มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2565
“ผลการฝึกตนของผู้น้อยหลัวก็บรรลุแล้วหรือ? ช่างยินดีและน่าเฉลิมฉลองเสียจริง!”เมื่อนายแห่งเผ่าจี้เห็นหลัวซิว ก็ต้องสัมผัสออร่าผลการฝึกตนที่เปลี่ยนแปลงไปบนตัวเขาได้อยู่แล้ว จึงหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดังแล้วพูด
“นายแห่งเผ่าจี้ชมเกินไปแล้วขอรับ ข้าก็แค่บรรลุถึงแดนจ้าวมหาเทพเท่านั้นเอง เมื่อเปรียบเทียบกับแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ของนายแห่งเผ่าจี้แล้ว ก็ยังแตกต่างกันมาก”หลัวซิวยิ้มอย่างถ่อมตน แท้จริงแล้วระดับความยากในการบรรลุสู่จ้าวมหาเทพของเขาไม่น้อยกว่าความยากในการบรรลุสู่มหาจักรพรรดิยุทธ์ของนายแห่งเผ่าจี้เลย
“ผู้น้อยหลัวถ่อมตัวมากเกินไปแล้ว จากพรสวรรค์และศักยภาพของเจ้า ห้วงดาราของมหาโลกาพันสามเล็กเกินไป เวทีของเจ้านั้นคือโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดที่กว้างใหญ่มากกว่า”
นายแห่งเผ่าจี้อมยิ้ม จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่ามีคนสองคนยืนอยู่ข้างกายหลัวซิว คนหนึ่งคือดูดจิตที่กลายร่างเป็นมนุษย์ ส่วนอีกคนหนึ่งคือคาดิสลาร์ที่ร่างกายกำยำดั่งยักษ์จิ๋วหอเหล็ก
“นายแห่งเผ่าจี้ลืมข้าแล้วหรือ?”ดูดจิตอมยิ้มพลางถาม
“หรือว่าเจ้าเป็น……”นายแห่งเผ่าจี้รู้สึกคุ้นเคยต่อออร่าบนตัวดูดจิตเล็กน้อย แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเช่นกัน
“เขาคือดูดจิต เพิ่งบรรลุสู่แดนจักรพรรดิเทพ เพราะฉะนั้นจึงกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว”หลัวซิวยิ้มพลางตอบกลับ
มีความตะลึงเสี้ยวหนึ่งกระพริบผ่านไปในแววตานายแห่งเผ่าจี้ การที่หลัวซิวบรรลุสู่จ้าวมหาเทพรวดเร็วเช่นนี้นั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกค่อนข้างตะลึงแล้ว ไม่นึกเลยว่าสัตว์ที่ใช้ขี่ของเขาก็บรรลุถึงจักรพรรดิเทพเช่นกัน ช่วงหลายปีที่เขาอยู่ด้านนอกนี้ ตกลงเขาพบโชคโอกาสอย่างไรกันแน่?
“ข้าคือองครักษ์ของนายท่าน ท่านสามารถเรียกข้าว่าลาร์”คาดิสลาร์เป็นฝ่ายที่เอ่ยปากพูดก่อน หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าหลัวซิว เขาเบื่อที่จะสนใจเทพมารระดับหกขั้นปฐมภูมิเล็ก ๆ คนหนึ่งด้วยซ้ำ
นายแห่งเผ่าจี้ไม่เข้าใจศักยภาพของคาดิสลาร์ เนื่องจากบนตัวเขาไม่มีออร่าผลการฝึกตนเลยแม้แต่น้อย ทว่าสัญชาตญาณของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์กลับบอกกับเขาว่า องครักษ์คนนี้ของหลัวซิวไม่ธรรมดามาก ๆ
ถัดจากนั้น หลัวซิวก็นำคำพูดของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิบอกเล่าให้นายแห่งเผ่าจี้ฟัง เมื่อได้ยินว่าเขาดึกดำบรรพ์มีเส้นทางดาราที่สามารถเชื่อมไปสู่โลกมหาศักดิ์ทั้งแปด มีเพียงความแปลกใจเล็กน้อยเท่านั้นที่กระพริบผ่านไปในแววตานายแห่งเผ่าจี้ แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ อีก
โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดเป็นสถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ในมหาโลกาพันสามต่างใฝ่ฝัน แต่เดิมทีเผ่าจี้ก็มาจากโลกมหาศักดิ์อยู่แล้ว
“โยหมิงอยากร่วมมือกับข้าเพื่อบุกเขาดึกดำบรรพ์พร้อมกัน เรื่องนี้มันไม่มีผลดีต่อเผ่าจี้ของเราเลย”
นายแห่งเผ่าจี้แทบจะส่ายหน้าโดยที่ไม่มีความลังเลใจเลยแม้แต่น้อย การถ่ายทอดสืบสานของเขาดึกดำบรรพ์เก่าแก่มากที่สุด สามารถสืบสาวราวเรื่องกลับไปถึงเมื่อสามแสนล้านปีก่อน กองกำลังประเภทนี้มีภูมิฐานที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เกรงว่าเผ่าจี้ ณ ปัจจุบันก็คงเทียบเคียงไม่ได้
ทุกคนล้วนคิดว่าทุกยุคสมัยมีมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ผู้ใดกล้ารับประกันเล่าว่าในห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ไม่มีมหาจักรพรรดิยุทธ์คนอื่น ๆ? เขาดึกดำบรรพ์ก็ไม่มีมหาจักรพรรดิยุทธ์หรือ?
บางคนเป็นอัศวินที่มีอิทธิพลในโลกหล้า มีชื่อเสียงโด่งดัง และมีผู้แข็งแกร่งอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ใส่ใจชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านี้เลย ทว่ากลับไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านั้นไม่แข็งแกร่ง
อ้างอิงจากวิธีพูดของนายแห่งเผ่าจี้ เมื่อปีนั้นขณะที่เผ่าจี้ออกจากโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด ก็มีภูมิฐานหลงเหลืออยู่บ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือฮู้ระดับเจ็ดที่สามารถฉีดกระชากพื้นโลกปริภูมิทิ้ง
สักวันหากเผ่าจี้สะสมภูมิฐานและศักยภาพจนเพียงพอแล้ว ก็จะสามารถอาศัยพลังฮู้ฉีกกระชากพื้นโลกปริภูมิ ให้เผ่าจี้กลับไปเยือนฟ้าดินที่กว้างใหญ่อย่างโลกมหาศักดิ์อีกครั้ง!
หลัวซิวไม่ได้รู้สึกแปลกใจต่อเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก จากความเป็นมาของเผ่าจี้ การที่จะมีฮู้ระดับเจ็ดนั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติอยู่
ในมหาโลกาพันสาม ฮู้ประเภทนี้ล้ำค่าอย่างยิ่ง แต่ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด ฮู้ระดับเจ็ดกลับเป็นของที่ปกติมาก
“ข้าวางแผนที่จะเดินทางไปวังเทียนหมิงหนหนึ่ง”จู่ ๆ หลัวซิวก็เอ่ยปากพูด
รูม่านตานายแห่งเผ่าจี้หดลง “เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ได้ล้อเล่นกับข้า? อย่าว่าแต่เจ้าบรรลุถึงแดนจ้าวมหาเทพเลย แม้แต่ข้าที่กลายเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้วก็ไม่กล้าเข้าไปอีก”