เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน – ตอนที่ 23

ตอนที่ 23

23…

หลิ่วเจินประเมินอยู่รอบหนึ่ง ไอ้การกระทำแบบผลักกันไปผลัก กันมาเช่นนี้ ประมาณได้ว่าต่อให้ฟ้ามืดแล้ว ก็คงเล่นกันไม่เลิก หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายหยิบเงินขึ้นมาและเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เช่น นั้นพวกเราจะรับไว้ก็แล้วกัน”

กู้หรูเฟิงอ้าปากจะคัดค้าน ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอันใด ออกมา แล้วหันไปเอ่ยกับอย่างสุภาพ “เช่นนั้นก็ ขอบคุณมาก”

แบบนี้ทำเอาเซียงเช่าไง่งมไปเล็กน้อย เพราะมันไม่ตรง กับบทพูดที่เตรียมมา ครั้นแล้วแม่นางน้อยจึงถลึงตาใส่หลิ่วเจิ นอย่างบางทีอาจเป็นเพราะเคยมาเมื่อคราว ก่อน ลงท้ายแล้วจึงไม่พูดอันใด เพียงแต่เอ่ยว่า “ข้าวของมี มากไปสักหน่อย ข้ากลัวว่าถือไปแล้วจะทำหล่นพื้น จึงขอ รบกวนพี่สาวเอาไปส่งพร้อมข้า”

น้ำเสียงที่รียกพี่สาวเนี่ย มันทั้งหวานทั้งเลี่ยน ทั้งยังเผย นัยแอบแฝงอยู่ด้วย หลิ่วเจินรู้สึกหนาวเยือก ทอดมองกระดาษ แผ่นบางสองสามแผ่นในมืออีกฝ่าย แล้วรับเอามาถือไว้เอง

กู้หรูเฟิงค่อนข้างวิตกอยู่บ้าง เรื่องของเรื่องก็คือ สองคนนี้ เคยทะเลาะกันมาก่อน เขาเลยกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง ชายหนุ่มหัวคิ้วขมวด พลางเอ่ยขึ้น “หรือว่า ให้ข้าไปส่งดีหรือ ไม่”
เชียงเช่าสุดแสนยินดีปรีดาแทบจะร้องตะโกนก้อง หลิว เงินไม่อาจเห็นนางสมใจได้ จึงสายหน้าหวือ “ท่านเขียนอักษร มาทั้งวัน ย่อมเหน็ดเหนื่อยกว่าปกติเป็นแน่ เชียงเช่าคงไม่ เต็มใจให้ท่านเหน็ดเหนื่อยอีกหรอก”

หลุมก็ขุดไว้แล้ว ถึงไม่อยากโดดก็ต้องโดดลงไปแล้วล่ะ เชียงเข่าพยักหน้าอย่างฝืนใจสุดแสน รอยยิ้มฝึดเฝื่อนเต็มที “พี่หรูเฟิงทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว ทำเช่นนี้จะเป็นการรบกวน ขอพักผ่อนมาก ๆ เถิด ”

หลิ่วเจินไม่อยากได้ยินนางพูดอีกต่อไป จึงเดินนำออกมา ทันที เชียงเช่าจำต้องรีบสาวเท้าตามไปติด ๆ และในที่สุดสตรี ทั้งสองก็ไปด้วยกัน ต่อให้อีกฝ่ายเป็นพียงแค่เด็กผู้หญิง พลัง ทำลายล้างนับว่ามากมายเหลือคณานับ

หญิงสาวไม่อยากสนทนากับเซียงเช่ามากนัก ดังนั้นจึง ปิดปากแน่น แล้วเดินจำอ้าวอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งอีกฝ่ายไว้เบื้อง หลัง หลายครั้งที่เชียงเช่าพยายามหาทางคุยด้วย แต่ก็ไม่เป็น ผล

พอเห็นอีกฝ่ายจวนจะถึงประตูบ้านของผู้ใหญ่บ้านแล้ว เชี ยงเช่าจึงสาวท้าวยาวขึ้นกว่าเดิม แล้ววิ่งตรงดิ่งมาอยู่ตรงหน้า หลิ่วเจิน พลางพูดเสียงขรึมหน้าตาจริงจัง “หลบหน้า 1 วันนะ หลบได้ แต่หลบไปไม่ได้ตลอด 15 วันแน่ ยามนี้เจ้าได้ตัวพี่หรู เฟิงไปครอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ตลอดไป”

ดอกกลับได้เจ็บแสบชะมัด แม่นางน้อยผู้นี้รู้ดีจริง ๆ ว่า ควรจะจ้วงมืดลงตรงไหนถึงจะเจ็บปวดที่สุด
หลิ่วเจินไม่สนใจคำพูดของผู้อื่น ว่าจะทำให้ตนเองมี บาดแผลเพียงไร? ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้า “ก็เห็นอยู่หรอกว่าเจ้าชอบเขาออกนอกหน้า แต่ถึงขอบแล้วจะมี ประโยชน์อันใด ในเมื่อเขาแต่งงานกับข้าแล้ว”

แม้จะพูดว่าไม่ชอบต่อล้อต่อเถียงกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่โกรธนี้

เซียงเซ่ากระอักด้วยความเจ็บใจ นางจึงเอ่ยด้วยความขุ่น เดือง “หากไม่ใช่เพราะเจ้าเอายาใส่ในน้ำชาของพี่หรูเฟิง แล้ว ลงไปนอนในอ้อมแขนเขา ใหญ่เขาจะต้องมารับผิดชอบเจ้าล่ะ?”

