มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2560
แต่ทว่าโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดกลับแตกต่างกัน ระหว่างโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดและห้วงดาราของมหาโลกาพันสาม มีพื้นโลกปริภูมิคอยขวางกั้นอยู่ เงื่อนไขพื้นฐานคือจำเป็นต้องมีศักยภาพอยู่ที่เทพมารระดับเจ็ด ถึงจะสามารถฉีกกระชากพื้นโลกปริภูมิที่ขวางกั้นอยู่ออกไปได้
ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด มีค่ายกลฉีกกระชากปริภูมิคงอยู่จำนวนมาก เพราะฉะนั้นการที่ผู้คนในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดอยากข้ามทะลุพื้นโลกปริภูมิมายังมหาโลกาพันสามนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมาก ๆ แต่ถ้าจะกลับไปละก็ ก็มีการช่วยเหลือจากฮู้และค่ายกลต่าง ๆ ที่สามารถฉีดกระชากพื้นโลกปริภูมิได้เช่นกัน
ทว่าคนที่อยากเดินทางจากมหาโลกาพันสามไปยังโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดนั้นกลับทำได้ยากลำบากมาก นอกเสียจากว่ามีผู้คนในโลกมหาศักดิ์นำทาง เช่นนั้นก็ทำได้เพียงใช้วิธีการอื่น ๆ มาทำลายพื้นโลกปริภูมิ
หลัวซิวยังไม่เคยได้ยินเส้นทางดาราที่เชื่อมทะลุห้วงดาราสองแห่ง เขาอยากรู้มาก ๆ ว่าตกลงผู้ใดกันแน่ที่มีความชำนาญอันยอดเยี่ยมขนาดนี้ สร้างเส้นทางดาราที่เชื่อมทะลุห้วงดาราสองแห่งให้ถึงกันออกมา จุดประสงค์คืออะไรกันแน่?
อย่างน้อยบัดนี้สิ่งที่หลัวซิวพอจะสามารถยืนยันได้คือ มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิอยากบุกเข้าไปในเขาดึกดำบรรพ์ เพราะอยากข้ามผ่านเส้นทางดาราเพื่อมุ่งหน้าไปยังโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดแน่นอน
ตั้งแต่ออกจากสำนักจักรพรรดิมรณะเป็นต้นมา หลัวซิวก็สลัดความคิดที่จะไปตามหาเขาดึกดำบรรพ์ในมหาโลกะดึกดำบรรพ์ทิ้ง อดีตเขาไม่ทราบการคงอยู่ของเส้นทางดาราก็แล้วไป บัดนี้ในเมื่อทราบแล้ว จึงแสดงให้เห็นเลยว่าเขาดึกดำบรรพ์ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เขาจินตนาการ
ถึงแม้ลาร์จะเป็นเทพมารระดับเจ็ด ทว่าเนื่องจากการพันธนาการของมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาล ทำให้เขาไม่สามารถใช้ผลการฝึกตนและตัวสำนึก เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ใช้ได้เพียงพลังร่างเนื้อ ใช่ว่าเขาจะสามารถทำถึงขั้นเป็นผู้ไร้เทียมทานได้เสมอไป
หลัวซิวไม่มีทางไปทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจง่าย ๆ อีกทั้งยาเซียนระดับหกที่เขารวบรวมมาได้นั้นก็มีพอประมาณแล้ว วัตถุดิบของโอสถเวทย์อลวนก็ครบแล้วด้วย มาตรแม้นว่าเป็นหนึ่งในยาหลักอย่างผลเต๋าเคล็ดดารา ในแหวนเก็บของที่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิให้เขาก็มีหนึ่งต้นพอดี
หลัวซิวไม่ได้รีบย้อนกลับไปยังยอดอัมพร แต่เป็นการเดินทางไปนิรยะเพชฌฆาตบนดาราเมฆาทมิฬรอบหนึ่ง เขาจะทำให้อัคคีเทพซิวหลัวชีวียกระดับถึงอัคคีเทพระดับมหาจักรพรรดิในนิรยะเพชฌฆาต
ร่างเนื้อของคาดิสลาร์เทียบทัดอาวุธเทพระดับเจ็ด จึงสามารถต้านทานการแผดเผาของอัคคีเทพระดับหกได้อย่างง่ายดาย ยิ่งกว่านั้นคือเมื่ออยู่ภายใต้การแผดเผาจากอัคคีเทพระดับเจ็ด เขาก็สามารถอดทนได้ระยะหนึ่งด้วย
หลัวซิวให้เขาเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของนิรยะเพชฌฆาต ข้ามผ่านเขตแดนที่ถูกอัคคีเทพระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ผนึก พบว่ามีอัคคีเทพระดับเจ็ดที่ไร้ขอบเขตตลบฟุ้งอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของนิรยะเพชฌฆาต!
อัคคีเทพระดับเจ็ดบรรลุถึงระดับของพลังเกณฑ์แล้ว และกฎเทียนเต้าในห้วงดาราที่มหาโลกาพันสามคงอยู่นี้ไม่สมบูรณ์แบบ หากพูดตามหลักแล้วไม่มีทางมีพลังเกณฑ์อัคคีเทพระดับเจ็ดปรากฏ
นี่จึงทำให้หลัวซิวตระหนักได้ว่านิรยะเพชฌฆาตน่าจะเป็นโบราณสถานที่ผู้แข็งแกร่งบางคนทิ้งไว้ และสถานการณ์ของเขาผีเก้าก็น่าจะไม่ค่อยต่างอะไรจากนิรยะเพชฌฆาตเช่นกัน
ในเขตแดนของอัคคีเทพระดับหก คาดิสลาร์เจอวัตถุดิบสมบัติจำนวนมากที่สามารถทำให้อัคคีเทพเลื่อนขั้นยกระดับ
เวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หลังจากผ่านไปครึ่งปี เปลวไฟสีม่วงดำทั้งหลายก็พรั่งพรูออกมาจากรูขุมขนทั้งหมดของหลัวซิว อัคคีเทพชีวีของเขาทลายพันธนาการสำเร็จ บรรลุถึงระดับอัคคีเทพระดับมหาจักรพรรดิ
ถึงแม้อัคคีเทพระดับมหาจักรพรรดิจะแตกต่างจากอัคคีเทพระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ไม่น้อย แต่ถ้าเกิดนำมันมากลั่นแปรยาเซียนระดับหก แม้นจะค่อนข้างเปลืองเวลาและเปลืองแรง แต่ก็เพียงพอแล้ว
“ถึงเวลาเปิดเตากลั่นยาแล้วล่ะ!”รัศมีเทวอันแวววาวในดวงตาทั้งสองข้างขึ้น ๆ ลง ๆ หลัวซิวหยิบแหวนเก็บของออกมาหนึ่งวง และสิ่งที่เก็บอยู่ในแหวนเก็บของก็คือวัตถุดิบทุกอย่างที่ใช้ในการกลั่นโอสถเวทย์อลวน