มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2750 กระบี่เทวเฉว่ซ่า
ด่านที่ยากที่สุดในการข้ามผ่านทะเลสาบแห่งความตายอยู่ตรงนี้ ญาณมรณะบนแท่นบูชาที่มีจำนวนมากจนน่าตกใจ และที่ยิ่งน่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ญาณมรณะเหล่านี้ แต่ละตนล้วนมีความแข็งแกร่งในระดับเทพมารระดับเก้าขึ้นไปทั้งสิ้น ถึงขั้นว่า ในนั้นยังมีอีกหลายตน ที่มีออร่าอันแข็งแกร่ง เทียบเท่ากับราชาเทพระดับเก้าได้
เมื่อหันกลับไปเห็นภาพนี้ สีหน้าของสวีเซิ่งเจี๋ยก็เปลี่ยนไปในทันที และดูซีดเผือดขึ้นเล็กน้อย
“โฮก !”
ญาณมรณะบนแท่นบูชาส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ จากนั้นก็พุ่งโจมตีเข้ามาเป็นสีดำทมิฬ
“ฆ่า !”
สวีเซิ่งเจี๋ยยกมือขึ้นชี้ ศัสตราวุธทั้งมีดและกระบี่ก็ลอยออกมา ไม่ว่าจะเป็นดาบเทวหรือกระบี่เทว ล้วนเป็นอาวุธราชาเทพระดับเก้า มีพลังอำนาจที่ไร้เทียมทาน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นหลัวซิวเองก็ไม่กล้าประมาท เขาจับดาบกระบี่ร่องฟ้าไว้ เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า และพุ่งเข้าโจมตี
“เปรี้ยง !”
บนแท่นบูชามีราชาเทพระดับเก้าลงมือขึ้นอย่างกะทันหัน ศัสตราวุธดาบและกระบี่ของสวีเซิ่งเจี๋ยฟันลงไปยังฝ่ามือขนาดใหญ่ ที่ญาณมรณะตนนี้แสดงออกมา แต่กลับเกิดเพียงประกายไฟพุ่งออกมาเป็นสายเท่านั้น
มือใหญ่ของญาณมรณะราชาเทพสั่นสะเทือน ขณะที่พลิกมือ ก็ปัดศัสตราวุธดาบและกระบี่จนลอยกระเด็นออกไป จากนั้นมือใหญ่ทั้งสองข้างก็ฉีกอนัตตา แล้วคว้าไปที่สวีเซิ่งเจี๋ย
“ราชาเทพ !”
ดวงตาของสวีเซิ่งเจี๋ยเบิกโพลง แน่นอนว่าพรสวรรค์ของเขานั้นไม่มีใครเทียบได้ แต่อย่างไรเสียผลการฝึกตนเทพมารระดับแปด ก็ไม่มีทางต่อกรกับราชาเทพระดับเก้าได้
ยิ่งไปกว่านั้น ญาณมรณะราชาเทพบนแท่นบูชา ไม่ได้มีเพียงแค่ตนหรือสองตนเท่านั้น อย่างน้อยมีถึงสิบกว่าตน หรืออาจมากกว่านั้น !
“ปราบสวรรค์ !”
หลัวซิวถือกระบี่ร่องฟ้าอยู่ในมือ แสงกระบี่ฟาดออกไปกลางอากาศ กระทบเข้ากับมือใหญ่ของญาณมรณะราชาเทพจนเกิดเสียงดังสนั่น
“รีบหนีเร็ว !”
หลัวซิวหันมองสวีเซิ่งเจี๋ยที่กำลังตกตะลึง จากนั้นก็กลายร่างเป็นแสงกลทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และพุ่งตรงไปยังฝั่งของทะเสลาบแห่งความตายที่อยู่ตรงข้าม
หลังจากสวีเซิ่งเจี๋ยตั้งสติได้ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ หากไม่รีบหนีคงต้องตายแน่นอน
ทว่า ญาณมรณะที่อยู่บนแท่นบูชาเหล่านี้ ไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาหลบหนีไปได้ง่าย ๆ ญาณมรณะที่มีความสามารถในระดับราชาเทพทุกตน ต่างลงมือในทันที กลิ่นอายของความตายฟุ้งกระจายไปทั่วท้องฟ้า และปกคลุมร่างของพวกเราทั้งสองเอาไว้
ถึงแม้ญาณมรณะเหล่านี้ ไม่รู้ว่าจะแสดงพลังอมตะวิชาอาถรรพ์ออกมาอย่างไร แต่กลิ่นอายความตายที่อยู่ในร่างในของพวกเขาก็น่าตกใจอย่างยิ่งแล้ว อีกทั้ง เมื่ออยู่ในทะเลสาบแห่งความตาย ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยิ่งได้รับการสนับสนุน เรียกได้ว่า ต่อให้ราชาเทพระดับเก้าที่แท้จริงมาด้วยตนเอง ก็ยังต้องล่าถอย
“เวิง !”