“ถูกล่ะ ถูกล่ะ ที่แรกข้านอนลง ในอ้อมกอดเขา ต่อมาเรา สองคนก็นอนด้วยกันทุกวันเลย

ในเมื่อนอนในอ้อมกอดเขาครั้งแรก เขาก็รับผิดชอบไป แล้ว เช่นนั้นแล้ว…เราสองคนก็เลยนอนด้วยกันยาว ๆ ไปเลยล่ะ แล้วความรับผิดชอบจะไม่สูงกว่าท้องฟ้าและลึกกว่าทะเลได้ อย่างไรเล่า?”

หลิ่วเจินเอ๋ยด้วยรอยยิ้มเต็มเปี่ยม นางและกู้หรูเฟิงได้ ปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้ว หลังปีใหม่นี้พวกเขาจะแยกทาง กัน อันที่จริงระหว่างคนทั้งสองคน ก็ไม่ได้มีความผูกพันจนเกิน ไปนัก

หลังจากแยกทางกัน กู้หรูเฟิงจะไปคบกับใครที่ไหนก็ได้ ตามใจเขา ทว่ายามนี้นางยังอยู่กับเขา หากเซียงเช่าแอบชอบ เขาเงียบ ๆ คงไม่มีใครว่าอะไรนาง ถึงอย่างไร ก็คงชอบอย่างแต่ไอ้ที่วิ่งแจ้นมาคอยมองหา คอย แสดงความรู้สึก ต่อหน้าต่อตาตนนี้ มันทำให้ผู้คนปวดหัวนัก

ออกหน้าออกตาไม่ได้

หลิ่วเจินไม่ขอบเซียงเข่า ไม่ใช่เพราะนางชอบกู้หรูเฟิง

ทว่าเพราะนางเอาแต่คิดจะยึดทุกสิ่งทุกอย่างที่นางคิดว่าควรจะ เป็นของนาง และคอยเผด็จการชีวิตผู้อื่น คนเช่นนี้จะไม่มีทาง ได้รับการต้อนรับตลอดไป

ยามที่แม่นางน้อยตกตะลึงตาค้างไปชั่วขณะ หญิงสาวจึง ตัดสินใจเดินปลีกตัวออกมา แล้วเข้าไปในบ้านเพื่อเอาของไป ส่งมอบให้ผู้ใหญ่บ้าน ต่อหน้าผู้อาวุโส อย่างน้อยเชียงเช่าคง ทำตัวเรียบร้อยอยู่บ้างล่ะนะ

