวของหลัวซิว ทำให้มู่เต๋อหนานยืนยันได้แล้วว่าเขามีสิ่งที่หวาดกลัว กลัวเพราะขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง
ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นว่าหลัวซิวจะจากไป มู่เต๋อหนานจึงตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว ระงับจิตสังหารในใจไม่ได้อีกต่อไป ลงมือโจมตีโดยตรง มือเปลวไฟใหญ่ข้างหนึ่งขยำไปทางหลัวซิว
หลัวซิวยังคงมุ่งหน้าเดินออกไปอยู่เช่นเคย ราวกับสังเกตไม่เห็นเลยด้วยซ้ำว่ามู่เต๋อหนานลงมือต่อตนเอง
มีรอยยิ้มที่เยือกเย็นปรากฏบนใบหน้ามู่เต๋อหนาน จากผลการฝึกตนระดับจักรพรรดิเทพของเขา การที่จะสังหารผู้น้อยที่มีผลการฝึกตนมกุฎเทพกระจอก ๆ คนหนึ่งนั้น มันก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากเลยไม่ใช่หรือ?
ในส่วนของเรื่องที่ว่าบนตัวหลัวซิวมีสมบัติที่เก่งกาจนั้น เมื่ออยู่ภายใต้ระยะห่างที่ใกล้กันขนาดนี้ และตัวก็เองลงมือโจมตีกะทันหันอีก เขาไม่มีโอกาสที่จะได้ปลดปล่อยพลังใด ๆ ออกมาได้เลยด้วยซ้ำ!
คาดิสลาร์ที่กำลังยืนหันหลังให้เหล่าพวกอาวุโสตระกูลมู่ก็ยิ้มเช่นกัน แต่ทว่ารอยยิ้มของเขากลับดูดุร้ายอย่างยิ่ง ออร่าที่โหดร้ายโหดเหี้ยมค่อย ๆ แผ่กระจายออกมาจากร่างกายเขา
ถึงแม้จะไม่ใช้ทั้งตัวสำนึกและผลการฝึกตน แต่จากร่างญาณอันแข็งแกร่งที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาจากตรีภพของเขา นั่นก็เป็นการคงอยู่อันน่าสยดสยองที่สามารถสังหารมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับหกให้ตายได้อย่างง่ายดายเชียวนะ!
เมื่อมีเขาอยู่ด้วย อย่าว่าแต่ตระกูลมู่เลย ต่อให้เป็นสำนักจักรพรรดิมรณะที่มีมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิคุ้มกันรักษา หลัวซิวก็ไม่นำมาไว้ในสายตาเช่นกัน
“หยุด!”
ในขณะที่คาดิสลาร์กำลังจะลงมืออยู่นั้น มู่กงหมิงก็ตะคอกเสียงดังลั่น โบกมือเสกรัศมีเทวสีฟ้าน้ำแข็งออกมา ต้านทานมือเปลวไฟใหญ่ของมู่เต๋อหนานเอาไว้
มู่กงหมิงแตกต่างจากมู่เต๋อหนาน เขาอยู่ในสายเชื้อสายตรง เวลานี้หากปล่อยให้มู่เต๋อหนานลงมือต่อหลัวซิวตามใจชอบละก็ เช่นนั้นระหว่างตระกูลมู่และเผ่าจี้ ต้องมีศึกสงครามที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ถึงแม้หลัวซิวจะไม่ใช่คนในเผ่าจี้ก็ตาม แต่ทว่าเผ่าจี้เคยบอกไม่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นว่าหลัวซิวเป็นสหายของเผ่าจี้ และยิ่งมีพระคุณต่อเผ่าจี้ มิหนำซ้ำนายแห่งเผ่าจี้บรรลุเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้ว ตระกูลมู่จึงรุกรานฝ่ายตรงข้ามง่าย ๆ ไม่ได้อยู่แล้ว
หลัวซิวยังคงทำตัวราวกับไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหลังยังไงอย่างนั้น ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไปจากสำนักแห่งนี้อยู่นั้น จู่ ๆ มู่กงหมิงก็ตะโกนพูดว่า: “ท่านชายหลัวโปรดยั้งเท้าก่อน!”
“ผู้อาวุโสกงหมิงมีอะไรจะพูดหรือ?”หลัวซิวหยุดฝีเท้า แล้วหันหน้ากลับไปมอง
“อย่างไรเสียช่าวหวงก็เป็นหลานชายของผู้อาวุโสเต๋อหนานอยู่ เขาจึงเสียสติไปหน่อย หวังว่าท่านชายหลัวจะเข้าใจนะขอรับ ส่วนเรื่องของช่าวหวงนั้น ตระกูลมู่ของข้าก็ไม่โทษท่านชายเช่นกัน เขาจะสังหารท่านชาย แต่กลับถูกท่านชายสังหาร นั่นมันเป็นความไร้ความสามารถของตัวเขาเอง”
มู่กงหมิงเอ่ยปากอธิบายประโยคหนึ่ง จากนั้นก็พูดอีกว่า: “ได้ยินมาว่าจื่อเซียวได้เซ็นใบแสดงหนี้ฉบับหนึ่งไว้กับท่านชาย ไม่ทราบว่าท่านชายได้พกมาด้วยหรือไม่?”
หลัวซิวไม่ได้พูดอะไร ยกมือโบกทีหนึ่ง กระดาษเหลืองแผ่นหนึ่งจึงบินไปทางมู่กงหมิง
เขาไม่กลัวมู่กงหมิงลงมือทำลายใบแสดงหนี้แผ่นนี้ จากนั้นค่อยตีหน้าซื่อไม่ยอมจ่าย หากตระกูลมู่กล้าทำเช่นนั้นจริง ๆ เขามีวิธีการอีกมากมายเลยที่สามารถทำให้ตระกูลมู่คายของที่มากกว่านี้ออกมา
มู่กงหมิงออกไปรับ อ่านใบแสดงหนี้รอบหนึ่ง ยืนยันว่าด้านบนมีออร่าตราประทับของมู่จื่อเซียวจริง ๆ จึงรีบพูดว่า: “ในเมื่อมีใบแสดงหนี้เป็นหลักฐาน ก็ต้องมอบยาเซียนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ต้นนี้ให้ท่านชายอยู่แล้ว ท่านชายโปรดรอสักครู่นะขอรับ”
มู่กงหมิงก็เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมาก ๆ เช่นกัน หลังจากสิ้นเสียง เขาก็สั่งให้ผู้อาวุโสระดับจ้าวมหาเทพคนหนึ่งมุ่งหน้าไปยังคลังสมบัติ ไปเอาต้นยาเซียนมา