สวีเซิ่งเจี๋ยเสกระฆังเซียนออกมา ระฆังสั่นไหวและส่งคลื่นเสียงที่ผันผวนออกมา ป้องกันการโจมตีจากญาณมรณะที่อยู่บนแท่นบูชา
หลัวซิวเองก็เสกเตากลั่นนภาจื่อเซียวออกมา ทั้งสองร่วมมือกัน ก็ยังถูกญาณมรณะราชาเทพเหล่านั้นโจมตี เลือดปราณที่สั่นสะเทือนพลิกกลับไปมา
ทว่า ถึงแม้ความแข็งแกร่งของผลการฝึกตนของเขาทั้งสอง จะเทียบเท่ากับเทพมารระดับเก้าแล้ว แต่เมื่อถูกญาณมรณะสิบกว่าตนหรืออาจมากกว่ารุมโจมตี ก็ค่อย ๆ ต้านทานไม่ไหวเช่นเดียวกัน
“เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง !……”
มือใหญ่ที่ดำทมิฬเหมือนหมึก ทับลงมามือแล้วมือเล่า รวมไปถึงกลิ่นอายความตายที่แข็งแกร่งอีกหลายสาย หลัวซิวและสวีเซิ่งเจี๋ยถูกโจมตีจนหมดทนทางโต้กลับ แม้แต่โอกาสที่จะใช้วิชาร่างกลเพื่อหลบหนีก็ยังไม่มี
“สหายหลัว ทำอย่างไรดี ?” สวีเซิ่งเจี๋ยหันมองหลัวซิวแล้วเอ่ยถามขึ้น
“ทำได้เพียงแยกย้ายกันหนีแล้ว หากเป็นเช่นนี้ญาณมรณะก็จะแยกกันโจมตี เจ้ากับข้าล้วนมีโอกาสหนีรอด” หลัวซิวพูดขึ้นเช่นนี้
“ดี !”
สำหรับข้อเสนอนี้ของหลัวซิว สวีเซิ่งเจี๋ยตอบรับโดยไม่ลังเลเลยสักนิด เขาสามารถพัฒนามาได้จนถึงระดับนี้ ไม่ใช่เพราะพึ่งพาร่างเทวไร้มลทินเพียงอย่างเดียว ตัวเขาเองผ่านการขัดเกลาด้วยความเป็นความตายมาหลายครั้ง จึงเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างดี แยกย้ายกันหนีจึงจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด
ทันทีที่พูดจบ เตากลั่นนภาจื่อเซียวที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของหลัวซิว ก็เคลื่อนที่ไปทางด้านซ้าย ส่วนสวีเซิ่งเจี๋ยก็ขับเคลื่อนระฆังเซียนเคลื่อนที่ไปทางด้านขวา
ญาณมรณะจำนวนมากมีสติปัญญาที่ไม่สูงนักจริง ๆ การโจมตีถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายในทันใด แต่ญาณมรณะราชาเทพเหล่านั้น ส่วนใหญ่กลับลงมือไปทางหลัวซิว
“ไอ้บ้าเอ๊ย !”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นหลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
“ฮ่า ๆ ของใจนะสหายหลัว เช่นนั้นข้าขอตัวล่วงหน้าไปก่อนนะ” สวีเซิ่งเจี๋ยดีใจ รีบคว้าโอกาสแปลงกายเป็นแสงกล และรีบหนีไปด้วยความเร็วสูงสุดทันที
เมื่อเห็นแสงกลสวีเซิ่งเจี๋ยยิ่งออกห่างไปไกล จนกระทั่งลับตาไป แววตาของหลัวซิวก็ปรากฏความดุดันขึ้นมา
“เปรี้ยง !”
ศิลาเทวชิงเทียนลอยออกมาจากห้วงจักรของเขา ด้วยพลังอำนาจของอัญสมบัติสวรรค์ จึงขัดขวางการโจมตีทั้งหมดไว้ได้ทันที
“เวิง !”
