มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2629
เหล่าผู้อาวุโสไม่ได้ยืนหยัดแต่อย่างใด หากหลัวซิวจะผิดต่อเผ่าจี้ละก็ เช่นนั้นมาตรแม้นว่าเขาเข้าร่วมเผ่าจี้ กลายเป็นนายแห่งเผ่าจี้แล้ว อะไรจะเกิดมันก็จะเกิดอยู่ดี และถ้าเกิดเขายินดีบุกเบิกเส้นทางในอนาคตเพื่อเผ่าจี้ละก็ เช่นนั้นการที่จะเป็นนายแห่งเผ่าจี้หรือไม่นั้น มันก็ไม่สำคัญเลยด้วยซ้ำ
สำหรับพวกเขาที่มีชีวิตคงอยู่มายาวนานแล้ว ก็มองหลักการที่ชัดเจนเข้าใจง่ายเช่นนี้ออกอยู่
เผ่าจี้ไม่อาจไร้ผู้นำ จำเป็นต้องเลือกคนคนหนึ่งเพื่อขึ้นมาเป็นนายแห่งเผ่าจี้แล้วควบคุมสถานการณ์ใหญ่ของเผ่าจี้ สุดท้ายภายใต้การแนะนำอย่างสุดกำลังสามารถของจีเสวียนคง หนิงหานยู่จึงกลายเป็นนายแห่งเผ่าจี้คนใหม่
ในเมื่อกลายเป็นนายแห่งเผ่าจี้แล้ว ก็ต้องเข้าร่วมเผ่าจี้ หนิงหานยู่จึงเปลี่ยนชื่อเป็นจี้หานยู่ นางเป็นศิษย์สืบทอดของจีเสวียนคง ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากจีเสวียนคงเช่นกัน จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับการจงรักภักดีต่อเผ่าจี้อยู่แล้ว
อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างนางและหลัวซิวสนิทชิดเชื้อกันมาก ๆ ถูกหลัวซิวมองเป็นน้องสาวคนหนึ่ง ในเมื่อนางกลายเป็นนายแห่งเผ่าจี้แล้ว อนาคตไม่ว่าเผ่าจี้จะประสบพบเจอกับปัญหาอะไร หลัวซิวก็ไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอน
ปกติยัยยู่เอ๋อร์นั่นขี้เกียจฝึกตนมาก แต่พรสวรรค์ของนางก็ดีมากจริง ๆ ถึงแม้จะฝึกตนบ้างไม่ฝึกบ้าง นางก็ฝึกถึงแดนจ้าวมหาเทพแล้ว
หลังจากปฏิบัติตามความตั้งใจของอาจารย์และหลัวซิว กลายเป็นนายแห่งเผ่าจี้คนใหม่แล้ว นางก็สัมผัสได้ถึงภารกิจอันหนักอึ้งที่แบกอยู่บนบ่า จึงขยันฝึกตนเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ระยะเวลาต่อจากนี้ ทุกสิ่งอย่างล้วนเงียบสงบมาก หลัวซิวอยู่ในเผ่าจี้ ทว่ากลับสามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณแห่งภัยพิบัติกำลังจะมาเยือน
เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหลังจากชายชุดคลุมยาวเทาถูกสังหารไปแล้ว ตำหนักเฉินหยูต้องทราบเรื่องแน่นอน มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงตายไปแล้วคนหนึ่ง จึงมีความเป็นไปได้สูงมากว่าผู้ที่จะมาเยือนในครั้งถัดไปอาจจะเป็นเทพมารระดับเจ็ด
ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ เขาได้เดินทางไปเทือกเขาลั่วหยุนอีกครั้ง ซ่อมแซมค่ายกลที่จัดวางไว้ในก่อนหน้านี้ใหม่อีกรอบ ทำให้ลาร์สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้านนอกได้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มชี้แนะการฝึกตนให้ยู่เอ๋อร์ด้วยตนเองเช่นกัน เขาพบว่าพรสวรรค์ของยู่เอ๋อร์แข็งแกร่งกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก
บางทีอาจจะไม่สามารถใช้คำว่าพรสวรรค์มาอุปมาได้แล้ว ราวกับบนตัวยู่เอ๋อร์ไม่มีจุดตีบตันที่หาพบได้บนตัวจอมยุทธ์ทั่วไป ขอแค่บริโภคทรัพยากรจำนวนมาก หลังจากผลการฝึกตนสะสมถึงระดับที่แน่นอนแล้ว ผลการฝึกตนของนางก็จะบรรลุเองโดยธรรมชาติ
นี่จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าบนตัวยู่เอ๋อร์มีความลับที่เขาไม่รู้ซ่อนอยู่ แม้แต่หินนิรันดร์ก็ไม่สามารถทำถึงขั้นนี้ได้
ยิ่งกว่านั้นคือบางครั้งเขาถึงขั้นสงสัยเล็กน้อยว่ายู่เอ๋อร์เป็นร่างที่ผู้แข็งแกร่งในยุคโบราณกลับชาติมาเกิดหรือเปล่า เป็นเฉกเช่นเดียวกับเขา แต่ยู่เอ๋อร์กลับไม่มีความทรงจำอื่น ๆ เลยด้วยซ้ำ มากกว่านั้นคือแม้แต่ตัวนางเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุใดตนถึงฝึกตนได้รวดเร็วเช่นนี้
