มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2570
“เจ้ามันจองหองมากเกินไปหรือเปล่า? เราไม่ได้ทำอะไรเจ้าสักหน่อย เจ้ามีสิทธิ์อะไรให้เราไสหัวไปหรือ?”
ลักษณะท่าทีและความเผด็จการของชายชุดแพร ทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ รู้สึกไม่พอใจ ถึงแม้คนจำนวนมากต่างไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ตาม แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ยอมกล้ำกลืนฝืนทนเช่นกัน
“ไอ้ตัวไม่รู้จักความเป็นความตาย!”
ชายชุดแพรทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง จิตสังหารที่อยู่ในแววตาเข้มงวด ก่อนจะยกมือโบกทีหนึ่ง แสงมืดดวงหนึ่งก็บินออกไป แล้วพุ่งตรงไปยังคนที่พูดในเมื่อครู่นี้
ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับหลัวซิวก็ตาม แต่ลักษณะท่าทีที่จองหองพองขนของชายชุดแพรนั่น ก็ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจอยู่ดี เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามให้ทุกคนไสหัวไป ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมไปถึงตัวหลัวซิวด้วย
อีกทั้งเขาได้ยินว่าชายหนุ่มที่ถูกตบจนกระเด็นออกมามีนามว่าลู่จื่อโม่? เขาแซ่ลู่ หรือว่าในโลกใบนี้มันมีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้จริง ๆ?
วินาทีนี้เมื่อเห็นว่าชายชุดแพรจะลงมือสังหารผู้อื่นเพราะพูดไม่ถูกคอ หลัวซิวจึงดีดนิ้วทีหนึ่ง ชี่จิ้งดวงหนึ่งก็ทำการโจมตีแสงมืดดวงนั้นจนแตกสลายกลางอากาศ
ชัวะ!
แววตาอันเยือกเย็นของชายชุดแพรได้ผนึกมาที่หลัวซิวภายในพริบตา เขม็งมองเขาอย่างเยือกเย็นพลางพูด: “บังอาจเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของกูสวี่จงหยิง มึงกล้าหาญไม่น้อยเลยนี่!”
“ผลการฝึกตนจ้าวมหาเทพขั้น 1 กระจอก ๆ ก็บังอาจปากดีต่อหน้ากู มึงก็กล้าหาญไม่น้อยเลยนี่”หลัวซิวยิ้มอ่อน ตัวละครเล็ก ๆ อย่างฝ่ายตรงข้าม ไม่มีสิทธิ์ถูกเขานำไปไว้ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
คาดิสลาร์เบ้ปาก เขาเบื่อที่จะสนใจตัวละครเล็ก ๆ ประเภทนี้
มีรอยยิ้มที่เยือกเย็นปรากฏตรงมุมปากดูดจิต หลัวซิวเป็นนายท่านของเขาและลาร์ เมื่อเจอปัญหาจะปล่อยให้นายท่านลงมือง่าย ๆ ไม่ได้อยู่แล้ว ในเมื่อไม่มีสิทธิ์ให้ลาร์ลงมือ เช่นนั้นเขาก็ต้องเป็นผู้ลงมืออยู่แล้ว
“บังอาจจาบจ้วงนายท่าน รนหาที่ตาย!”
ดูดจิตพุ่งตรงเข้าไปภายในพริบตา ง้างมือแล้วกระชากตัวชายชุดแพรขึ้นมาโดยตรง
ผลการฝึกตนของดูดจิตในปัจจุบันคือจักรพรรดิเทพแล้ว จ้าวมหาเทพขั้น 1 กระจอก ๆ คนหนึ่งที่อยู่ต่อหน้าเขาก็เหมือนมดตัวจ้อยชัด ๆ ภายใต้การกดอัดจากอาณาจักรดูดจิต ชายชุดแพรไม่สามารถกลอกตาได้เลยด้วยซ้ำ ร่างกายเหมือนถูกผนึกไว้ยังไงอย่างนั้น ขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ในสายตาของผู้คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ชายชุดแพรไม่สามารถต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย ถูกดูดจิตบีบคอไว้แล้วกระชากขึ้นมา
“อย่าเพิ่งฆ่ามัน ข้ามีเรื่องจะถาม”หลัวซิวค่อย ๆ เอ่ยปากพูด
เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวซิว ดูดจิตจึงเก็บจิตสังหารกลับไป ก่อนจะสลัดมือโยนชายชุดแพรไว้บนพื้น
วินาทีนี้บนใบหน้าของชายชุดแพรไม่มีความจองหองพองขนอย่างเมื่อครู่นี้ตั้งนานแล้ว ตกใจจนเหงื่อแตกท่วมตัว
“ท่านผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิตด้วย ท่านผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิตด้วยขอรับ……”เข่าทั้งสองข้างของเขาอ่อนแรงคุกเข่าลงบนพื้น ก้มกราบหลัวซิวรัว ๆ ขอร้องวิงวอนให้ไว้ชีวิต
ลู่จื่อโม่ผงะไปแล้ว ผู้คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็ผงะไปเช่นกัน นี่ยังใช่ชายหนุ่มที่จองหองพองขนถึงขีดสุดในเมื่อครู่นี้อีกหรือ? ความแตกต่างก่อนและหลังที่ชัดเจนขนาดนี้ ทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ยอมรับในทันทีไม่ได้จริง ๆ
“หุบปาก!”หลัวซิวตะคอกอย่างเยือกเย็น ชายชุดแพรจึงรีบหุบปาก ไม่กล้าหายใจแรงเลยด้วยซ้ำ ทว่ายังคงก้มกราบรัว ๆ อยู่เช่นเคย
หลัวซิวไม่ได้สนใจเขา หันหน้ามองไปทางลู่จื่อโม่ ก่อนจะกวักมือพลางพูด: “เจ้ามานี่หน่อย ข้ามีคำถามจะถามเจ้า”
ลู่จื่อโม่เดินตรงเข้ามาอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย ก้มคำนับคารวะให้หลัวซิว “ท่านผู้อาวุโสเชิญถามได้เลยขอรับ ผู้น้อยจะตอบทุกอย่างเลยขอรับ”
“เจ้าแซ่ลู่หรือ? เจ้ารู้จักจ้าวมหาเทพแสงดาวหรือไม่?”หลัวซิวเอ่ยปากสอบถาม
มหาโลกะแสงดาวกว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขต มีดาราที่นับไม่ถ้วน ผู้ที่แซ่ลู่ก็ต้องมีเยอะมากจนนับไม่ถ้วนแน่นอน หลัวซิวก็แค่ถามอย่างเรื่อยเปื่อยเท่านั้นแหละ ไม่ได้คาดหวังอะไรจริง ๆ
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือขณะที่เขาพูดคำว่าจ้าวมหาเทพแสงดาวออกมา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าสีหน้าของลู่จื่อโม่ดูสะดุ้งตกใจ แต่สีหน้าประเภทนี้ก็ถูกเขากลบเกลื่อนไปอย่างรวดเร็ว