ยันต์ค่ายแต่ละแถวส่องประกายแสงเทวออกมา ยันต์ค่ายทั้งเก้าสิบเก้าแถว บินวนรอบตัวหลัวซิวราวกับผีเสื้อ ภายใต้พลังอมตะโคจรของสรรพวิถีล้วนว่าง กลิ่นอายความตายนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้ามาหาเขาต้องมลายหายไป ความลึกลับนี้ เหนือกว่าแสงเทวไร้มลทินของสวีเซิ่งเจี๋ยมากนัก
“สยบ !”
เวทย์ของหลัวซิวพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาให้พลังอำนาจของศิลาเทวชิงเทียน สยบญาณมรณะที่อยู่บนแท่นบูชาเหล่านั้น
ในขณะเดียวกันนี้ เขาก็เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า ใช้มือทั้งสองข้างกอดแท่นบูชาเอาไว้ แล้วดึงแท่นบูชาขึ้นมา
เขามองออกนานแล้วว่า แท่นบูชานี้เป็นสมบัติชั้นยอดชิ้นหนึ่ง แฝงไปด้วยพลานุภาพของกลิ่นแยแห่งความตาย ซ้ำยังมีออร่าวัฏสงสาร ถูกทะเลสาบแห่งความตายชุบเลี้ยงมาช้านาน ไม่เหมือนกับศิลาเทวมรณา ที่ถูกกัดกร่อนมานานจนพลังอำนาจลดลงอย่างมาก
เรียกได้ว่า หากนำแท่นบูชานี้มากลั่นแปร อาจถึงขั้นนำมากลั่นภัณฑ์เซียนอาวุธมกุฎเทพระดับเก้าได้เลย !
“โฮก ! โฮก ! โฮก !……”
ญาณมรณะจำนวนมากร้องคำราม ไม่ว่าในนั้นจะมีญาณมรณะราชาเทพจำนวนเท่าไร แต่กลับไม่เหมือนนักยุทธ์โดยทั่วไปที่มีการฝึกเวทย์ ทำได้เพียงแค่อาศัยกำลังที่ดุร้ายและกลิ่นอายของความตาย ในเวลาอันสั้น จึงไม่อาจหลุดพ้นจากการสยบของศิลาเทวชิงเทียนได้
พลังชิงเทียนเวียนว่ายตายเกิด ขอเพียงแค่เวทย์ของหลัวซิวค้ำจุนไว้ได้ ญาณมรณะเหล่านี้ก็เลิกคิดที่จะรอดพ้นการสยบไปได้เลย
น้ำหนักของแท่นบูชาน่าตกใจไม่น้อย ต่อให้เป็นร่างเนื้อที่แข็งแกร่งของหลัวซิว การจะอุ้มขึ้นมาก็นับว่าเปลืองแรงไม่น้อย
มีคลื่นใหญ่โหมซัดอยู่ตรงกลางทะเลสาบแห่งความตาย ตอนที่เขาดึงแท่งบูชาขึ้นมาจากกลางทะเลสาบ ญาณมรณะทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งความตาย ต่างถูกรบกวน !
ในขณะเดียวกันนี้ หลัวซิวก็รู้สึกว่าเวทย์ของตนเองไม่อาจต้านทานได้ไหวอีกต่อไป อย่างไรเสียการใช้สิ่งล้ำค่าอย่างศิลาเทวชิงเทียน สำหรับเขาในตอนนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ลำบากอย่างยิ่ง
หลัวซิวเก็บแท่นบูชามรณะเข้าไปในแหวนเก็บของ อย่างไรเสีย สมบัติชิ้นนี้ก็อยู่ในระดับที่สูงเกินไป อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่น่าตกใจ พื้นที่ภายในแหวนเก็บของไม่อาจรองรับได้ ทันทีที่ใส่เข้าไป โซนที่อยู่ในแหวนจะต้องถูกบดขยี้อย่างแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนี้ หลัวซิวจึงทำได้เพียงผลึกตราแท่นบูชามรณะเอาไว้อย่างแน่นหนา แล้วเก็บเข้าไปในตัวหยั่งรู้ห้วงจักร พื้นที่ในตัวหยั่งรู้ของเขากว้างขวางไร้พรมแดน สมบัติที่สำคัญจำนวนมากล้วนถูกเก็บไว้ที่นี่
จากนั้นเขาก็เก็บศิลาเทวชิงเทียนกลับคืนมา ยันต์ค่ายสามสิบสามแถวที่จารึกไว้บนตัว รวมไปถึงโซนเปลี่ยนแปลงวิถีไร้ลักษณ์ และ พลังของเกณฑ์ที่มีความเร็วเป็นสองเท่า ความเร็วของเขาทะยานขึ้นถึงจุดสูงสุดในทันที และหายวับไป
ทะเลสาบแห่งความตายเดือดพล่าน ญาณมรณะจำนวนมหาศาลส่งเสียงคำราม และค่อย ๆ ไล่ตามไปยังทิศทางที่หลัวซิวหลบหนีไป
ตรงส่วนลึกที่อยู่ใต้สุดของทะเลสาบ ญาณมรณะที่หลับใหลมาช้านานตนหนึ่งลืมตาสีแดงฉานขึ้นมา บนตัวของเขาสวมเกราะเทพสีแดง ในขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างเปิดขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะมีเจตนาฆ่าอันน่าตกใจเผยออกมา
“ใครกล้าขโมยสมบัติที่สำคัญของทะเลสาบแห่งความตาย ทำให้ข้าต้องตื่นจากหลับใหล ?”
