มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2682 กดอัดราชาเทพวัฏจักรห้า
ในเขตพื้นที่ศูนย์กลางที่ลึกที่สุดในหุบเขาสยบปีศาจมีภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งภูเขาดังกล่าวสูงตระหง่านยิ่งใหญ่มาก ยอดเขาสูงเสียดเมฆ ราวกับเสาเทพที่เชื่อมต่อกับท้องฟ้า ลักษณะภายนอกสูงใหญ่ห้าวหาญเปี่ยมพลัง
ตรงผาของภูเขาลูกนั้นมีคำว่ายอดเขาเจ๋อฉิงสลักอยู่!
ไม่มีอสูรกายที่แข็งแกร่งใช้ชีวิตอยู่บริเวณรอบ ๆ ยอดเขาเจ๋อฉิงเลยแม้แต่ตัวเดียว เนื่องจากที่นี่มีค่ายกลต้องห้ามที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
ภายใต้การชี้นำของหลัวซิว ดูดจิตจึงบินไปยังจุดที่สูงที่สุดของยอดเขาเจ๋อฉิง บัดนี้ผู้คนถึงจะสังเกตเห็นว่าบนยอดเขาเจ๋อฉิงมีพระราชวังที่โบราณและเรียบง่ายหนึ่งหลังตั้งอยู่กลางเมฆหมอก
วังวั่งฉิง!
วังวั่งฉิงบนยอดเขาเจ๋อฉิง ไท่ซ่างผู้เดินบนวิถีธรรมอันยิ่งใหญ่คนเดียว!
มีเพียงหลัวซิวคนเดียวเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปยังส่วนยอดของยอดเขาเจ๋อฉิง ถึงแม้ลวี่โหลวที่มีผลการฝึกตนสูงที่สุดจะมีตราเขามังกรฉิว ก็ถูกค่ายกลต้องห้ามกีดกันอยู่ภายนอกเช่นกัน
ในยุคสมัยอันไกลโพ้น ครั้นเมื่อเขายังเป็นไท่ซ่างฉิง ในใจเขามีเพียงวิถีธรรมที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองเท่านั้น ไม่มีสิ่งอื่นใดเลย
และไม่เคยมีผู้ใดมายอดเขาเจ๋อฉิงด้วย ที่นี่เป็นสถานที่ที่เขาฝึกตนปิดขังตลอดทั้งปี แม้แต่กลุ่มคนที่สนิทชิดเชื้อกับเขามาก ๆ รวมไปถึงเหล่าสตรีผู้ภาคภูมิของสวรรค์ที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือกับเขาก็ไม่เคยขึ้นมายอดเขาเจ๋อฉิงเลยแม้แต่คนเดียว
เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่ที่ไท่ซ่างฉิงตัดอารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาอย่างปุถุชนทั่วไปทิ้ง ในยุคสมัยนั้น สตรีผู้ภาคภูมิของสวรรค์ทุกคนที่มาถึงด้านล่างยอดเขาเจ๋อฉิง ล้วนจะรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ
หลัวซิวในปัจจุบันมองตัวเองเมื่อภพชาติก่อนด้วยสภาพจิตใจดั่งคนนอกคนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่สามารถตัดสินไท่ซ่างฉิงเมื่อภพชาติก่อนได้เช่นกันว่า ตกลงการกระทำเช่นนั้นมันถูกต้องหรือผิดกันแน่
อาจารย์ที่ถูกกดอัดอยู่ในหุบเขาผนึกปีศาจเหมือนผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้อีกครั้ง เขาตัดอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดทิ้ง จิตใจแค่จดจ่ออยู่กับการแสวงหาวิถี หวังแค่ว่าสักวันจะสามารถช่วยอาจารย์หลุดพ้นออกมาจากความยากลำบาก เนื่องจากเขารู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกที่อยู่บนวิถียุทธ์นั้น ก็เหมือนดั่งพันธนาการและอุปสรรคอย่างหนึ่งสำหรับเขา
