มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2620
เสี้ยงปั้งดังขึ้น ร่างหลัวซิวร่วงลงบนพื้น แรงกดอัดจากพลังตรีภพทำให้เขากระอักเลือดสามครั้ง โครงกระดูกตามร่างกายแตกหักหลายจุด แต่สภาพอาการบาดเจ็บเช่นนี้กลับไม่ถือว่าสาหัสมากเท่าไหร่นัก ภายใต้การโคจรกฎชีวิต มันจึงเริ่มฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิมด้วยระดับความเร็วที่รวดเร็วมาก
ทว่าหงเว่ยกลับไม่มีภูมิต้านทานที่ดีเลิศเช่นนี้ ตัวเขาเองไม่ใช่จอมยุทธ์กลั่นร่างแต่อย่างใด เมื่ออยู่ต่อหน้าหอกโลหิตสังหารสวรรค์ เกราะป้องกันบนร่างกายก็แทบจะไม่มีประโยชน์ในการต้านทานอะไรได้เลยแม้แต่น้อย ร่างกายครึ่งซีกถูกหอกโลหิตทะลวง ฉีกกระชาก
จากผลการฝึกตนของหงเว่ย เขาบรรลุถึงแดนที่ตราบใดที่วิญญาณดั้งเดิมไม่มอดไหม้ก็จะไม่ตาย แม้นร่างกายครึ่งซีกจะกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว แต่เขากลับยังไม่ตาย ก่อนจะหยิบยาเซียนรักษาตัวออกมาแล้วกลืนกินมันเข้าไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่ถูกทำลายจึงงอกกลับคืนมาด้วยระดับความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยเนื้อตาเปล่า
ขณะที่ร่างกายกำลังฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิม หงเว่ยก็ถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันตรงหลังคิ้วเขาก็แยกออก มีรัศมีเทวดวงหนึ่งบินออกมา เฉือนสังหารไปทางหลัวซิวปานกระบี่
ซึ่งนี่คือเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ชิ้นหนึ่ง เล่ากันว่ามันคือศัสตราวุธชีวีของมหาจักรพรรดิยุทธ์โกลาหล
“วัฏสงสาร!”
เงาลวงวัฏสงสารที่โบราณและเรียบง่ายถูกหลัวซิวปล่อยออกมา เขาเรียกเพลาไหลรวยออกมาผนึกร่างหงเว่ยเอาไว้อีกครั้ง
หงเว่ยตกตะลึงมากจนหน้าถอดสี ทุ่มแรงโคจรกฎตรีภพอย่างสุดกำลังสามารถ อยากหลุดพ้นการพันธนาการและการผนึกจากเพลาไหลรวย
แต่หลัวซิวกลับง้างมือกดอัดตรงมาแล้ว ไม่ว่าเขาจะโคจรผนึกรวมกฎตรีภพอย่างไร พลังกฎทั้งหมดก็เหมือนหายเข้าไปในกลีบเมฆ ไม่มีลาดเลาใด ๆ เลยแม้แต่น้อย หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ซึ่งนี่ก็คือสรรพวิถีล้วนว้างของหลัวซิว เมื่อใช้วิถีไร้ลักษณ์ ก็จะสามารถทำลายกฎทั้งปวงให้กลายเป็นไร้รูป!
หงเว่ยทำได้เพียงมองดูหลัวซิวประชิดใกล้เข้ามาต่อหน้าต่อตา ถึงแม้เขายังมีอุบายทรงพลังที่ยังไม่ได้ใช้อีกเยอะมาก ทว่าอุบายทั้งหมดนั้นล้วนต้องปลดปล่อยออกมาผ่านกฎตรีภพ เมื่ออยู่ภายใต้การแผ่คลุมจากสรรพวิถีล้วนว้าง เขาก็ไม่สามารถระดมกฎใด ๆ ได้เลย
กระทั่งเวลานี้ หงเว่ยถึงจะรู้ซึ้งถึงจุดน่ากลัวที่แท้จริงของหลัวซิว
“นี่มันเป็นไปไม่ได้! จักรวาลฟ้าดินนี้ไม่มีพลังประเภทนี้เลยด้วยซ้ำ หรือว่าเจ้าเป็น……”
หงเว่ยยังไม่ทันพูดจบเลยด้วยซ้ำ กระบี่ของหลัวซิวก็ทะลวงหว่างคิ้วของเขา บดขยี้ช่องจิตเขาจนแตกสลาย ทำให้ร่างจิตของเขาดับสลายสูญสิ้น
ขณะที่หงเว่ยจะถูกสังหาร บรรพอาจารย์ตระกูลหงก็จะลงมือช่วยเหลือแล้ว แต่กลับถูกนายแห่งเผ่าจี้ที่มือตาไวหยุดยั้งเอาไว้ก่อน
เมื่อเห็นว่าหงเว่ยถูกหลัวซิวสังหาร บรรพอาจารย์ตระกูลหงก็จะอาละวาดทันที แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างนายแห่งเผ่าจี้และลาร์ เขาก็ไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
บริเวณรอบ ๆ เวทีประลองยุทธ์เงียบเป็นเป่าสาก แม้นคนบางส่วนก็คิดเช่นกันว่าหลัวซิวมีโอกาสได้รับชัยชนะ แต่กลับไม่มีผู้ใดคาดถึงเลยว่าเขาจะคว้าชัยมาได้ง่ายดายเช่นนี้ หรือว่าเขาแข็งแกร่งถึงขั้นที่สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพขั้นสูงได้อย่างง่ายดายแล้ว?
มีเพียงตัวหลัวซิวเท่านั้นที่ทราบว่านอกซะจากไม่ใช้อุบายเด็ดอย่างโลหิตแห่งชิงเทียนและศิลาผนึกปีศาจ เขาก็ถือว่าทุ่มสุดกำลังสามารถแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือแม้แต่พลังอมตะอย่างสรรพวิถีล้วนว้างก็ถูกงัดออกมาในสถานการณ์นี้ด้วย
ซึ่งมันไม่ได้หมายความว่าศักยภาพของหงเว่ยอ่อนกว่าเขา หากทันทีที่ขึ้นเวทีประลองยุทธ์หงเว่ยก็ใช้อุบายไพ่เด็ดที่ทรงพลังละก็ การที่หลัวซิวจะโค่นล้มเขานั้นก็ไม่ง่ายเช่นกัน ทว่าท้ายที่สุดแล้วหงเว่ยก็ประมาทมากไปหน่อย เขาประเมินศักยภาพที่แท้จริงของหลัวซิวผิดพลาดไป ปล่อยให้หลัวซิวได้ปลดปล่อยพลังอมตะสรรพวิถีล้วนว้างหลังประชิดตัวสำเร็จ เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถโคจรใช้สอยกฎของตน หากเขาไม่ตายแล้วผู้ใดจะตายเล่า?
“ท่านชายน่าเกรงขาม!”
“ท่านชายซิวหลัวจงเจริญ!”
“……”
หลังจากสถานการณ์เงียบสงัดไปพักหนึ่ง เสียงโห่ร้องแสดงความดีใจก็ดังก้องขึ้นมา ซึ่งผู้ที่โห่ร้องแสดงความดีใจก็ต้องเป็นคนในเผ่าจี้และตระกูลเทพสงครามอยู่แล้ว
มองดูหลัวซิวกำแหวนเก็บของของหงเว่ยไว้ในมือต่อหน้าต่อตา สีหน้าของบรรพอาจารย์ตระกูลหงจึงย่ำแย่มากกว่าเดิม