ญาณมรณะตนนี้พูดภาษามนุษย์ออกมา ดูเหมือนจะไม่ใช่คำพูดที่เหมือนกับญาณมรณะธรรมดาที่ไร้สมองพวกนั้นจะพูดออกมาได้
เขาเรียกตนเองว่าข้า ออร่าที่อยู่รอบเหนือเหนือกว่าราชาเทพระดับเก้ามากนัก ที่แท้ก็เป็นถึงมกุฎเทพระดับเก้าผู้หนึ่งที่ยังดำรงอยู่ !
เมื่อข้ามทะเลสาบมาถึงฝั่งได้ หลัวซิวก็เห็นด้านหน้ามีกระบี่เทวสีเลือดอยู่หนึ่งเล่ม กระบี่เทวเล่มนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ราวกับภูเขาเซียนสีแดงสด ปล่อยพลานุภาพอันกว้างใหญ่ของเจตนาฆ่าออกมา
โดยรอบของกระบี่เทวสีเลือดเล่มนี้ ถูกล้อมรอบไปด้วยร่างจำนวนมาก ทุกคนล้วนแต่งกายสีแดง มีเจตนาฆ่าร่วมกัน คิดจะฉีกท้องฟ้าออกเป็นชิ้น ๆ !
“ชนเผ่าเฉว่ซ่า ?”
หลัวซิวหรี่ตาลง อีกทั้งเขายังเห็นร่างที่คุ้นเคย อยู่ท่ามกลางคนของชนเผ่าเฉว่ซ่าอีกด้วย เทียนซ่าเจินจวิน !”
ตอนนี้กลุ่มคนของชนเผ่าเฉว่ซ่า กำลังรุมโจมตีมังกรดำ มังกรดำตัวนี้มีรูปร่างใหญ่โต ความแข็งแกร่งเทียบได้กับราชาเทพระดับเก้า
หลัวซิวกวาดสายตามองไป เทียนซ่าเจินจวินไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในชนเผ่าเฉว่ซ่า หนึ่งในนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่ง สวมชุดสีเลือด ใบหน้าเย็นชา และมีการฝึกตนถึงระดับราชาเทพระดับเก้า !
“ฮ่า ๆ สหายหลัว เจ้าเองก็ข้ามทะเลสาบแห่งความตายมาด้วยหรือ ?”
ทันใดนั้นเอง มีเสียงเสียงหนึ่งดังเข้าหู หลัวซิวหันมองไป จากนั้นก็เห็นสวีเซิ่งเจี๋ยเหาะมาจากที่ไม่ไกลนัก
“ทำไม ? สหายสวีคิดว่าข้าควรจะตกลงไปในทะเลสาบแห่งความตายใช่หรือไม่ ?” หลัวซิวกวาดสายตามองสวีเซิ่งเจี๋ยแล้วพูดขึ้น
“คือว่า……สหายหลัวเข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้ว……” สวีเซิ่งเจี๋ยรีบโบกมือ และแสงดท่าทีรู้สึกผิดอย่างยิ่ง อย่างไรเสีย หากตอนนั้นไม่ใช่เพราะได้หลัวซิว ช่วยดึงดูดการโจมตีจากญาณมรณะราชาเทพจำนวนมาก เขาก็คงไม่อาจข้ามจุดศูนย์กลางของทะเลสาบแห่งความตายมาได้อย่างสบาย ๆ เช่นนี้
ในขณะเดียวกัน สวีเซิ่งเจี๋ยก็เห็นคนของชนเผ่าเฉว่ซ่าเหล่านั้นแล้วเช่นกัน สายตาจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดแดงผู้เป็นหัวหน้า แล้วพูดว่า : “คนนี้คนของชนเผ่าเฉว่ซ่าเดินทางมาจำนวนไม่น้อย แม้แต่หัวหน้าเผ่าระดับราชาเทพก็ถูกกระตุ้นแล้ว”
พูดถึงชนเผ่าเฉว่ซ่า สวีเซิ่งเจี๋ยก็พูดขึ้นมาอย่างฉะฉาน : “จากที่ข้ารู้มา หัวหน้าเผ่าที่มีผลการฝึกตนอยู่ใน แดนราชาเทพระดับเก้าของชนเผ่าเฉว่าซ่าผู้นี้ น่าจะมีอายุอย่างน้อยสิบล้านปีแล้ว แต่นางเก็บตัวมาหลายปี ลงมือครั้งนี้ ถึงขั้นพาผู้แข็งแกร่งในชนเผ่าจำนวนมากมายังแดนสุขาวดี จะต้องมีแผนการใหญ่อย่างแน่นอน !”
