มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2637
ก็ไม่แปลกหรอกที่จีเสวียนคงกังวลใจเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ฝั่งเผ่าจี้มีเพียงลาร์คนเดียวเท่านั้น หากฝืนนับหลัวซิวด้วยละก็ ก็มีเพียงสองคน จักรพรรดิเทพมีแค่ดูดจิต ยู่เอ๋อร์ เมื่อเปรียบเทียบศักยภาพภูมิฐานกับเขาดึกดำบรรพ์แล้ว เผ่าจี้ก็เปราะบางจนไม่อาจทนแรงกระแทกใด ๆ ได้ ราวกับใช้ไข่ปาหิน
“ไม่ต้องเป็นห่วง ยอดฝีมือมากไม่ได้หมายความว่าจักเก่งกาจ”หลัวซิวตอบกลับอย่างเย็นชา
และในเวลานี้เอง ก็มีแสงอาทิตย์สาดส่องผ่านกลุ่มเมฆมาถึงแดนปริศนาเผ่าจี้ ตันเม่ยนำพาผู้แข็งแกร่งจำนวนมากจากวังเซียนมหาวาลเร่งเดินทางมา
หลัวซิวและจี้หานยู่เดินขึ้นไปต้อนรับ ทั้งสองฝ่ายก้มคำนับให้กันและกันหลังพบหน้า ภูมิฐานของวังเซียนมหาวาลไม่ถือว่าแข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ไม่อ่อนเช่นกัน นอกจากตันเม่ยที่เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิแล้ว ยังพาผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิเทพมาอีกหกคนด้วย หอคอยเทพมหาวาลที่มหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลใช้ในอดีตก็ถูกนำมาเช่นกัน
มหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลไม่ได้เข้าสู่เส้นทางดาราแต่อย่างใด ทว่าได้ดับสลายสูญสิ้นอยู่บนดาราแห่งกาลเวลา ฉะนั้นเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ภูมิฐานของวังเซียนมหาวาลก็แย่กว่าเขาดึกดำบรรพ์มาก ๆ
“ท่านชายซิวหลัว คงไม่ได้มีเพียงวังเซียนมหาวาลของเราหรอกกระมังที่มาช่วยเหลือ? หากเป็นเช่นนั้นละก็ เกรงว่าคงจะต้านทานภัยพิบัติในครั้งนี้ไม่ไหวนะ”
หลังจากตันเม่ยมาถึงก็มองเห็นสง่าราศีของเขาดึกดำบรรพ์เช่นกัน ภูเขาเซียนดึกดำบรรพ์ที่เป็นอาวุธเทพระดับเจ็ด มหาจักรพรรดิยุทธ์สามคน จักรพรรดิเทพสิบกว่าคน เขาดึกดำบรรพ์ได้เปรียบด้านกำลังรบโดยสิ้นเชิงเลย
“ฮ่าฮ่า สหายหลัว ข้าไม่ได้มาช้าไปหiอกกระมัง?”
เสียงหัวเราะที่ดังลั่นสะท้อนมา ถัดจากนั้นหมอกดำกลางนภาก็เริ่มกลิ้งไหล มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็พาเหล่ากองกำลังที่อยู่ใต้บังคับบัญชามาถึงแล้ว
“มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ วังเซียนมหาวาล นี่พวกเจ้ากำลัรนหาที่ตาย!”