ภายใต้การประคับประคองจากทรัพยากรจำนวนมากที่ไม่ขาดสาย ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงสิบปี ผลการฝึกตนของยู่เอ๋อร์ก็บรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพแล้ว ส่วนเวลานี้กรองแก้วมรกตดั้งเดิมที่อยู่ในมือหลัวซิวก็ถูกใช้จนหมดแล้วด้วย ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงจ้าวมหาเทพขั้น 7
ในขณะเดียวกัน คนในตำหนักเฉินหยูยังไม่ตามมาคิดบัญชีถึงที่ กองกำลังอื่น ๆ ก็มีการเคลื่อนไหวก่อนแล้ว
ณ ตำหนักที่ใช้สำหรับอภิปรายรายงานแห่งเผ่าจี้ หลัวซิวนั่งอยู่ข้างกายจี้หานยู่ ตำแหน่งของเขาที่อยู่ในเผ่าจี้สูงกว่าเหล่าผู้อาวุโส แม้นเขาจะไม่ได้เข้าร่วมเผ่าจี้ แต่เผ่าจี้กลับประทานตัวตนกรรมาปะเผ่าอารักษ์ให้แก่เขา
“เขาดึกดำบรรพ์ สำนักจักรพรรดิแสงดาว ห้าเผ่าพันธุ์แห่งบรรพมาร สำนักจักรพรรดิจ้านเทียนและตระกูลหงเริ่มระดมกำลังทหารแล้ว โดยที่มีเขาดึกดำบรรพ์เป็นผู้นำ พวกมันเตรียมพร้อมที่จะบุกโจมตีเผ่าจี้ของเราอย่างโจ่งแจ้งแล้วขอรับ”ผู้อาวุโสคนหนึ่งค่อย ๆ ลุกตัวขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ตึงเครียด
“ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ หอยอดอัมพรที่ถ่อมตัวมาโดยตลอดก็เริ่มมีท่าทีที่จะลงมือบุกแล้วเหมือนกัน จากการรุมปราบปรามในครั้งนี้ หอยอดอัมพรก็อยากให้เผ่าจี้ของเราประสบภัยพิบัติอย่างอดใจรอไม่ไหวแน่นอน”จีเสวียนคงก็พูดกระแทกเสียงต่ำ
“ครั้งนี้กองกำลังที่มีเขาดึกดำบรรพ์เป็นผู้นำมีกำลังคนและอานุภาพเยอะมาก ซึ่งไม่สามารถระดมกำลังทหารทั้งหมดได้ในระยะเวลาอันสั้นแน่นอน สาเหตุที่ปล่อยข่าวออกมานั้นก็เพื่อข่มขวัญเราก่อน หวังจะทำให้เราลนลานไปเอง”
หลัวซิวค่อย ๆ เอ่ยปากพูด “ในเมื่อหอยอดอัมพรเตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก เช่นนั้นเราก็อย่าให้พวกมันมีโอกาสได้ทำเช่นนั้น ลาร์ ฝากเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการด้วย”
“รับทราบขอรับ นายท่าน!”
ลาร์ก้าวเท้ายาวเดินออกไป จากการที่ผลการฝึกตนเพิ่มขึ้น การใช้อุบายค่ายกลควบคุมมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลของหลัวซิวก็เกิดประสิทธิผลที่ดีเยี่ยมกว่าเก่า ลาร์สามารถใช้ผลการฝึกตนและตัวสำนึกได้เล็กน้อย ซึ่งสามารถระเบิดศักยภาพที่เทียบเท่าระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงออกมาได้แล้ว
จากศักยภาพระดับนี้ การที่จะล้มล้างหอยอดอัมพรนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากอย่างแน่นอน มาตรแม้นว่าหอยอดอัมพรจะมีภูมิฐานเล็กน้อยและมีบรรพอาจารย์มหาจักรพรรดิยุทธ์ แต่ก็ไม่มีทางอยู่สูงกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลางแน่นอน
“หรือว่ากรรมาปะมีแผนการแล้วขอรับ?”ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามอย่างรู้สึกสงสัย
“แผนการน่ะไม่มีหรอก แต่ทว่าเมื่ออาศัยภูมิฐานของเผ่าจี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกหัวมังกุท้ายมังกรสามารถล้มล้างได้”
หลัวซิวพูดได้เรียบนิ่งมาก เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าการบุกโจมตีเผ่าจี้โดยที่มีเขาดึกดำบรรพ์เป็นผู้นำในครั้งนี้ เบื้องหลังต้องมีเงาของตำหนักเฉินหยูซ่อนอยู่แน่นอน
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้แข็งแกร่งของตำหนักเฉินหยูถึงไม่ลงมือด้วยตนเอง ตำหนักเฉินหยูสามารถยืนหยัดอยู่ในโลกร้างได้ อย่างน้อยก็น่าจะมีเทพมารระดับเจ็ดคอยปกปักรักษาสิถึงจะถูก
แต่สำหรับหลัวซิวและเผ่าจี้แล้ว หากไม่มีเทพมารระดับเจ็ดปรากฏก็จะเป็นอะไรที่ดีกว่ามาก เมื่อเป็นเช่นนั้นตัวแปรทั้งหมดก็ล้วนยังถูกควบคุมอยู่ในเงื้อมมือเขาอยู่