ทว่าภพชาตินี้ หลัวซิวกลับพบว่าถึงแม้ไท่ซ่างฉิงจะไม่ได้ไปช่วยอาจารย์เขาที่หุบเขาผนึกปีศาจ สุดท้ายอาจารย์เขาก็หายตัวไปอยู่ดี เหลือเพียงหุบเขาผนึกปีศาจที่รกร้างว่างเปล่า
ภายใต้การนำพาและจัดแจงจากพวกลวี่โหลว จี้หานยู่และซิงเฉิน กำลังทหารของเผ่าจี้ ตระกูลเทพสงครามและภูเขาว่านเริ่นล้วนเลือกฐานที่มั่นอยู่บริเวณรอบยอดเขาเจ๋อฉิง จัดหาที่อยู่ให้แก่คนในตระกูลและศิษย์ของตน
หลัวซิวใช้มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง ยืนอยู่บนยอดเขาเจ๋อฉิง ทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในหุบเขาสยบปีศาจล้วนอยู่ในกระแสสัมผัสของเขา
เมื่ออยู่ภายในนี้ เขาก็คือนายแห่งหุบเขาสยบปีศาจ นอกเสียจากว่ามีผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งย่างกรายมาถึง มิเช่นนั้นต่อให้ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้ามาถึง เขาก็สามารถยืนหยัดอยู่ในหุบเขาสยบปีศาจได้อย่างผู้ไร้เทียมทาน
ภูเขาว่านเริ่นคือจุดเริ่มต้น เช่นนั้นหุบเขาสยบปีศาจก็คือสถานที่ตั้งหลักที่ภพชาติก่อนจัดเตรียมไว้เพื่อภพชาตินี้
บริเวณรอบ ๆ ยอดเขาเจ๋อฉิงมีตัวต้องห้าม ภายในหุบเขาสยบปีศาจมีสมุนไพรเพิ่มพลังถูกหล่อเลี้ยงออกมาเป็นจำนวนมาก มนุษย์ผู้ฝึกยุทธ์สามารถขัดเกลาผลการฝึกตนของตนได้ด้วยเหล็กเศษณ์ทองเซียนที่ล้ำค่า ยาเซียนสรรพทิพย์รวมไปถึงมีอสูรกายแข็งแกร่งหลากหลายประเภทให้ฝึกฝน ซึ่งเป็นแดนศักดิ์วิถียุทธ์ที่ตระกูลสำนักทั้งปวงต่างใฝ่ฝันอย่างแน่นอน
ไม่มีสถานที่ใดเหมาะกับการทำให้ตระกูลเทพสงครามและเผ่าจี้เจริญรุ่งโรจน์ได้มากกว่านี้แล้ว ทั้งสองเผ่าพันธุ์นี้มีศักยภาพที่แข็งแกร่งกว่าภูเขาว่านเริ่นหลายเท่าตัวมาก ซึ่งได้รับความสำคัญจากหลัวซิวมาโดยตลอด
บริเวณกลางเขายอดเขาเจ๋อฉิงมีถ้ำหนึ่งแห่ง ภายในถ้ำมีออร่าตรีภพกลิ้งไหลไปมา เสียงหัวเราะดังลั่นของลาร์ดังก้องอย่างไม่ขาดสาย ที่นี่คือสถานที่ที่ลาร์เคยพักอยู่อาศัย เมื่ออยู่กลางตรีภพ ถึงจะสามารถทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของการได้กลับบ้านอย่างแท้จริง
“เรื่องราวในอดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว อะไรที่ควรปล่อยวางก็ปล่อยวางซะเถอะ”
หลัวซิวถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยกมือโบกครั้งหนึ่ง ค่ายกลต้องห้ามที่อยู่บนยอดยอดเขาเจ๋อฉิงก็สลายหายไป
ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เขาจะไม่ให้ยอดเขาเจ๋อฉิงเป็นสถานที่ที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถพักอยู่อาศัย เขาไม่ใช่ไท่ซ่างฉิง เขาไม่ได้ตัดอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองทิ้ง เขาไม่อยากให้วิถีธรรมอันยิ่งใหญ่ไร้รูปและโดดเดี่ยวเดียวดาย เขามีภรรยาของตน มีคนรู้ใจที่เข้าใจซึ่งกันและกัน
“ตู้มม!”
