มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2577
“เดิมทีผลการฝึกตนของตัวหยูเชียนฮว่าเองก็เป็นจ้าวมหาเทพขั้นสูงแล้ว บวกกับอุบายของมหาปรมาจารย์ค่ายเทพ นอกเสียจากผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพลงมือ ถึงจะมีโอกาสสังหารเขาได้”
หนึ่งในสามบรรพอาจารย์ตระกูลหยูที่ควบคุมสถานการณ์ใหญ่ หยูเหลียงหลงค่อย ๆ พูด
“ทั้งมหาโลกะแสงดาวก็มีผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพเพียงไม่กี่ท่านเท่านั้น เมื่อพูดตามหลักแล้วตระกูลหยูเราไม่มีความขัดแย้งต่อผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นเลย จึงไม่มีเหตุผลที่จะลงมือต่อหยูเชียนฮว่าสิ”
“ไม่ว่ามันจะเป็นผู้ใด บังอาจสังหารพวกอาวุโสแกนกลางของตระกูลหยูเรา ก็เท่ากับเป็นคู่อาฆาตของเรา จำเป็นต้องสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจนให้ได้!”
บรรพอาจารย์ทั้งสามคนของตระกูลหยูพิโรธอย่างมาก ถัดจากนั้นกองกำลังทั้งหมดของตระกูลหยูที่อยู่ในมหาโลกะแสงดาวก็ถูกระดมโคจร ในฐานะที่เป็นกองกำลังชั้นยอดที่เป็นผู้มีอิทธิพลในมหาโลกาใบหนึ่ง ข่าวกรองย่อมต้องกว้างใหญ่มากเป็นธรรมดาอยู่แล้ว พวกเขาแทบจะสืบหาร่องรอยในช่วงนี้ของหยูเชียนฮว่าได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ
ต่อมาตระกูลหยูก็สืบได้ว่าหยูเชียนฮว่าได้จับกุมตัวผู้บำเพ็ญเซียนหญิงสองนาง จากนั้นก็หยุดค้างในดาราหวนสมุทร ต่อมาก็ไม่ได้รับข่าวคราวตลอดมา จึงสามารถยืนยันได้เก้าส่วนว่าเขาเสียชีวิตอยู่บนดาราหวนสมุทร
ถัดจากนั้นอีก อ้างอิงจากระยะเวลาที่ดับสลายสูญสิ้น ตระกูลหยูจึงนำเป้าหมายผนึกไปที่พวกหลัวซิว
เนื่องจากมีคนพบเห็นว่าหลัวซิวพาผู้บำเพ็ญเซียนหญิงสองนางออกไปจากดาราหวนสมุทร ซึ่งผู้บำเพ็ญเซียนหญิงสองนางนั้นก็คือผู้ที่ถูกหยูเชียนฮว่าจับกุมตัวไปเมื่อปีนั้นนั่นเอง
หลัวซิวไม่ทราบแต่อย่างใดว่าตระกูลหยูสงสัยในตัวตนเองแล้ว ต่อให้เขารู้แล้ว เขาก็ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ไปหาเรื่องตระกูลหยูก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว ถ้าเกิดตระกูลหยูกล้ามาหาเรื่องเขา เขาก็จะทำให้คนพวกนั้นได้รู้ซึ้งถึงผลลัพธ์ของการมารุกรานเขา
เดิมทีหลังจากหลัวซิวเจอเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ในมหาโลกะแสงดาวแล้ว เขาก็วางแผนที่จะไปตามหาหนิงหานยู่และจีเสี่ยวจื่อที่โลกาวิหารเทว
แต่ทว่าพวกเขาเพิ่งออกจากดาราหวนสมุทรได้ไม่นาน ยังไม่ได้ออกจากมหาโลกะแสงดาว ก็ถูกคนสกัดกั้นเอาไว้
และผู้ที่สกัดกั้นพวกเขาไว้ก็คือจอมยุทธ์สามคนที่ลักษณะท่าทีเย่อหยิ่ง ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความประสงค์ร้าย ต่างมีผลการฝึกตนจ้าวมหาเทพช่วงปลาย
“เราเป็นคนในตระกูลหยู บรรพอาจารย์มีเรื่องจะสอบถามพวกเจ้า เพราะฉะนั้นเดินทางไปพร้อมกับข้าเที่ยวหนึ่งซะ”ผู้อาวุโสจ้าวมหาเทพสามคนของตระกูลหยูพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง
หากไม่ใช่เพราะเกรงกลัวฝ่ายตรงข้ามมีศักยภาพในการสังหารหยูเชียนฮว่า พวกเขาเบื่อที่จะพูดจาไร้สาระเช่นนี้เลยด้วยซ้ำ
“ตระกูลหยู? ตระกูลที่หยูเชียนฮว่ากำเนิดหรือ?”
เมื่อหลัวซิวได้ยินทั้งสามคนบอกประวัติความเป็นมาออกมา จึงมีจิตสังหารที่เยือกเย็นกระพริบผ่านไปในแววตา ก่อนที่เขาจะแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด: “ข้ายังไม่ได้ไปหาเรื่องตระกูลหยูของพวกเจ้าเลย ตระกูลหยูของพวกเจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก บังอาจมาหาข้าถึงที่เลยหรือ?”
“พูดเช่นนี้ก็หมายความว่าเจ้าเป็นผู้สังหารผู้อาวุโสหยูเชียนฮว่าสินะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของผู้อาวุโสตระกูลหยูจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ต่างพากันถอยหลังกลับไปโดยสัญชาตญาณ ใบหน้าดูระแวดระวัง
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต่างพากันหยิบฮู้ออกมาด้วย จะนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นทางฝั่งนี้แจ้งให้ทางตระกูลทราบ
เวิ่ง! เวิ่ง! เวิ่ง! ……
ปริภูมิสั่นเทิ้ม มีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาจากฮู้ทั้งสามชิ้น ก่อนจะกลายเป็นลำแสงหายไปจากส่วนลึกของห้วงดารา
สำหรับการกระทำของผู้อาวุโสตระกูลหยูนั้น หลัวซิวไม่มีท่าทีที่จะหยุดยั้งเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเขารู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำเรื่องทั้งหมดนี้เลยด้วยซ้ำ ในเมื่อตระกูลหยูกล้ามาหาเขาถึงที่ เช่นนั้นมาตรแม้นว่าคนอื่น ๆ ในตระกูลหยูไม่มาหาตัวเอง เขาก็จะเดินทางไปตระกูลหยูเที่ยวหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าฮู้ถูกกระตุ้นแล้ว จึงมีรังสีแห่งความดีใจปรากฏบนใบหน้าผู้อาวุโสทั้งสามคนจากตระกูลหยู ทว่าวินาทีต่อไป ก็มีความหวาดผวาและสยดสยองอย่างยิ่งปรากฏบนใบหน้าพวกเขา
ภายใต้การกดอัดจากอาณาจักรดูดจิต พวกเขาไม่มีแรงที่จะต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย ถัดจากนั้นศีรษะก็ถูกกรงเล็บขนาดใหญ่ตะปบจนแตกสลาย ดูดจิตอ้าปากดูดครั้งหนึ่ง ก็ทำการกลืนกินช่องจิตของพวกอาวุโสทั้งสามคนจากตระกูลหยูไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พลางเคี้ยวจนเสียงดังกรอบแกรบ