หลัวซิวพยักหน้า ผู้แข็งแกร่งที่มีผลการฝึกตนบรรลุถึงราชาเทพระดับเก้าเช่นนี้ นับว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะกระตุ้นพวกเขาได้ ราชาเทพของชนเผ่าเฉว่ซ่าผู้นี้ออกโรงด้วยตนเอง จะต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่นอน
“นั่นคือเศษณ์ทักษาพันธุ์ของชนเผ่าเฉว่ซ่า ได้ยินว่ามีระยะเวลาที่สูงที่สุด เป็นทหารจักรวรรดิระดับเก้า แต่ภายหลังได้ยินว่าได้รับความเสียหายในสงครามครั้งใหญ่ วิญญาณกระบี่ดับสูญ ดังนั้นจึงเทียบได้กับอาวุธราชาเทพระดับเก้าเท่านั้น” สวีเซิ่งเจี๋ยชี้นิ้วไปยังกระบี่เทวสีแดงที่แข็งแกร่ง
“วิญญาณกระบี่ดับสูญ ?”
หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย สิ่งที่เรียกว่าวิญญาณกระบี่ ก็คือจิตภัณฑ์ที่อยู่ในกระบี่เทวสีเลือด ศัสตราวุธที่สามารถสร้างจิตภัณฑ์ขึ้นมาได้ จึงจะถือว่าเป็นศัสตราวุธที่แท้จริง และการที่สูญเสียจิตภัณฑ์ไป พลังอำนาจของศัสตราวุธก็จะลดลงอย่างยิ่ง จากทหารจักรดวรรดิระดับเก้าลงสู่อาวุธราชาเทพระดับเก้า ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ทันใดนั้นเอง สายตาของหลัวซิวก็จับจ้องไปที่ตัวของมังกรดำ ที่ถูกชนเผ่าเฉว่ซ่าเหล่านั้นรุมโจมตีอยู่ มังกรดำราชาเทพตัวนี้ ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยพลานุภาพของพลังชีวิตและกลิ่นอายความตาย ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่ามังกรทองห้ากรงเล็บที่เขาเจอในแดนสุขาวดีตอนต้นมากนัก
รอบนอกของแดนสุขาวดีมีอสูรจิตปรากฏขึ้น ล้วนถูกพลังชีวิตหลอมรวม จากนั้นก็เป็นญาณมรณะที่อยู่ในทะเลสาบแห่งตวามตาย ก็ล้วนถูกกลิ่นอายแห่งความตายกัดกร่อน และหลังจากที่ข้ามทะเลสาบแห่งความตายมาได้ อสูรจิตที่อยู่ที่นี่ ล้วนมีทั้งพลังของความเป็นความตายในเวลาเดียวกัน
“ดูเหมือนว่าชนเผ่าเฉว่ซ่าต้องการฆ่ามังกรดำตัวนี้ จาดนั้นก็กลั่นแปรมังกรดำตัวนี้เข้าไปในกระบี่เทว ให้มังกรดำกลายเป็นจิตวิญญาณกระบี่ เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงแม้กระบี่เทวเล่มนี้จะไม่สามารถกลับคือสู่สภาพที่สมบูรณ์ที่สุดได้ แต่อย่างน้อยก็บรรลุถึงอาวุธมกุฎเทพระดับเก้าได้ !”
หลัวซิวคิดในใจ หากหัวหน้าเผ่าเฉว่ซ่าถือกระบี่มกุฎเทพระดับเก้าอยู่ในมือ เช่นนั้นแดนราชาเทพระดับเก้านี้ ก็แทบจะไร้ซึ่งคู่ต่อสู้แล้ว