และในเวลานี้เอง ก็มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งย่างกรายมาหุบเขาสยบปีศาจ ถัดจากนั้นก็มีพลังออร่าของจอมยุทธ์ที่นับไม่ถ้วนต่างพากันเข้ามาในหุบเขาสยบปีศาจเช่นกัน
หลัวซิวใช้มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง ภายใต้การปลุกเสกจากค่ายกลต้องห้ามในหุบเขาสยบปีศาจ กระแสตัวสำนึกของเขาสามารถครอบคลุมทั่วทุกมุมฟ้าดินในหุบเขาสยบปีศาจ
เขาเข้ามาในหุบเขาสยบปีศาจ ทว่ากลับไม่ได้ผนึกทางเข้าหุบเขาแต่อย่างใด นั่นก็เป็นเพราะเขาคาดเดาได้แล้วว่าพวกที่มีจิตประสงค์ร้ายต้องตามมาถึงที่แน่นอน
ซึ่งคนดังกล่าวคือผู้อาวุโสที่ผมเผ้าปลิวลอย รอบกายมีรัศมีเทวที่แวววาวจับตาเปล่งประกาย มีวังอัมพรหลายหลังลอยอยู่บนท้องฟ้า และเงาร่างของผู้อาวุโสคนดังกล่าวก็คอยบัญชาการอยู่กลางวังอัมพรทั้งหมด สูงตระหง่านองอาจห้าวหาญ และมีกงล้อเทพลอยอยู่หลังศรีษะหนึ่งวง!
กงล้อเทพเป็นสัญลักษณ์ของผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้า กงล้อหนึ่งวงคือขั้นปฐมภูมิ กงล้อเทพสองวงคือช่วงกลาง สามวงคือช่วงปลายและสี่วงคือขั้นสูง!
การผนึกรวมกันของกงล้อเทพ หมายความว่าผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ตระหนักความล้ำลึกของเกณฑ์ถึงแดนที่สูงลึกมาก ซึ่งเป็นส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการตระหนักวิถียุทธ์ ทำให้สามารถปลดปล่อยพลังอมตะออกมาได้หลากหลายรูปแบบ และมีพลานุภาพที่ทรงพลังมากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ระดับที่อยู่สูงกว่าขั้นสูงวัฏจักรสี่คือราชาเทพวัฏจักรห้า มกุฎเทพวัฏจักรหกจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด รวมไปถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ตลอดจนผู้สูงส่งวัฏจักรสิบที่อยู่ระดับสูงสุด!
อย่าได้ดูถูกเทพมารระดับเก้าที่มีกงล้อเทพหนึ่งวงเป็นอันขาด ถึงแม้จะมีกงล้อเทพเพียงหนึ่งวง นั่นก็เป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่ตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดของวิถียุทธ์เช่นกัน ส่วนพวกเทพมารระดับเก้าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น หลังจากยุคสมัยหนึ่งได้ผ่านพ้นไปใช่ว่าจะมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเทพมารระดับเก้าบังเกิดเสมอไป