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

แคว้นอันเป็นแคว้นที่ได้ชื่อว่าเป็นปึกแผ่นมั่นคง และมั่งคั่ง อย่างที่สุด แต่เรื่องทั้งหมดนี้ หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับชาว บ้านในแถบหุบเขาต้าชานเลย หุบเขาอันสลับซับซ้อนนี้ เป็นที่หลบซ่อนของบรรดานกและ สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คน แทบไม่กล้าเข้าไปเยือน แม้กระทั่งพรานป่าฝีมือฉมัง ก็ยัง ต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคนบ้าง สามคนบ้าง บาง ครั้งบางคราพวกเขาอาจต้องฝังร่างไว้ในปากของเหล่า หมาป่า ดังนั้นผู้คนที่กล้าย่างกรายเข้าไปจริง ๆ จึงมีน้อย เสียยิ่งกว่าน้อย บรรดาชาวบ้านที่ตั้งรกรากในแถบเชิงเขา ต่างต้องดิ้นรน หาเลี้ยงชีพ ส่วนใหญ่พึ่งพิงผืนดินเนื้อที่ไม่กี่หมู่เพื่อเลี้ยง ดูคนทั้งครอบครัว กล่าวได้ว่าหากผู้ใดไม่ทำไร่ ก็ย่อมไม่มี กิน ถึงกระนั้น พืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ส่วนใหญ่ ยังต้องถูกแบ่ง ไปจ่ายภาษีอีกปีไหนจะมีกินหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์ เมตตาเป็นสำคัญ อีกไม่ช้า ก็จะถึงเวลาหิมะตกหนักปกคลุมหุบเขาอีกครา แต่ละครอบครัวล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ปัญหาการ ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ลามเลียไปทั่วทุกหย่อม หญ้า “ลองคิดดูสิ เมื่อถึงยามหิมะปกคลุมไปทั่วภูเขา เรา จะไม่มีอะไรยาไส้ไปสามถึงสี่เดือนเลยนะเพลานี้ทั้งบ้าน เหลือข้าวอยู่เพียงครึ่งไห แล้วอย่างนี้จะอยู่รอดต่อไปไหว รี ท่านก็เอาแต่วาดรูปอยู่นั่นแหละ กู้หรูเฟิง…ท่านจะทำตัว เป็นคุณชายตระกูลสูงไปถึงไหน!” ฝ่ายหญิงตวาดแว้ด พลางกวาดกระดาษและแท่นหมึกบนโต๊ะลงพื้นจนน้ำหมึก สาดกระเซ็นไปทั่ว มิหนำซ้ำแท่นหมึกยังแตกกระจายเป็น เสี่ยงๆอีกด้วย บุรุษร่างผอมบาง มีนามว่ากู้หรูเฟิง เขามีใบหน้าซูบ ขาวซีด แถมบนใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นเด่นชัด ซึ่งมี ลักษณะเป็นเส้นสายสีดำตั้งตรง แต่ถึงกระนั้นที่หว่างคิ้วยัง ปรากฏความสง่างาม ให้เห็นอยู่รางๆ เมื่อชายหนุ่มเห็นข้าวของที่ถูกกวาดกระจายลงพื้น ให้รู้สึกปวดใจนัก ใคร่อยากจะเก็บขึ้นมา ทว่าในเสี้ยวเวลา นั้น ความปวดร้าวเสียดแทงพลันวาบขึ้นมาบนขา ประหนึ่ง ถูกเข็มที่มแทงนับพันเล่ม ทำให้ชายหนุ่มอดนิ่วหน้าไม่ได้ แต่ทั้ง ๆ ที่เจ็บปวดสุดแสน ก็ยังสามารถมองเห็นเค้าหน้า หล่อเหลาคมคายนั้นได้ องคาพยพทั้งห้าก็แสนวิจิตร ซึ่ง เป็นความงดงามที่ไม่ควรปรากฏให้เห็นในหมู่บ้านชายขอบ แห่งนี้เลย ชายหนุ่มหายใจหอบ “ข้าคิดวาต 2 ภาพนี้ แล้วจะ ลองเอาไปเร่ขายดู เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้ออาหารได้ บ้าง” หญิงสาวส่งสายตาดูแคลนไปให้ “ภาพวาดนี่มี ประโยชน์อันใดรี? เอาไปกินเอาไปดื่มก็ไม่ได้ ซ่างโง่เง่าเต่า ตุ่นอะไรเยี่ยงนี้! ทำไมข้าถึงได้แต่งกับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่าง ท่านได้นะ? !” กู้หรูเฟิงมีสีหน้าหม่นหมอง คุณชายผู้สูงศักดิ์ ยาม นี้ช่างไร้ค่ายิ่งนัก เขาเอ่ยอย่างอัดอั้น “เช่นนั้นแล้ว ก่อน เจ้าแต่งให้ข้า ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าข้าทำไร่ไม่เป็น อีกทั้งยัง สุขภาพไม่ดี “ว่าอย่างไรนะ เอาแต่กล่าวหาข้า ตัวท่านเองก็ไม่ได้ ดีไปกว่ากันเลย ยังจะมาตำหนิข้าอีกรี?” ฝ่ายภรรยาทำหน้า นิ่วส่งสายตาเย็นชาไปให้เดิมทีนางได้ชื่อว่าเป็นคนอ่อน หวานน่ารักมาแต่กำเนิด แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาละก็ ดวงตา จะเหลือกขวาง ใบหน้าดูคล้ายนางมารร้ายข่างข่มขวัญ ผู้คนยิ่งนัก ชายหนุ่มก้มหน้า ด้วยความเบื่อหน่ายเหลือแสน “หากเจ้าอยากไปจากข้าข้าก็จะให้เจ้าไป” “เพ้ย ท่านนี่..วาจาเน่าเหม็นน่าละอายเช่นนี้ ก็ยัง กล่าวออกมาได้ ข้าแต่งให้ท่านแล้ว ร่วมเรียงเคียงหมอน กับท่านแล้ว ท่านจะให้ข้าแต่งออกไปกับใครได้อีกรี?! ” หญิง สาวแสนคับแค้นใจนางนั่งแปะลงบนพื้น พลางร่าไห้เสียง ดัง “สวรรค์ข่างไม่มีตาจริง ๆ ไยถึงส่งบุรุษไร้ค่าเช่นนี้มา เป็นสามีข้าด้วย? มิหนำซ้ำยังไม่รู้จักรับผิดชอบ แต่งกับข้า แล้ว ก็ยังทำผิดต่อข้า! ปล่อยให้ข้าอดมือกินมื้อ! ซ้ายังจะทิ้ง ข้าไปอีก ไม่แปลกใจเลยที่เห็นท่านมักชอบส่งสายตาให้เชี ยงเช่าที่ลานหลังบ้าน คิดจะหาคนใหม่ละสิ!” ฝ่ายภรรยาเอาแต่ร่ำไห้และพร่ำรำพันต่าง ๆนาๆ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วยาม ยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ผู้นั้นคือหลิ่วเจิน แน่นอน ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเธอ เพราะว่าเธออยู่ในรูปวิญญาณนั่นเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท