มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2819 การไล่ล่าของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน
“แคว็ก! ……”
โลกาที่อยู่รอบ ๆ ก็เหมือนดั่งกระจกที่กำลังจะแตกสลาย เกิดเป็นรอยร้าวจำนวนมาก
ซึ่งนี่เกิดจากการต่อต้านโดยสัญชาตญาณของลู่เมิ่งเหยา เพราะเขาไม่อยากทำร้ายลู่เมิ่งเหยา ดังนั้นเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงไม่ได้สอดแนมห้วงวนความทรงจำตามอำเภอใจ
“ข้าเจอแล้ว!”
ในขณะที่ปณิธานกำลังจะถูกบีบให้ออกมาจากห้วงวนความทรงจำโดยสิ้นเชิงอยู่นั้น ในที่สุดหลัวซิวก็เจอคำตอบที่เขาต้องการในส่วนที่ลึกที่สุดของห้วงวนความทรงจำสักที
ปณิธานย้อนกลับมายังร่างดั้งเดิมของญาณเทว ถัดจากนั้นก็มีจิตสังหารที่รวดเร็วและดุดันม้วนซัดมา ห้วงดาบที่ไร้ขอบเขตกลายเป็นจิตสังหาร ถึงแม้เขาจะเป็นร่างญาณเทว แต่ก็มีความรู้สึกเหมือนจะถูกดาบนับหมื่นประหารโดยการแล่เนื้อเอาเกลือทา
“เมิ่งเหยา……”
หลัวซิวตะโกนเสียงยาวคำหนึ่ง ในตัวหยั่งรู้ของนางไม่มีปัจจัยที่ส่งผลต่อความรู้สึกใด ๆ คงอยู่ แม้กระทั่งช่องจิตของนางก็อยู่ในรูปดาบที่เย็นยะเยือก ในส่วนของความรู้สึกดั้งเดิมที่เป็นของมนุษย์อสูรจิตนั้น กลับถูกนางฝังอยู่ในส่วนลึกของห้วงวนความทรงจำ
หลังจากผ่านการสอดแนมห้วงวนความทรงจำ หลัวซิวก็เข้าใจจิตใจที่แท้จริงของลู่เมิ่งเหยาอีกขั้น
เส้นทางจิตใจของนางขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ ผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็เลือกที่จะออกแสวงหาเส้นทางที่เขาเคยเดินพร้อมกับฮู๋ชิงชิง เดิมทีชั่วชีวิตนี้ของนางน่าจะจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ แต่กลับประสบพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ อีกครั้ง
ฮู๋ชิงชิงปลุกตื่นความทรงจำของชาติปางก่อน อีกทั้งผลการฝึกตนที่แข็งแกร่งก็ฟื้นฟูกลับคืนมาด้วย นางนำเรื่องราวของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดบอกเล่าให้ลู่เมิ่งเหยาฟัง แถมยังบอกกับนางอีกด้วยว่าไม่เร็วก็ช้า สักวันหลัวซิวก็จะไปโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดเช่นกัน ดังนั้นจึงพานางมุ่งหน้าไปยังโลกร้างพร้อมกัน
แม้นหลัวซิวจะมาถึงโลกร้างจริง ๆ แต่นางกลับไม่อยู่แล้ว เพราะอุบัติเหตุครั้งหนึ่งทำให้นางถูกส่งมาในโลกสวรรค์
และสาเหตุที่อุปนิสัยนางเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่นั้น ก็เป็นเพราะเรื่องราวที่ได้ประสบพบเจอในโลกสวรรค์เช่นกัน ความทรงจำ รวมไปถึงความรู้สึกที่ได้ประสบพบเจอมาในช่วงเวลานั้น ถูกพลังหนึ่งผนึกไว้
ระหว่างทางที่นางมุ่งหน้าไปยังมิติสมรภูมิกู่ไท่ นางเคยเข้าไปในแดนปริศนาแห่งหนึ่ง และนางก็ได้รับช่องจิตครึ่งดวงในแดนปริศนาแห่งนั้น
“เวิ่ง! ……”
ญาณเทวของหลัวซิวกลายเป็นลำแสงดวงหนึ่ง หลบเลี่ยงพลังโจมตีทั้งหมด ออกจากตัวหยั่งรู้ของลู่เมิ่งเหยา แล้วย้อนกลับมายังร่างแท้ของหลัวซิว
ณ เสี้ยววินาทีที่ญาณเทวกลับเข้ามาในตัวหยั่งรู้ หลัวซิวลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมากะทันหัน จิตสังหารอันน่าทึ่งที่ราวกับมาจากยุคดึกดำบรรพ์ก็ระเบิดแพร่กระจายออกมาจากตัวเขา
“ฝีมือผู้ใด!”
เขากัดฟันแน่นพลางพูดประโยคนี้ออกมา จิตสังหารที่ไร้ขอบเขตทำให้พื้นที่รอบตัวเขาถูกย้อมด้วยสีที่แดงฉานปานเลือดสด
ตัวธรรมของเขาหนักแน่นดั่งหินก้อนใหญ่มาโดยตลอด สุขุมเรียบนิ่ง แต่วินาทีนี้ตัวธรรมของเขากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร แทบจะเหมือนดั่งมาร ราวกับเทพสังหารดึกดำบรรพ์ที่ถูกปลุกตื่น
แม้เขาจะไม่ได้มองเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยสายตาตนเอง ทว่าจากความทรงจำที่ถูกผนึกของลู่เมิ่งเหยา เขาก็ยังคงสามารถยืนยันได้ว่าช่องจิตครึ่งดวงที่นางได้รับนั่น เป็นช่องจิตของจี้หวูชวง!
ช่องจิตของนางถูกพลังโจมตีที่แข็งแกร่งโจมตีจนแตกสลาย และในฐานะที่ช่องจิตเป็นที่สถิตของวิญญาณดั้งเดิม ความเสียหายที่หนักหน่วงเช่นนี้ แทบจะไม่มีโอกาสได้กลับชาติมาเกิดอีกแล้ว
ซึ่งช่องจิตครึ่งดวงที่ลู่เมิ่งเหยาได้รับมานี้ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ปนอยู่เลย สาเหตุที่ความทรงจำและความรู้สึกของลู่เมิ่งเหยาถูกผนึกนั้น ก็เป็นผลพวงหลังจากหลอมรวมเข้ากับช่องจิตดวงนี้เช่นกัน
ส่วนสาเหตุที่นางเข้าร่วมหอมกุฎดาบ ก็เป็นเพราะหลังจากหลอมรวมเข้ากับช่องจิตแล้ว นางได้แสดงพรสวรรค์วิถีดาบที่น่าทึ่งออกมา เนื่องจากภายในช่องจิตครึ่งดวงที่นางได้รับมามีการถ่ายทอดสืบสานส่วนหนึ่งของจี้หวูชวงด้วย!
“ไยจึงเป็นเช่นนี้!”
หลัวซิวรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก อดีตครั้นเมื่ออยู่ในมหาโลกาพันสาม เขาก็เข้าใจการดับสลายสูญสิ้นของจี้หวูชวงผ่านการบันทึกของเผ่าจี้แล้ว เป็นเพราะเผ่าจี้ประสบพบเจอกับศัตรูตัวฉกาจ และเพื่อเป็นการคุ้มกันให้คนในเผ่าถอยกลับไปได้อย่างปลอดภัย จี้หวูชวงจึงเลือกที่จะต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจอย่างแน่วแน่ จึงหายเข้าไปในกลีบเมฆตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเมื่อปีนั้นจี้หวูชวงได้ประสบพบเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งมากเพียงใดกันแน่ ไม่เพียงดาบเทพชีวีของนางแตกหัก แม้แต่ช่องจิตของนางก็ถูกโจมตีจนแตกสลายด้วยอย่างนั้นหรือ
ลู่เมิ่งเหยาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถอยหลังกลับไปด้วยสีหน้าที่ระแวดระวัง เพราะจิตสังหารอันน่ากลัวที่ระเบิดออกมาจากตัวชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำที่อยู่ตรงหน้า ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นโดยสัญชาตญาณ
มาตรแม้นว่าความรู้สึกและความทรงจำส่วนหนึ่งของนางจะถูกผนึกไปแล้ว แต่กลับสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าพลังอมตะวิญญาณที่คนดังกล่าวปลดปล่อยออกมาในเมื่อครู่นี้ได้ออมมือต่อตนเองอยู่ นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนดังกล่าวจึงต้องทำเช่นนี้ เขาไม่รู้หรือไงว่าตัวเองเป็นศัตรูของเขา?
“ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง……”
สายตาของหลัวซิวมองไปทางพยับเมฆ มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น เขาจะเปิดเผยด้านที่อ่อนแอของความรู้สึกออกมาน้อยมาก ๆ ทว่าข่าวคราวที่ได้รับจากความทรงจำของลู่เมิ่งเหยากลับทำให้เขาไม่สามารถควบคุมการปะทุของความรู้สึกเช่นนี้
เมื่อปีนั้นเขาต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับเมิ่งเชียนชาง เดิมทีคิดว่าเมื่อตนทุ่มสุดชีวิตทลายกงล้อวัฏจักรธรรมแล้ว ก็จะสามารถคืนจักรวาลที่แจ่มใสให้แก่ชาวโลก ตั้งแต่วินาทีนี้จะไม่มีประมุขเต๋าควบคุมสวรรค์ ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ตามเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า หลังจากเขาเพิ่งดับสลายสูญสิ้นไปได้ไม่นาน ก็เกิดเรื่องกับผู้คนที่อยู่ข้างกายอย่างต่อเนื่อง เมื่อปีนั้นถ้าเกิดเขาไม่ได้ไปเอาเป็นเอาตายกับเมิ่งเชียนชาง บางทีเรื่องทั้งหมดนี้ก็อาจไม่เกิดขึ้น
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนทำให้เขารู้สึกผิดมาก นอกจากการแสวงหาขีดสูงสุดบนวิถียุทธ์แล้ว จุดประสงค์ในการฝึกยุทธ์ของเขาก็คือการคุ้มกันผู้คนที่อยู่ข้างกายมิใช่หรือ?
สายตาของเขาร่วงลงบนตัวลู่เมิ่งเหยา สีหน้าอารมณ์ดูซับซ้อนอย่างยิ่ง ถ้าเกิดเปลี่ยนเป็นผู้อื่น บางทีเขาจะใช้พลังอมตะแยกและกลั่นแปรช่องจิตครึ่งดวงนั้นที่เป็นของจี้หวูชวงออกมา แต่วิธีการเช่นนี้จะทำให้นางได้รับความเสียหายอย่างยิ่ง และอาจดับสลายสูญสิ้นได้ด้วย
ในส่วนของความทรงจำที่ถูกผนึกนั้น หลัวซิวก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน เพราะห้วงวนความทรงจำเปราะบาง ความทรงจำจะสามารถฟื้นฟูกลับคืนมาได้หรือไม่นั้น ลู่เมิ่งเหยาต้องอาศัยตนเอง พึ่งพาผู้อื่นไม่ได้
อย่างน้อยปัจจุบันเขายังไม่สามารถช่วยลู่เมิ่งเหยาปลดผนึกความทรงจำภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทำให้นางได้รับบาดเจ็บ
……
ลู่เมิ่งเหยาถอยกลับไปแล้ว ส่วนหลัวซิวก็ไม่ได้พัวพันต่อเช่นกัน ฮู๋ชิงชิงกำลังฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บอยู่บนภูเขาแหล่งเต๋าที่สี่ ส่วนระยะเวลาที่สถานแหล่งเต๋ากำลังจะปิดลงก็เหลือไม่มากแล้ว
แม้นลู่เมิ่งเหยาจะล้มเลิกความคิดในการแย่งชิงภูเขาแหล่งเต๋าที่สี่ แต่กลับเล็งไปทางภูเขาแหล่งเต๋าที่สาม
ศักยภาพของนางแข็งแกร่งมาก ๆ มีน้อยคนมากที่สามารถต้านทานพลังโจมตีวิถีดาบ แค่อาศัยกงล้อเทพดวงแสงที่มีคุณภาพสมบูรณ์แบบสองวง นอกจากฝั่งหลัวซิวที่ทำให้นางเลือกที่จะหลบเลี่ยงแล้ว ก็มีเพียงขณะที่ประมือกับเมิ่งเชียนชางเท่านั้นที่นางแก่งแย่งภูเขาแหล่งเต๋าที่สองมาไม่ได้
มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ หลังจากแย่งชิงภูเขาแหล่งเต๋ามาได้หลายลูก ในที่สุดลู่เมิ่งเหยาก็ผนึกรวมกงล้อเทพสมบูรณ์แบบวงที่สามออกมาได้สักที
ผลการฝึกตนของนางบรรลุถึงแดนบริบูรณ์ เทพมารระดับเก้าช่วงปลาย กงล้อเทพสมบูรณ์แบบสามวง!
หลัวซิวไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เมิ่งเชียนชาง ผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายเช่นนี้ อันที่จริงเขาค่อย ๆ วางความอคติที่มีต่อเมิ่งเชียนชางลงแล้ว เมื่อปีนั้นสาเหตุที่พวกเขาทั้งสองกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันนั้น สามารถพูดได้เลยว่าตนที่เป็นไท่ซ่างฉิงเมื่อชาติปางก่อนก็เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุเช่นกัน
เขาเมื่อปีนั้นตัดอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองทิ้ง จิตใจมีเพียงการแสวงวิถีธรรม เพราะเมิ่งเสี้ยและเมิ่งเชียนชาง เมิ่งเชียนชางและเขาจึงเปลี่ยนแปลงกลายเป็นอริต่อกัน
เมิ่งเสี้ยคือน้องสาวเขา แต่กลับชอบไท่ซ่างฉิง ทำให้เขาที่เป็นพี่ชายรู้สึกเจ็บใจมาก ดังนั้นจึงนำความเจ็บใจนี้ผันเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังที่มีต่อไท่ซ่างฉิง
ส่วนในยุคสมัยนั้นจี้หวูชวงเป็นเทพธิดาผู้ภาคภูมิของสวรรค์ และเป็นสตรีที่เมิ่งเชียนชางเคยชื่นชอบด้วย แต่นางก็เลือกที่จะติดตามอยู่ข้างกายไท่ซ่างฉิงเช่นกัน ทำให้ความเกลียดชังที่อยู่ในส่วนลึกของหัวใจเมิ่งเชียนชางเพิ่มพูนขึ้นอย่างไร้ขอบเขต
เพื่อเป็นการโค่นล้มไท่ซ่างฉิง เพื่อเป็นการแก่งแย่งทุกสิ่งอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเอง เมิ่งเชียนชางจึงเดินบนเส้นทางที่แสวงหาพลังที่แข็งแกร่ง จนได้รับการถ่ายทอดสืบสานของประมุขเต๋าวัฏสงสาร
สิ่งที่เรื่องราวในอดีตได้ทิ้งไว้ให้ภพชาตินี้ มีเพียงความรำลึกและความรู้สึกเสียใจทีหลังที่ไร้ขอบเขต หลัวซิวเอามือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลังแล้วแหงนมองท้องฟ้าที่มืดมัว รอคอยสถานแหล่งเต๋าปิดลงอย่างเงียบ ๆ
เพราะเขาทราบอยู่ว่าทันทีที่สถานแหล่งเต๋าปิดลง เขาจะได้เผชิญหน้ากับบททดสอบที่เข้มงวดยิ่งกว่า
สิงซาที่ถูกเขาบีบจนหลบหนีออกไป รวมไปถึงเหล่าผู้สืบทอดของเผ่าฟ้าและแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดที่ถูกเขาสังหาร ทันทีที่ออกไปจากสถานแหล่งเต๋าแห่งนี้ แล้วกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังคนเหล่านั้นจะปล่อยตัวเองให้รอดไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?
ครั้งก่อนขณะเผชิญหน้ากับบรรพจารย์จูโหว มีผู้แข็งแกร่งที่เหมือนจะเป็นอาจารย์ในอดีตชาติของเขาลงมือช่วยเหลือ แต่หลัวซิวกลับไม่มีทางฝากฝังชะตาชีวิตของตัวเองไว้กับเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพึ่งพาตนเอง
ระยะเวลาดำเนินการมาถึงช่วงเวลาที่กำหนด หลังจากระยะเวลาสิบปีได้สิ้นสุดลง ก็มีพลังหนึ่งที่ไม่อาจคัดค้านได้ทำการปกคลุมทุกคนที่อยู่ในสถานแหล่งเต๋าเอาไว้ แล้วถูกส่งออกไป
ก่อนจะออกไปจากสถานแหล่งเต๋า หลัวซิวก็ได้ทำการเก็บฮู๋ชิงชิงเข้าไปในเตากลั่นนภาจื่อเซียวแล้ว ณ เสี้ยววินาทีที่ถูกส่งออกมา ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะขณะถูกส่งออกมายังไม่ทันได้จางหายไป มือเขาก็ได้ทำการบีบผังค่ายชิ้นหนึ่งให้แตก
“โครม!”
คลื่นปริภูมิสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นก็มีรอยร้าวปริภูมิจุดหนึ่งฉีกกระชากออกกะทันหัน ต่อมาเงาร่างหลัวซิวก็หายเข้าไปภายใน
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ แม้แต่เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าฟ้าที่อยู่นอกสถานแหล่งเต๋าก็ยังตอบสนองกลับมาไม่ได้
อาศัยพลังของค่ายกลทะยานไปมาอย่างรวดเร็วอยู่ในอนัตตา จู่ ๆ ก็มีวิกฤตการณ์ที่ยิ่งใหญ่ปรากฏในจิตสำนึกของหลัวซิว
เพราะเขาสัมผัสได้ว่ามีพลังออร่าหนึ่งที่มากมายมหาศาลจนไม่อาจคาดเดาได้ปรากฏในอนัตตาที่อยู่ด้านหลังเขา มีคนไล่ตามมาแล้ว
หลัวซิวไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าผู้ที่กำลังไล่ล่าตัวเอง ณ บัดนี้ ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งเผ่าฟ้าแน่นอน เพราะแม้นหลังจากสิงซาออกมาแล้ว หากต้องการหาคนมาจัดการตน ก็ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นหลังจากที่เขาออกมาจากสถานแหล่งเต๋าแล้ว ก็รีบเลือกที่จะหลบหนีทันที ดังนั้นจึงทำให้ตัวเองมีโอกาสเสี้ยวหนึ่งที่ได้หนีออกมา
แม้นจักไม่แน่ชัดว่าผลการฝึกตนของผู้ที่ไล่ล่าตนอยู่ระดับใดกันแน่ แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นมกุฎเทพระดับเก้าแน่นอน จากศักยภาพในปัจจุบันของเขา ต้องไม่สามารถต่อกรกับผู้แข็งแกร่งระดับขั้นนั้นได้แน่นอน
“ระเบิด!”
มีผังค่ายอีกชิ้นหนึ่งระเบิดแตก ความเร็วในการเคลื่อนที่ในอนัตตาของหลัวซิวพุ่งสูงขึ้นกะทันหัน แต่มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ พลังออร่าอันแข็งแกร่งที่ไล่มาจากด้านหลังก็ยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามา น่าจะใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก็จะไล่ตามทันแล้ว
ผังค่ายทั้งหลายถูกหลัวซิวระเบิดแตกอย่างต่อเนื่อง ส่วนมากผังค่ายเหล่านี้ล้วนกลั่นในสถานแหล่งเต๋า ก็เพื่อสามารถหลบหนีทันทีหลังจากออกมา
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วเขาก็ประเมินความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ผิดพลาดไปอยู่ดี เขาระเบิดผังค่ายสิบกว่าชิ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ออร่าที่มีจิตสังหารและความประสงค์ร้ายที่ไล่ตามมาอยู่ด้านหลังนั่นก็ยังคงยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้เขาอีกเช่นเคย
ทันใดนั้นเอง พลังแข็งแกร่งหนึ่งที่ไม่อาจต้านทานได้ก็ปรากฏกะทันหัน หลัวซิวไม่ทันได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำ ก็ถูกพลังอำนาจบีบจนสภาวะที่เคลื่อนไหวในอนัตตาหยุดนิ่งลง
เขามองกลับไปอย่างประหลาดใจ พบว่าตัวเองอยู่ในห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลของโลกสวรรค์ ซึ่งห่างไกลจากดาราหลักของโลกสวรรค์ไม่รู้ตั้งกี่ร้อยล้านไมล์
ส่วนด้านหน้าของเขา เขามองเห็นพสุธาห้วงดาราที่ขมุกขมัว การเคลื่อนไหวในอนัตตาของเขาในก่อนหน้านี้ก็ต้องเคลื่อนที่ผ่านสถานที่แห่งนี้เช่นกัน ต่อมาเขาก็ถูกบีบจนต้องออกมาจากอนัตตา
ในขณะเดียวกัน ตัวสำนึกของหลัวซิวก็มองเห็นเงาร่างอีกร่างหนึ่งที่ปรากฏในอนัตตา เขานึกไม่ถึงเลยว่าผู้ที่ไล่ล่าตนจะเป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของวังสิงเทียน ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าคนหนึ่ง!
ใบหน้าของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนไร้อารมณ์ ต่อให้จะอยู่ห่างไกลกันมาก ๆ แค่พลังออร่าเสี้ยวหนึ่งที่แพร่กระจายออกมาจากตัวเขา ก็ทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มากล้นแล้ว จังหวะในการหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจช้าลง