ซือถูเซิ่งเจี๋ยนั่งอยู่บนราชรถ ตัวสำนึกก็สังเกตลาดเลาที่เกิดขึ้นฝั่งแดนปริศนาเผ่าจี้แล้ว และต้องมองเห็นอยู่แล้วว่ากำลังคนของวังเซียนมหาวาลและสำนักจักรพรรดิมรณะเข้าไปในแดนปริศนาเผ่าจี้
ทว่าเขากลับไม่ใส่ใจเลยด้วยซ้ำ เขาเคยประมือกับมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิอยู่ ผลการฝึกตนแค่มหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลาง ฝั่งเขายังมีหรงเทาจากตำหนักเฉินหยู และยิ่งมีหลู่ซิวเหวินที่ผลการฝึกตนอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงอีกด้วย ในส่วนของตันเม่ยที่เป็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมินั้น เขายิ่งไม่เก็บมาไว้ในสายตา
และในเวลานี้เอง คนจากสำนักจักรพรรดิแสงดาวก็เดินทางมาถึงแล้ว มีบรรพอาจารย์มหาจักรพรรดิยุทธ์หนึ่งคน รวมไปถึงจักรพรรดิเทพอีกสามคนโดยครอบคลุมนายแห่งสำนักจักรพรรดิด้วย
ถัดจากนั้นคนในสำนักจักรพรรดิจ้านเทียนก็มาถึง มีมหาจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่งเช่นกัน และจักรพรรดิเทพอีกสี่คน
หลังจากผ่านไปอีกพักหนึ่ง ตระกูลหงก็มาถึงแล้ว พวกเขาแทบจะออกโรงกันทั้งตระกูล เห็นได้เลยว่าจิตใจที่พวกเขาอยากจะสังหารหลัวซิวและล้มล้างเผ่าจี้นั้นแน่วแน่มากเพียงใด
“เหตุใดคนจากเผ่าพันธุ์ทั้งห้าแห่งบรรพมารยังไม่มาสักที?”ซือถูเซิ่งเจี๋ยขมวดคิ้วลง สามารถพูดได้เลยว่าเผ่าพันธุ์ทั้งห้าแห่งบรรพมารเป็นทหารที่จะตายเพราะถูกบีบให้เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเขาดึกดำบรรพ์หรือกองกำลังของอีกสามตระกูลที่เหลือ ต่างไม่อยากให้คนในตระกูลตนเสียหายมากแน่นอน
ทันใดนั้นเอง ซือถูเซิ่งเจี๋ยก็ได้รับม้วนหยกส่งสารหนึ่งชิ้น ก่อนที่สีหน้าเขาจะเปลี่ยนไปกะทันหัน
“ประมุขเขาซือถู เกิดอะไรขึ้นหรือ? หรือว่าเผ่าพันธุ์ทั้งห้าแห่งบรรพมารบังอาจผิดสัญญา?”บรรพอาจารย์ตระกูลหงเดินขึ้นมาถาม
“เกรงว่าเผ่าพันธุ์ทั้งห้าแห่งบรรพมารคงไม่มาแล้วล่ะ ข้าก็เพิ่งได้รับข่าวคราวเช่นกัน เผ่าพันธุ์มังกรถูกดูดจิตนั่นที่เป็นสัตว์ที่ใช้ขี่ของหลัวซิวใช้อำนาจปราบปรามให้อยู่หมัดแล้ว เผ่าเสือขาว เผ่ากิเลน เผ่าเทพหงส์และเผ่ากัศปะล้วนถูกเจ้าลาร์นั่นบุกโจมตีถึงที่ ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพล้วนถูกสังหาร”ซือถูเซิ่งเจี๋ยตอบกลับด้วยใบหน้าที่หม่นหมอง
“ว่าอย่างไรนะ?!”เมื่อบรรพอาจารย์แสงดาวและบรรพอาจารย์จ้านเทียนได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของทั้งคู่ก็ต่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างควบคุมไม่ได้
“ตระกูลมู่สรรพสิทธิ์ก็มาแล้ว!”
จู่ ๆ บรรพอาจารย์ตระกูลหงก็เบิ่งมองออกไปไกล ๆ เห็นเพียงมีเรือรบหลายลำกำลังบินตรงมาทางดารายอดอัมพรอย่างรวดเร็ว
“การปราบปรามเผ่าจี้ในครั้งนี้ก็มีการเชื้อเชิญตระกูลมู่เช่นกัน แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ให้คำตอบข้า ดูท่าผู้คนในตระกูลมู่น่าจะคิดได้แล้ว วางแผนที่จะมาช่วยเหลือเราอีกแรงหนึ่ง!”มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าซือถูเซิ่งเจี๋ย