ยกตัวอย่างเช่นอาณาจักรตะวันออกแห่งโลกร้างในปัจจุบัน จำนวนผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้ามีไม่มากกว่า 20 คนแน่นอน ผู้ที่มีศักยภาพแข็งแกร่งมากที่สุดอย่างมากก็เป็นเพียงมกุฎเทพวัฏจักรหกซึ่งถูกเรียกขานว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในอาณาจักรดาราแห่งหนึ่ง
ส่วนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดนั้น ในอาณาจักรดาราทั้งห้าแห่งโลกร้างก็มีไม่ถึงสิบคนเช่นกัน ส่วนจำนวนมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่อยู่สูงกว่าวัฏจักรแปดนั้น ต้องมีไม่มากกว่าห้าแน่นอน
สำหรับผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าแล้ว ทุกครั้งที่หุบเขาสยบปีศาจเปิดออก พวกเขาก็จะมาเช่นกัน เนื่องจากภายในหุบเขาสยบปีศาจมีสมบัติที่ทำให้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้ายังหวั่นไหว และยิ่งมีอสูรยักษ์เทพมารระดับเก้าเยอะมากด้วย หากล่าสังหารได้ละก็ จะสามารถกลั่นโอสถแก่นแท้ระดับเก้าออกมาได้เลย
ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ทุกครั้งที่หุบเขาสยบปีศาจเปิดออก ผู้ที่มีผลการฝึกตนต่ำกว่าเทพมารระดับเก้าจะเป็นผู้ที่เข้ามาก่อน รอหลังจากระยะเวลาผ่านไปช่วงหนึ่งแล้ว ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารระดับเก้าถึงจะย่างกรายมา
ทว่าครั้งนี้กลับแตกต่างจากอดีต การปรากฏของทหารจักรวรรดิเลิศล้ำทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารระดับเก้าย่างกรายมาล่วงหน้า
“บรรพจารย์ต้าโหลว!”
และผู้แข็งแกร่งที่มีกงล้อเทพหนึ่งวงก็คือบรรพจารย์ต้าโหลวนั้นเอง สำนักเซียนต้าโหลวอยู่ค่อนข้างใกล้หุบเขาสยบปีศาจ เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่มาถึงก่อน
“ไม่ได้พบกันนานผู้เพื่อนยุทธ์ต้าโหลวสบายดีหรือไม่!”
จู่ ๆ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งสะท้อนมา ถัดจากนั้นก็มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งพลังหนึ่งก้าวข้ามอนัตตา ทะลุผ่านทางเข้าหุบเขาสยบปีศาจแล้วย่างกรายมาถึง
คนดังกล่าวคือชายที่รูปร่างสูงใหญ่กำยำ บนตัวสวมใส่เกราะเทพ เสื้อคลุมสีทองปลิวลอยอยู่ด้านหลัง หลังศีรษะมีกงล้อเทพลอยอยู่ห้าวง!
ทันทีที่พลังออร่าของคนดังกล่าวปรากฏ ก็กดอัดเก้าสวรรค์สิบปฐพีเลย จอมยุทธ์จำนวนมากจากกองกำลังทั้งหลายที่เข้ามาพร้อมกับบรรพจารย์ต้าโหลวในก่อนหน้านี้ ล้วนถูกกดอัดจนแทบจะหมอบคลานลงไปกับพื้น
กงล้อเทพห้าวง นี่คือราชาเทพระดับเก้าคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเผ่ามกุฎที่มาจากตระกูลต้าฉิน!
“ที่แท้ก็เป็นฉินอ๋องที่มาเยือนนี่เอง ต้องกราบอภัยล่วงหน้าด้วยนะหากดูแลได้ไม่ทั่วถึง……”
เมื่อเห็นผู้มาเยือน บรรพจารย์ต้าโหลวจึงไม่กล้าชักช้า ก่อนจะรีบคารวะทำความเคารพพลางพูด
ฉินอ๋องเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอาณาจักรตะวันออกแห่งโลกร้าง เป็นผู้แข็งแกร่งที่เป็นรองเพียงประมุขอาณาจักรบูรพาเท่านั้น ส่วนประมุขอาณาจักรบูรพาเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งยุคระดับมกุฎเทพระดับเก้า
ฉินอ๋องผงกหัวอย่างเย็นชา แม้นบรรพจารย์ต้าโหลวก็เป็นเทพมารระดับเก้าเช่นกัน ทว่าศักยภาพของทั้งสองฝ่ายกลับแตกต่างกันเยอะมาก หากเขายินดีละก็ ยิ่งสามารถกระทืบบรรพจารย์ต้าโหลวจนจิตร่างมอดไหม้ภายในสิบกระบวนท่าได้
“ผู้เพื่อนยุทธ์ต้าโหลวก็มาเพื่อทหารจักรวรรดิเลิศล้ำเช่นกันหรือ?”จู่ ๆ ฉินอ๋องก็เอ่ยปากถาม
เมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว จิตใจของบรรพจารย์ต้าโหลวก็บีบแน่นขึ้นมา ก่อนจะยิ้มพลางตอบกลับ: “ฉินอ๋องเข้าใจผิดแล้วขอรับ เมื่อมีฉินอ๋องอยู่ที่แห่งนี้ด้วย ข้าจักกล้าทำให้ทหารจักรวรรดิเลิศล้ำนั่นเปรอะเปื้อนได้อย่างไรเล่า”
ไม่มีทางหากบอกว่าไม่หวั่นไหวต่อทหารจักรวรรดิเลิศล้ำ บรรพจารย์ต้าโหลวเป็นผู้ที่มาถึงก่อน เดิมทีเขาวางแผนที่จะลงมือแก่งแย่งทหารจักรวรรดิเลิศล้ำมาก่อน ทันทีที่มีทหารจักรวรรดิเลิศล้ำอยู่ในมือ เช่นนั้นเขาก็ไม่เกรงกลัวผู้แข็งแกร่งราชาเทพอย่างฉินอ๋องแล้ว
แต่เขาแค่คิดไม่ถึงว่าฉินอ๋องจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เขาเพิ่งมาถึงและยังไม่ทันได้ลงมือเลย ฉินอ๋องก็มาถึงแล้ว
“เป็นเช่นนี้น่ะดีที่สุดแล้ว……โจรชั่วที่ใดบังอาจสอดแนมราชาอย่างข้า?”รอยยิ้มบนใบหน้าฉินอ๋องหายวับไปกะทันหัน จากนั้นสายตาเขาก็เบิ่งมองไปยังส่วนลึกของหุบเขาสยบปีศาจ มีรัศมีเทวทะลุออกมาจากดวงตาคู่หนึ่ง ราวกับกระบี่เทพสองเล่ม เฉือนทลายท้องฟ้า พุ่งตรงไปยังยอดเขาเจ๋อฉิงโดยตรง
“กระแสสัมผัสว่องไวและเฉียบแหลมอยู่นี่”บนยอดเขาเจ๋อฉิง หลัวซิวพูดอย่างเย็นชา กระแสสัมผัสที่เขาปล่อยออกไปในเมื่อครู่นี้ถูกฉินอ๋องสัมผัสได้แล้ว
แม้นจะเป็นเพียงรังสีแห่งกระบี่เทพสองดวงที่ปล่อยออกมาจากดวงตา แต่พลานุภาพก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจเทียบเคียงได้ มาตรแม้นว่าลวี่โหลวจะมีตราเขามังกรฉิว ก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถต้านทานพลังโจมตีนี้ได้
“ทลายซะ——!”
หลัวซิวตวาดเสียงเบา พลังเวทย์พุ่งออกไปพร้อมกับคำพูด รัศมีแห่งกระบี่เทพสองดวงนั้นที่ก้าวข้ามผ่านอนัตตาแล้วพุ่งสับมาทางยอดเขาเจ๋อฉิง สลายตัวหมดไปภายในพริบตา
สีหน้าของฉินอ๋องเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากเมื่อครู่เขาสัมผัสได้ว่ามีปณิธานที่น่าสยดสยองอย่างยิ่งจุติลงมา ณ เสี้ยววินาทีนั้น
“แย่แล้ว รีบถอย!”
ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าของฉินอ๋องขาวซีดลงไปภายในพริบตา จากนั้นเขาก็หันหลังแล้วจากไปโดยที่ไม่หันหน้ากลับมามองอีก
“บุกเข้ามาในหุบเขาสยบปีศาจของกู มึงคิดว่าอยากมาก็มาอยากไปก็ไปได้อย่างนั้นหรือ?”
เสียงที่เยือกเย็นสะท้อนมา ถัดจากนั้นก็มีมือใหญ่ข้างหนึ่งร่วงลงมาจากอนัตตาด้วยพลานุภาพที่มโหฬารพันลึก
ฟึ่บ!
แสงโลหิตสาดกระเด็น จากนั้นแขนข้างหนึ่งที่ท่วมเต็มไปด้วยเลือดก็ตกลงมาจากท้องฟ้า บรรพจารย์ต้าโหลวตกใจจนใบหน้าขาวซีดทันที เนื่องจากแขนข้างนี้เป็นแขนของฉินอ๋อง!
“สำนักเซียนต้าโหลว? เทพมารระดับเก้า? หึ! ……”
มือใหญ่ที่ฉีกกระชากแขนของฉินอ๋องแผ่คลุมไปทางบรรพจารย์ต้าโหลว สำนักเซียนต้าโหลวบ้าบออะไร เทพมารระดับเก้ามะเขืออะไร ต่างต้านทานเสียงหึอันเยือกเย็นของนายแห่งหุบเขาสยบปีศาจไม่ได้
ตลอดช่วงหลายสิบล้านปีที่ผ่านมา วันนี้ต้องเป็นวันที่น่าทึ่งที่สุดในประวัติศาสตร์แน่นอน แม้แต่ศึกสงครามระหว่างสำนักมังกรฟ้าและภูเขาว่านเริ่นเมื่อ 30 ล้านกว่าปีก่อน ก็ทำให้อาณาจักรตะวันออกแห่งโลกร้างสั่นคลอนเล็กน้อยเท่านั้น
แต่วันนี้ข่าวคราวกลับแพร่งพรายออกไปจากอาณาจักรตะวันตกแห่งโลกร้าง จนสั่นคลอนไปทั่วอาณาจักรดาราทั้งห้าแห่งโลกร้าง!
“เขากลับมาแล้วหรือ?”บรรพอาจารย์ที่เก่าแก่ที่สุดในตระกูลต้าฉินออกจากการปิดขัง เรื่องที่ฉินอ๋องถูกฉีกกระชากแขนข้างหนึ่ง ทำให้มีความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าเขาเล็กน้อย
“ผู้ที่บรรพอาจารย์หมายถึงคือผู้ใดขอรับ?”สำหรับผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในแดนอย่างฉินอ๋องแล้ว การจะทำให้แขนก็งอกกลับคืนมาใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่จัดการยากคือพลังแห่งเกณฑ์พลังเต๋าที่แฝงซ่อนอยู่ในสภาพอาการบาดเจ็บประเภทนี้
ต้าฉินเหล่าจู่พยักหน้าอย่างตึงเครียด “ผู้ที่สามารถควบคุมหุบเขาสยบปีศาจ ตั้งแต่โบราณกาลมา นอกจากคนคนนั้นแล้ว ไม่มีทางมีคนอื่นได้อีก”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ต้าฉินเหล่าจู่ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง “ในยุคสมัยอันไกลโพ้นนั้น หุบเขาสยบปีศาจได้รับการขนานนามว่าเป็นป้อมปราการที่แข็งแรงที่สุดในโลกหล้า ไม่มีผู้ใดสามารถทลายมันได้ อดีตเคยมีผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าร่วมมือกัน แต่ก็ไม่เคยบุกเข้าไปในหุบเขาสยบปีศาจได้เลย”
“การที่เจ้าสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้นั้น ถือว่าคนคนนั้นคำนึงถึงมิตรภาพเก่าแล้ว เพราะตระกูลต้าฉินของเราเคยมีผู้แข็งแกร่งท่านหนึ่งเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมรบกับเขามาก่อน และคนคนนั้นก็คือท่านพ่อของข้า ท่านปู่ของเจ้า!”
ต้าฉินเหล่าจู่พูดอย่างทอดถอนใจ “ในยุคสมัยนั้น ข้ายังเป็นเพียงหนุ่มน้อยที่เพิ่งเข้าสู่สังคม และขาดประสบการณ์อยู่เลย……”